ศาลไม่เลื่อนนัดพร้อมคดีไผ่ตามคำขอทนาย ‘ไผ่’ แจงศาลยิบ ยืนยันถูกละเมิดสิทธิ

ทนายขอเลื่อนนัด เหตุมีเวลาคุยกับจำเลยน้อยเรือนจำแออัดเสียงดัง ศาลไม่เลื่อนระบุจำเลยถูกขังมานานแล้ว และขอให้จำเลยหยุดพูดคำว่า “เสียเปรียบ” คดีนี้ไม่ใช่คดีเดียวที่ศาลไม่ให้ประกัน  ด้านจตุภัทร์และพ่อให้เหตุผลยาวเหยียดโต้แย้งเรื่องการคุมขังระหว่างต่อสู้คดี “ผมแค่ต้องการความเป็นอิสระและความเท่าเทียมในการสู้คดี” จตุภัทร์กล่าว 


ภาพจากแฟ้มภาพประชาไท

21 มี.ค.2560 เวลา 10.00 น. ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ศาลเริ่มพิจารณาคดีของจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน โดยในวันนี้เป็นนัดตรวจพยานหลักฐานเพื่อนัดหมายการสืบพยานหลังจากนัดที่แล้วจำเลยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอต่อสู้คดี การพิจารณาในวันนี้ไม่ปิดลับ มีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังประมาณ 30 คน แต่มีคำสั่งให้ผู้เข้าฟังการพิจารณาปิดโทรศัพท์ทุกคน และมีสารวัตรทหารรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ในห้องพิจารณาคดีด้วย ขณะที่ภายนอกห้องพิจารณาคดียังมีเพื่อนของไผ่มารอให้กำลังใจแต่ไม่สามารถเข้าฟังได้เนื่องจากไม่มีที่นั่งประมาณ 10 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายจำเลยขอเลื่อนการนัดตรวจพยานหลักฐานในครั้งนี้ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า หลังการส่งฟ้อง ทนายไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับลูกความได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากลูกความถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำและห้องเยี่ยมในเรือนจำมีสภาพแออัดไม่ได้แยกระหว่างส่วนของทนายความและผู้เยี่ยมทั่วไป ทางคณะทนายได้ร้องขอทางเรือนจำให้จัดสถานที่ในการคุยกับลูกความแต่ทางเรือนจำได้ปฏิเสธ นายจตุรภัทร์กล่าวเสริมว่า การพูดคุยในห้องเยี่ยมนอกจากสภาพแออัดเสียงดัง ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วยังมีเครื่องดักฟังด้วย 

กฤษฎางค์ นุตจรัส  ทนายความจำเลยกล่าวเสริมว่า ทางจำเลยไม่ต้องการให้กระบวนการล่าช้าเนื่องจากจำเลยถูกคุมขังอยู่ โดยจะขอเวลา 7 วันในการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมส่งให้ศาลก่อนทำการนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานในครั้งหน้า

จตุภัทร์กล่าวยกตัวอย่างเรื่องการถูกละเมิดสิทธิด้วยการไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว โดยกล่าวกับศาลว่า สภาพของตัวเขาก็เหมือนกับการได้ถูกพิพากษาไปแล้ว ไม่มีอิสรภาพในการออกมาหาพยานหลักฐานในการสู้คดี ขณะที่โจทก์มีเวลา 90 วันในการหาหลักฐานพยาน แต่ตัวเขากลับมีเวลาพบกับทนายความเพียงไม่นาน

ผู้พิพากษาที่ออกนั่งบัลลังก์กล่าวว่า เนื่องจากจำเลยได้ถูกขังมานานแล้วจึงไม่ต้องการให้กระบวนการล่าช้าต่อไป และขอให้หยุดพูดคำว่าเสียเปรียบ คดีนี้ไม่ได้เป็นคดีเดียวที่ศาลไม่ให้ประกันตัว คำสั่งศาลอุทธรณ์ถือว่าเป็นข้อยุติแล้ว และนัดนี้เป็นนัดในการตรวจพยานหลักฐาน ไม่ใช่การไต่สวนเรื่องการขอประกันตัว

จตุภัทร์ชี้แจงรายละเอียดในการยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้ประตัวโดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี ในขณะที่เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์กลับมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลว่า เกรงว่าเมื่อจำเลยได้รับการปล่อยตัวจะไปกระทำการอันเป็นการเย้ยหยันอำนาจรัฐ

“ผมแค่ต้องการความเป็นอิสระและความเท่าเทียมในการสู้คดี” จตุภัทร์กล่าว 

นายวิบูลย์ ภัทรรักษา บิดาของจตุภัทร์ได้ยกมือขึ้นโต้แย้งเพิ่มเติมว่า ขอแสดงความไม่เห็นด้วยที่ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้พูดคำว่าเสียเปรียบ ด้วยเหตุว่าสภาพที่เป็นอยู่ทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร

จตุภัทร์ยกตัวอย่างในเรือนจำที่ตัวเขาถูกกักขังอยู่ว่า มีผู้ต้องขังและนักโทษ 1,300 กว่าคน ทุกคนไม่ได้มีสถานะเหมือนกับตัวเขา ผู้ต้องขังที่คดียังไม่สิ้นสุดมีโอกาสได้ประกันตัว ผู้ที่ศาลตัดสินพิพากษาหรือคดีสิ้นสุดแล้วจึงถูกขัง และพวกเขาเหล่านั้นมีสิทธิได้รับการพิจารณาเลื่อนชั้นผู้ต้องขังเพื่อลดโทษ แต่ในกรณีของเขาบอกว่าไม่สามารถอธิบายได้ว่าตัวเองอยู่ในจุดไหนของกระบวนการยุติธรรม

 จตุภัทร์ยังได้กล่าวว่า ในการถอนประกัน เหตุผลที่พนักงานสอบสวนร้องขอก็ไม่ได้ระบุไว้ในหนังสือคำสั่งศาลในการให้ประกันตัว และหากศาลมีเงื่อนไขอย่างไรในการให้ประกันตัว เช่น ต้องไม่เย้ยหยันอำนาจรัฐ การให้เลิกเล่นเฟซบุ๊ก ก็ควรระบุมาตั้งแต่ต้นเพื่อที่ว่าเมื่อผิดเงื่อนไขก็สามารถถอนประกันได้ และหากคดีพิจารณาจนสิ้นสุดแล้วเห็นว่าตนมีความผิดก็ยินดีที่จะถูกคุมขัง 

"หากจะขังผม ก็ขอให้ขังผมในฐานของผู้ที่กระทำความผิด แต่อย่าขังผมในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ในระหว่างนี้ ผมไม่ควรที่จะถูกคุมขัง จนกวากระบวนการพิจารณาคดีจะสิ้นสุด" จตุภัทร์กล่าว

ผู้พิพากษากล่าวว่า จะไม่เลื่อนวันนัดพิจารณา เนื่องจากทนายความในคดีนี้มีหลายคน ให้ทนายทำหน้าที่หาพยานหลักฐานในการสู้คดีให้ได้ แต่จะอนุญาตให้ทนายความได้ปรึกษาหารือเพื่อเตรียมความพร้อมกับลูกความโดยจะนัดหมายเวลาตรวจพยานหลักฐานใหม่เป็นเวลา 13.30 น. ในส่วนข้อโต้แย้งของไผ่ในเรื่องการประกันตัว ศาลจะรับไว้เพื่อนำไปปรึกษาพิจารณากันอีกครั้ง 

การพิจารณาคดีในช่วงเช้าได้สิ้นสุดลงประมาณเวลา 11.00 น. โดยหลังจากนั้นจตุภัทร์ได้หารือกับทนายความ และการนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานจะเริ่มอีกครั้งที่ห้องพิจารณา 4 ชั้น 3 ศาลจังหวัดขอนแก่นเวลา 13.30 น. 

ไม่ได้ประกันอีกครั้ง - ตารางสืบพยานมากกว่า 30 ปาก คาดพิพากษา พ.ย.นี้

เวลาประมาณ 14.30 น. มีการนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานและนัดสืบพยานคดีนี้ โดยศาลสั่งให้ผู้เข้าสังเกตการณ์คดีวางกระเป๋าและโทรศัพท์ไว้ด้านนอกห้องพิจารณาทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาล อัยการ ทนายความจำเลยได้ข้อสรุปตารางการนัดสืบพยานร่วมกัน โดยอัยการยื่นบัญชีพยานทั้งสิ้น 17 ปาก ได้แก่ พล.ท.พิทักษ์พล ชูศรี ผู้แจ้งความดำเนินคดี เจ้าพนักงานผู้ทำการจับกุม ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต และผู้ชำนาญการด้านภาษา

ในส่วนของจำเลย ทนายระบุจะมีพยานจำนวน 15 ปาก แบ่งเป็นเพื่อนผู้รู้จักคุ้นเคยและเคยทำกิจกรรมร่วมกับไผ่ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และอินเทอเน็ต ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา โดยจะส่งบัญชีรายชื่อพยานจำเลยภายใน 15 วันหลังจากนี้

สำหรับวันนัดสืบพยาน กำหนดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 3,4,15,16,17 สิงหาคม 2560 สืบพยานจำเลยในวันที่ 30,31 สิงหาคม และวันที่ 5,6,7 กันยายน 2560

ทนายความให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังเสร็จสิ้นการสืบพยานน่าจะมีการอ่านคำพิพากษาภายในไม่เกิน 2 เดือน หมายความว่าในคดีนี้น่าจะมีคำตัดสินของศาลชั้นต้นไม่เกินช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หากการสืบพยานเป็นไปตามนัดหมาย ไม่มีการเลื่อนใดๆ

หลังได้ข้อสรุปดังกล่าว จตุภัทร์ยกมือขึ้นถามศาลว่า ในระหว่างรอการสืบพยานซึ่งทิ้งระยะเวลา 5 เดือนนี้จะขังเขาไว้ในเรือนจำหรือไม่ เขาจะได้รับสิทธิเช่นจำเลยในคดีทั่วไปหรือไม่ ศาลตอบว่าเหตุที่จะเร่งรัดให้มีการพิจารณาคดีให้เร็วที่สุดก็เพราะว่าเห็นว่าจำเลยถูกคุมขังไว้นานแล้ว และระหว่างรอการสืบพยานก็มีการคุมขังต่อ ยกเว้นหากมีเหตุใหม่ใดๆ ก็ให้ทำเรื่องยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเข้ามา

จากนั้นทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว (ประกันตัว) โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 700,000 บาท โดยให้เหตุผลประกอบว่า จำเลยจะปฏิบัติตนตามข้อกำหนดของศาลโดยเคร่งครัด ดังนี้

"1.จำเลยจะไม่แสดงความคิดเห็นบนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก หรือจะไม่แสดงความคิดเห็นทางด้านการเมืองไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ อันเป็นการเย้ยหยันอำนาจรัฐ

2.จำเลยจะไม่ทำกิจกรรมใดๆ อันทำให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดีนี้

3.จำเลยจะไม่หลบหนีไปจากอำนาจของศาล โดยจำเลยจะมารายงานตัวต่อศาลทุก 10 วัน และจะมาศาลตามกำหนดนัดที่ศาลสั่งทุกครั้ง

หากศาลเห็นว่าจะมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดอื่นใดในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยเพิ่มเติมนอกจากนี้ ขอศาลได้โปรดกำหนดเงื่อนไขอันสมควรและจำเลยยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกประการ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าคดีนี้เป็นคดีความมั่นคง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เคยมีคำสั่งมาแล้วและยังไม่เหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง

ทั้งนี้ จตุภัทร์ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2559 ตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการแชร์บทความพระราชประวัติรัชกาลที่ 10 จากเว็บไซต์ BBC Thai ผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีคือ พันโทพิทักษ์พล ชูศรี รักษาการหัวหน้ากองกิจการพลเรือนมณฑลทหารบกที่ 23 นายทหารซึ่งได้ติดตามการทำกิจกรรมและการเคลื่อนไหวนักกิจกรรมและภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมาตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2557 โดยศาลจังหวัดขอนแก่นได้ออกหมายจับลงวันที่ 2 ธ.ค. 2559 เขาถูกควบคุมตัวขณะกำลังร่วมขบวนเดินธรรมยาตรากับพระไพศาล วิสาโล ที่จังหวัดชัยภูมิ อย่างไรก็ตาม เขาได้รับการประกันตัวอยู่ในช่วงสั้นๆ ก่อนที่วันที่ 22 ธ.ค.ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว หลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องให้เพิกถอนการประกันตัวด้วยเหตุผลที่เขามีพฤติกรรม “เย้ยหยันอำนาจรัฐ” เขาถูกคุมขังในทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงวันนี้เป็นเวลา 89 วัน มีการขอยื่นประกันตัวมากกว่า 6 ครั้งแต่ศาลปฏิเสธทุกครั้ง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท