สหายคอมมิวนิสต์เปิดปูมชีวิต ‘เด่น คำแหล้’ เมื่อกองทัพ(ไม่)รับใช้ประชาชน

คุยกับสหายคอมมิวนิสต์เรื่องชีวิต ‘เด่น คำแหล้’ โลดโผน โดดเด่นในความทรงจำ ชีวิตเป็นนักสู้มาตลอด ชี้ชัด อำนาจรัฐมาจากกระบอกปืนทุกยุคทุกสมัย ประชาชนแพ้เพราะกองทัพรับใช้รัฐ นายทุน นายพล ผู้มีอำนาจควรสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้ได้เสียที

กว่า 1 ปีที่ เด่น คำแหล้ นักต่อสู้ ประธานโฉนดชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แกนนำเรียกร้องการปฏิรูปที่ดินของชุมชน หายตัวไปเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2559 ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันออกค้นหาและได้พบร่องรอยหลายอย่าง รวมถึงหัวกะโหลกมนุษย์ แต่ยังไม่สามารถฟันธงว่าอยู่หรือตาย อะไรทำให้หายตัวไป

เมื่อ 7-8 พ.ค. ที่ผ่านมา ณ วัดบ้างทุ่งลุยลาย บ้านโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ได้มีการจัดเวทีรำลึกความทรงจำการหายตัวของเด่น คำแหล้ หรือ “สหายดาว อีปุ่ม” มีทั้งนักกฎหมาย นักวิชาการ ตัวแทนจากเครือข่ายปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงบรรดา “สหาย” ของเด่นที่รู้จักมักจี่กันมาตั้งแต่สมัยที่เข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เมื่อกว่าสี่ทศวรรษก่อน

ในโอกาสนี้ ประชาไท ได้พูดคุยกับสหายของเด่นถึงสายสัมพันธ์และเรื่องราวการต่อสู้ของนักต่อสู้วัยดึก ที่ตลอดชีวิต ต่อสู้กับอำนาจรัฐมาหมดทุกรูปแบบ ตั้งแต่จับปืนสู้รบยันสู้ด้วยสันติวิธีตามเงื่อนไขการเมืองและสังคม จนสุดท้ายต้องสาบสูญไปโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตายในวัยชรา และสะท้อนบทเรียนของการต่อสู้ของ “สหายดาว อีปุ่ม” ว่า หากไม่มีกองทัพของประชาชนเสียแล้ว ประชาชนก็จะแพ้อยู่เรื่อยไป บนฐานคติสไตล์พรรคคอมมิวนิสต์ที่ว่า “อำนาจรัฐจักได้มาด้วยกระบอกปืน”

‘เด่น’ ที่เด่นในความทรงจำสหาย

จากซ้ายไปขวา: ทองล้วน สานคำ (สหายคิด) คำตัน คำแหล้ (สหายฤทธิ์) สี สาตลี (สหายโม่ง)

คำตัน คำแหล้ หรือในชื่อจัดตั้ง “สหายฤทธิ์” เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเด่น ให้ข้อมูลว่า ตน เด่น และครอบครัวเข้าป่ากันทั้งหมด ในอดีต พื้นที่ที่เคยอาศัยเป็นสมรภูมิการต่อสู้ทางอุดมการณ์ พคท. ก็ปลุกระดมมวลชน กองทัพไทยก็คอยตรวจค้นหมู่บ้าน ตามล่าคนที่มีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ เด่นก็เป็นคนหนึ่งที่ตื่นตัวไปกับอุดมการณ์การต่อสู้และเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ราวปี 2513

“สมัยก่อนเจ้าหน้าที่เขาคุกคามหนัก ผู้ชายอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้เลย ต้องกินข้าวเย็นตอนบ่ายสอง แล้วก็พากันปิดประตูบ้านเงียบ เด่นกับพี่ชายก็ต้องไปหลบอยู่นา” คำตันเล่าถึงสถานการณ์ในอดีตที่เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามมวลชนจนถึงขั้นเอาชีวิต เจ้าหน้าที่คุกคามในชุมชนหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนปี 2514 เด่น พ่อและพี่ชายต้องเดินทางออกจากภูมิลำเนาเข้าป่า ตนและแม่ได้หลบหนีไปที่บ้านลุงของเด่นใน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ก่อนที่จะเข้าป่าตามเด่นไปในภายหลัง โดยประจำอยู่ในวงดนตรี เป็นทั้งศิลปิน นักร้องและทหาร

คำตันรำลึกความหลังเกี่ยวกับเด่นให้ฟังในวงเสวนาว่า เด่นสู้ชีวิตตั้งแต่เด็ก เคยเป็นนักมวย เคยแต่งงานและมีลูกชาย ซึ่งภายหลังได้ตายจากไปเพราะอหิวาตกโรค เมื่อครั้งอยู่ในป่า สหายวัยรุ่นชอบเด่นเอามาก เพราะเด่นเป็นทั้งคนที่ทำหน้าที่ปลุกระดมสหายด้วยกันและซ้อมมวยให้

สำหรับที่มาของชื่อจัดตั้ง “สหายดาว อีปุ่ม” นั้น คำตันเล่าว่า แต่เดิมเรียกกันว่าสหายดาว แต่เป็นเพราะเด่นมีผิวดำเหมือนตัวอีปุ่ม และชอบจับตัวอีปุ่ม หรืออีฮวก คือลูกอ๊อดของกบภูเขาในภาษาอีสาน จึงมีคำว่า อีปุ่ม ต่อท้ายภายหลัง

ช่วงที่อยู่ในป่า คำตันเจอเด่นน้อยครั้งมาก โดยเจ้าตัวกล่าวว่า พบเด่นปีละครั้งในวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แต่ก็ยังทักทายกัน โดยคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน จนกระทั่งหลังออกจากป่าจึงมาพบเด่นอีกครั้งเมื่อปี 2527

“รู้สึกว่าพี่ชายเต็มร้อยเกิน...แค้นที่เด่นตายอนาถ ทั้งที่ต่อสู้ด้วยมือเปล่า” คำตันกล่าวทั้งน้ำตากลางวงเสวนาก่อนที่จะมาให้สัมภาษณ์ ตนเคยบอกให้เด่นมาอยู่ด้วยที่บ้านตน จะออกรถมือสองให้เก็บของเก่าขาย เพราะมีคนบอกว่ามีรายได้ดี แต่เด่นเลือกที่จะอยู่ที่บ้านโคกยาวต่อ “เด่นบอกไม่ไป ถ้าไปคนอื่นจะอยู่ยังไง ถ้าตายไปก็ไปเก็บกระดูกเอา”

น้องสาวของเด่นยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เสียขาข้างซ้ายไปว่า ในปี 2522 ตนได้เดินทางไปส่งกลุ่มนักศึกษาไปศึกษาที่ลาวบนเส้นทางเขต 99 บริเวณอ.ภูหลวง จ.เลย ในปัจจุบัน พอลงมาจากสันเขาภูหลวงก็ถูกซุ่มโจมตี ตนไปเหยียบกับระเบิดชนิด M-14 เข้าในเวลาราว 8.00 น. และไปถึงมือหมอ คือสหายคิด ในเวลาราว 18.00 น. สุดท้ายต้องได้ตัดขาทิ้งไป

สหายฤทธิ์เปิดเผยบาดแผลจากการเหยียบกับระเบิดในสงคราม

ทองล้วน สานคำ หรือในชื่อจัดตั้ง “สหายคิด” รู้จักกับเด่นในช่วงที่ต้องพยาบาลเด่นหลังได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบหลายครั้ง กล่าวว่า ตนยอมรับในจิตใจของเด่นที่เป็นคนรักส่วนรวม ทรหดอดทนและเสียสละ มีครั้งหนึ่งที่เด่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกยิงที่ต้นขา ทำให้ได้รักษาพยาบาลเด่น

สหายคิดกล่าวว่า ตลอดเวลาที่รักษาพยาบาลเด่น เด่นมักถามอยู่เสมอว่าเพื่อนที่ไปด้วยกันนั้นมีใครบาดเจ็บบ้าง มีผู้ที่สูญเสียเลือดคนไหนที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกันกับตนที่พอจะบริจาคเลือดให้ได้บ้าง

สี สาตลี หรือชื่อจัดตั้งคือ “สหายโม่ง” และสมบัติ ไชยรส หรือชื่อจัดตั้ง “สหายชน” เคยรบในกองร้อยที่ 32 ร่วมกัน ส่วนเด่นนั้นประจำการในกองร้อยที่ 33 เคยพบกับเด่นเมื่อฝึกทหารใหม่ร่วมกัน ทั้งสองกล่าวว่า เด่นที่ตนพบเป็นเด่นที่อารมณ์ร้อน ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ พูดจาขวานผ่าซาก หลังจากนั้นเด่นถูกส่งไปศึกษาเรื่องการทหารที่เขต 42 คือบริเวณชายแดนไทย-ลาว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

สมบัติ ไชยรส (สหายชน)

เมื่อรัฐบาลของพล.อ.เปรม ติณณสูลานนท์ ออกประกาศคำสั่งที่ 66/2523 ที่นิรโทษกรรมเหล่านักรบของ พคท. เด่นก็ออกมาจากป่า ใช้ชีวิตตามปรกติแต่ไม่ได้ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนมามีเหตุให้ต้องออกมาเคลื่อนไหวประเด็นที่ดินทำกินจนต้องหายตัวไป “ถึงทุกวันนี้ไม่สู้รบด้วยอาวุธ ก็ต่อสู้กันด้วยความคิด เสียดายที่สูญเสียมิตรร่วมรบไป” สหายชน กล่าว

สหายโม่ง กล่าวถึงสถานการณ์การต่อสู้เรื่องสิทธิที่ดินของเด่นหลังจากออกจากป่าจนกระทั่งหายตัวไปว่า เป็นการสู้กับอำนาจรัฐและทุนนิยมอย่างโดดเดี่ยว “การสู้อย่างโดดเดี่ยวมีโอกาสถูกทำลายสูง พวกนักศึกษาที่เคลื่อนไหวในเมืองโดนทำลายยากกว่าในป่า เด่นเหมือนอยู่ในสนามรบที่โดดเดี่ยว ไม่มีอาวุธ ไม่มีที่กำบัง ห้องน้ำที่บ้านเขาก็ไม่มีกำบัง ใครจะมาฆ่าตอนไหนก็ได้”

บทเรียนที่สังคมควรได้จากการต่อสู้ของเด่น และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

วินัย 10 ข้อของกองทหารปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.) ใต้หมวกเบเรต์ดาวแดง ที่เด่นและเหล่าสหายเคยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

สหายโม่งและสหายคิด ให้คำตอบว่าต้องสร้างกองทัพที่เป็นของประชาชนให้ได้เสียก่อน ตามหลักการที่เคยได้รับการปลูกฝังเมื่อสมัยยังอยู่ในป่าว่า “อำนาจรัฐได้มาด้วยกระบอกปืน”

“สังคมน่าจะรู้ว่าอำนาจรัฐเกิดจากกระบอกปืน รัฐประหารก็มาจากกระบอกปืน ถ้าประชาชนไม่มีกองทัพเป็นของตัวเองก็ไม่มีอำนาจรัฐ มวลชนทั้งหลายก็อยู่กันเหมือนเป็นเมืองขึ้น เรื่องสิทธิ เรื่องประชาธิปไตย จะพูดมันก็พูดได้ แต่ก็ไม่มีอำนาจหนุนหลัง” สหายโม่ง กล่าว

“กองกำลังทุกวันนี้รับใช้ชนชั้นนายทุน กองกำลังมวลชนคือกองกำลังที่รับใช้ประชาชน ทหารทุกวันนี้เป็นเครื่องมือของระบบทุน เป็นอำนาจรัฐที่รับใช้นายทุน ขุนศึก เราต้องสร้างกองกำลังของประชาชน ฝ่ายเคลื่อนไหวต้องมีความสามัคคี ต้องปลุกระดมผ่านการศึกษา ให้การศึกษาลูกหลานชาวไร่ชาวนา แต่มันยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน”

สหายฤทธิ์ กล่าวว่า ผู้มีอำนาจควรจดจำการสูญเสียของประชาชนที่ผ่านมาให้ได้ และหยุดคุกคามประชาชน สร้างความเป็นธรรมในสังคม “ผู้มีอำนาจ มีกฎหมายในมือ น่าจะจำประวัติศาสตร์การล้มตายของประชาชน ไม่อยากให้มีกรณีอย่างพ่อเด่นเกิดขึ้นอีก เรื่องที่ดิน คนที่ใช้ คนที่อยู่เดี๋ยวก็ตาย ดังนั้นหยุดคุกคามเขาซะ อย่ามาบังคับให้สูญหาย อยากให้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน”

เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่างการต่อสู้ของประชาชนในอดีตกับปัจจุบัน สหายชน ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันยากกว่า เพราะเป็นการต่อสู้ทางความคิด สมัยก่อนเข้าป่า มีปืน ก็ใช้ปืนสู้กับปืนไปเลย สิ่งที่หวังก็ต่างกัน เพราะเด่นในปัจจุบันก็ไม่ได้อยากล้มรัฐบาล

สหายโม่ง กล่าวว่า ตอนอยู่ในป่าใช้เวลาปลุกระดมยากกว่าสมัยนี้ด้วยเงื่อนไขทางภูมิศาสตร์ สังคม แต่ว่ามีอาวุธ มีอิทธิพลในพื้นที่จึงไม่กลัวใคร เดี๋ยวนี้เข้าหาคนง่ายตามเทคโนโลยีและสภาพสังคม แต่ว่าคนทำงานด้านนี้ไม่มีอำนาจในมือเหมือนที่พรรคคอมมิวนิสต์มี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท