Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2560 ศาลฎีกาได้สั่งจำคุก 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา สุภาพ คำแหล้ ภรรยาเด่น คำแหล้ นักต่อสู้เรื่องที่ดินที่หายตัวไป ข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ

โดยคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2554 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังกันบุกเข้าควบคุมตัวชาวบ้านรวม 10 คน และแจ้งข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม สำหรับคดีของเด่น กับพวกรวม 5 คน ศาลจังหวัดภูเขียวนัดอ่านฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2556  โดยยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 คือนายเด่น และนางสุภาพ จำคุกเป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และไม่ให้ประกันตัว เพราะเกรงว่าจะหลบหนี ส่วนอีก 3 ราย ศาลยกฟ้อง โดยจำเลยที่ 1 และที่ 4 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 6 เดือน และศาลไม่อนุญาตฎีกา จำเลยทั้งสองต้องถูกคุมขัง

ต่อมาในวันที่ 9 พ.ค. 2556 เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน( คปอ.)และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move ได้ชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานภาครัฐ และร่วมเดินรณรงค์ไปยังศาลฎีกา พร้อมกับยื่นหนังสือขอให้ศาลฎีกาปล่อยตัวจำเลยชั่วคราว ประกอบกับช่วงดังกล่าวทนายความได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล ซึ่งศาลอนุญาตในเวลาต่อมา และสามารถประกันตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด ผลการยื่นประกันขอให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 1 และที่ 4 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา ปรากฏว่าศาลอนุมัติให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 2 โดยได้เพิ่มหลักทรัพย์จากรายละ 200,0000 บาท เป็นรายละ 300,000 บาท

ต่อมาในวันที่ 20 ก.ย. 2559 สุภาพ คำแหล้ พร้อมด้วยทนายความจากศูนย์ศึกษาและพัฒนานักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมายังศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องความว่า จำเลยที่ 4 (สุภาพ คำแหล้) อยู่ระหว่างการเข้ารักษาตัวจากอาการป่วยด้วยโรคเนื้องอกในมดลูก ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์จังหวัดขอนแก่น โดยแพทย์นัดตรวจรักษาโรคอีกครั้งในวันที่ 26 ก.ย. 2559 จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไป

ในขณะเดียวกัน ผู้รับมอบอำนาจจากนายประกัน (กองทุนยุติธรรม) ของจำเลยที่ 1 (เด่น คำแหล้) และที่ 4 ยื่นคำร้องความว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้มาศาล เนื่องจากหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. 2559  ซึ่งมีการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อติดตามตัวจำเลยที่ 1 แล้ว แต่ยังไม่พบตัว โดยเจ้าพนักงานตำรวจได้แจ้งผลการสืบสวนและสอบสวนการติดตามตัวของจำเลยที่ 1 ได้ใจความว่ายังไม่พบตัวจำเลยที่ 1 โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป ส่วนจำเลยที่ 1 ให้นัดไต่สวนการหายตัวไป ในวันเวลาเดียวกันพร้อมกับจำเลยที่ 4 

ต่อมาในวันที่ 9 พ.ค. 2560 ศาลจังหวัดภูเขียวได้มีหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาและฟังคำสั่งของศาลฎีกาถึง เด่น คำแหล้ จำเลยที่ 1 กับสุภาพ คำแหล้ จำเลยที่ 4 ผู้เป็นภรรยา ในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม โดยถนอมศักดิ์ ระวาดชัย ทนายความศูนย์ศึกษาและพัฒนานักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลว่า ศาลฎีกาได้มีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 (เด่น คำแหล้) เป็นบุคคลที่เสียไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีบุคคลรู้แน่ว่าจำเลยที่ 1 ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เท่านั้น ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย การที่เด่นไม่มาฟังคำพิพากษานั้น ศาลถือว่าเด่นหลบหนี จึงไม่ระงับคดีอาญา และให้ศาลจังหวัดภูเขียวดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งดังกล่าว ศาลจังหวัดภูเขียวจึงได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 และปรับนายประกัน ได้มีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไป

ต่อมาในวันที่ 27 ก.ค. 2560 ศาลฎีกาได้สั่งจำคุก 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา สุภาพ คำแหล้ โดยคำตัดสินตามเอกสารที่แนบมานี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net