สตั้น 10 วิ ทหารเบิกความยันชูป้ายค้านรัฐประหาร = ทำลายประชาธิปไตย ต้องรับโทษ

ผบ.ร้อย.สห.มทบ.23 พยานโจทก์คดี ‘ไผ่’ และ ‘ดาวดิน’ ชูป้ายต้านรัฐประหาร ระบุ การชูป้ายดังกล่าว เป็นการทำลายประชาธิปไตย ต้องรับโทษและถูกปรับทัศนคติ ด้านอัยการทหารขอแก้ฟ้องขอศาลนับโทษคดีนี้ต่อจากคดี 112 โดยไม่ให้หักวันขังที่ทับซ้อนกับหมายขังคดีนั้น

23 ส.ค. 2560 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 (มทบ.23) นัดสืบพยานคดีชูป้ายคัดค้านรัฐประหาร หมายเลขคดีดำที่ 61/2559 ซึ่ง จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ  ‘ไผ่ ดาวดิน’ อดีตนักศึกษา/นักกิจกรรม เป็นจำเลย ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 3/2558 ชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ รายงานด้วยว่า ก่อนเริ่มสืบพยาน อัยการศาล มทบ.23 ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง (ครั้งที่ 2) ศาลรับไว้ โดยทนายจำเลยขอยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องดังกล่าวในนัดหน้า ศาลจึงยังไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องตามที่ยื่นคำร้องมา โดยขอดูคำคัดค้านของทนายจำเลยก่อน

โดยในวันนี้ (22 ส.ค.60) อัยการนำพยานโจทก์ ร.อ.อภินันท์ วันเพ็ชร ผู้บังคับกองร้อยสารวัตร มทบ.23 ซึ่งเป็นผู้ร่วมจับกุมจำเลยกับพวกในวันเกิดเหตุ เข้าตอบคำถามค้านของทนายจำเลย ต่อจากที่เคยเข้าเบิกความตอบโจทก์ไว้ในการสืบพยานนัดแรก เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้การพิจารณาคดีนี้ยังคงเหลือการสืบพยานโจทก์อีก 3 ปาก และพยานจำเลย 3 ปาก โดยนัดต่อไป โจทก์จะนำพยานที่เป็นนักข่าว ซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ และพนักงานสอบสวนในคดีเข้าเบิกความ ในวันที่ 29 ก.ย.นี้

ร.อ.อภินันท์ เบิกความตอนหนึ่งว่า การรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 คสช. ได้ฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 แต่พยานไม่เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย หรือเป็นกบฎในราชอาณาจักร แต่เป็นการกระทำที่น่าชื่นชมและสนับสนุน จำเลยจึงไม่ควรมาคัดค้าน การกระทำของจำเลยกับพวกที่ไปชูป้าย “คัดค้านรัฐประหาร” นั้น แม้จะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่เป็นการทำลายประชาธิปไตย สมควรได้รับโทษและปรับทัศนคติ

สำหรับบรรยากาศภายในศาล มทบ.23 มีศิลปินและประชาชนทั่วไปเดินทางมารอให้กำลังใจ จตุภัทร์ และร่วมฟังการพิจารณาคดีกว่า 60 คน โดยสารวัตรทหารจัดให้เข้าเยี่ยม ‘ไผ่’ ที่ห้องขังใต้ศาลรอบละ 5 คน และอนุญาตให้เข้าฟังการพิจารณาคดีได้เพียง 15 คน เนื่องจากห้องพิจารณามีขนาดเล็ก ทั้งนี้ มีตัวแทนของคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) เข้าร่วมสังเกตการณ์การพิจารณาคดีด้วย โดย จตุภัทร์มีสีหน้าสดชื่น และนั่งฟังการซักค้านพยานด้วยความสนใจ

ทั้งนี้ คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง (ครั้งที่ 2) ของโจทก์ ระบุว่า เนื่องจากขณะนี้จำเลยอยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง มีกำหนดโทษ 2 ปี 6 เดือน ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 1945/2560 ของศาลจังหวัดขอนแก่น ยังไม่พ้นโทษ โจทก์จึงมีความประสงค์ขอเพิ่มเติมคำบรรยายฟ้อง และคำขอท้ายฟ้อง เพื่อให้ถูกต้องตรงความเป็นจริง โดยในส่วนของคำขอท้ายฟ้อง โจทก์ได้ขอเพิ่มเติมจากเดิมที่ระบุว่า “กับขอศาลได้โปรดนับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขดำที่ 1370/2559 ของศาลจังหวัดภูเขียว และริบป้ายประท้วงของกลางด้วย” เป็น “กับขอศาลได้โปรดนับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขดำที่ 1370/2559 ของศาลจังหวัดภูเขียว และขอศาลได้โปรดนับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ 1945/2560 ของศาลจังหวัดขอนแก่น และมิให้หักวันคุมขังคดีนี้ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาเนื่องจากทับซ้อนกับวันรับโทษจำคุกในคดีดังกล่าว และริบป้ายประท้วงของกลางด้วย”

คำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอเพิ่มเติมมาในส่วนของการนับโทษนี้ หากศาลอนุญาตจะมีผลให้ กรณีที่ศาล มทบ.23 ลงโทษจำคุกจตุภัทร์ในคดีนี้ จตุภัทร์จะต้องถูกขังต่อจาก 2 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นโทษในคดี 112 ไปอีก โดยไม่หักวันที่ถูกขังตามหมายขังของศาล มทบ.23 ในระหว่างพิจารณา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ศาลขอนแก่นขังจตุภัทร์ในคดี 112 (นับตั้งแต่วันที่นายประกันขอถอนประกัน คือ วันที่ 27 มี.ค. 60 จนถึงวันที่ศาล มทบ.23 จะมีคำพิพากษา) ซึ่งเท่ากับว่าอัยการทหารต้องการให้จตุภัทร์รับโทษยาวขึ้น ซึ่งทนายจำเลยจะได้ทำคัดค้านยื่นต่อศาลต่อไป

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่นอ่านคำพิพากษาเป็นการลับ พิพากษาให้จตุภัทร์มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(3) ลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 61/2559 ของศาล มทบ.23 ตามที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นขอไว้ในคำฟ้องเช่นกัน

ปัจจุบันจตุภัทร์ถูกขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดขอนแก่น ตามหมายขังระหว่างอุทธรณ์ในคดี 112 ของศาลจังหวัดขอนแก่น, หมายขังระหว่างพิจารณาของศาล มทบ.23 ในคดีชูป้ายคัดค้านรัฐประหารนี้ และหมายขังระหว่างพิจารณาในคดีประชามติของศาลจังหวัดภูเขียว

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้สรุปคำให้การพยานของ ร.อ.อภินันท์ ไว้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tlhr2014.com/th/?p=4972

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท