Skip to main content
sharethis

พันธมิตรฯ มีมติ ให้ดำเนินคดีความอาญากับ ป.ป.ช. ภายหลังป.ป.ช. มีมติอุทธรณ์ผลคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 51 เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.เพียงคนเดียว 

30 ส.ค. 2560 จากกรณี วานนี้ (29 ส.ค.60) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวการประชุม กรณีตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.2/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 154/2560 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จำเลยที่ 1 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จำเลยที่ 2 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จำเลยที่ 3 พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว จำเลยที่ 4 กรณีจำเลยทั้งสี่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปราบปรามประชาชนที่กำลังชุมนุมในพื้นที่บริเวณหน้ารัฐสภา ฯลฯ โดยใช้อาวุธร้ายแรงปราบปรามประชาชนเป็นเหตุให้ประชาชนที่กำลังชุมนุมถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6-7 ต.ค. 2551 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่่นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ สำหรับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 (โดยที่ประชุมเสียงข้างมากจำนวน 7 เสียง เสียงข้างน้อยจำนวน 1 เสียง และงดออกเสียงจำนวน 1 เสียง) และไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ที่ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 (ที่ประชุมเสียงข้างมากจำนวน 8 เสียงและงดออกเสียงจำนวน 1 เสียง) นั้น

ล่าสุดวันนี้ (30 ส.ค.60) สำนักข่าวไทย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) พร้อมด้วย สุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ และ วีระ สมความคิด หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและคดีความกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงมติที่ประชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า หลังจากที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติอุทธรณ์ผลคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นั้น การลงมติของ ป.ป.ช. มีความไม่เป็นธรรม และทำให้สังคมเกิดความสงสัย ว่ามีเจตนาที่จะกระทำฝืนมติ ป.ป.ช. ชุดเดิม ที่ลงมติว่า จำเลยทั้ง 4 มีความผิดอย่างชัดเจน รวมถึงมติของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้พิพากษาอย่างไม่เป็นเอกฉันท์  จึงไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะไม่ทำการอุทธรณ์จำเลยที่เหลือทั้ง 3 คน คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ดังนั้นคณะทำงานพันธมิตรฯ จึงมีมติให้ดำเนินคดีความอาญา กับ ป.ป.ช. ต่อไป โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ปานเทพ กล่าวว่า  การเลือกปฏิบัติให้ลงมติอุทธรณ์เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ เพียงคนเดียว ย่อมทำให้สังคมสามารถเปรียบเทียบกับมาตรฐานคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ผู้บังคับบัญชา แม้จะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ต้องได้รับบทลงโทษด้วย แต่ฝ่ายความมั่นคงกลับถอนกำลังเจ้าหน้าที่ในการติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้หลบหนีไปได้  ขณะที่ ป.ป.ช. ไม่อุทธรณ์จำเลย ที่เหลือทั้ง 3 คนนั้น ย่อมทำให้สังคมมีความสงสัยว่า บทลงโทษและการจำคุกจริง ไม่ได้มีไว้สำหรับพวกพ้องของตัวเอง หรือชนชั้นนำที่จะเป็นหุ้นส่วนอำนาจทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ และต้องการช่วยเหลือคนเฉพาะกลุ่ม โดยไม่สนใจความยุติธรรมให้กับผู้บาดเจ็บในคดีสลายการชุมนุม ซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมไม่สามารถสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติได้ และย่อมทำให้สังคมถูกแบ่งชนชั้นในการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมและจะสร้างความแตกแยกเกิดขึ้นแน่นอน

วีระ สมความคิด กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า พล.ต.อ.พัชรวาท จำเลยในคดีนี้ เป็นน้องชายของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเชื่อว่ามีใบสั่งมายัง ป.ป.ช. ให้พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ถูกดำเนินคดี เพราะถ้าไม่มีพล.ต.อ.พัชรวาท มติอาจจะไม่ออกมาเป็นเช่นนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net