Skip to main content
sharethis

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง 'เบส อรพิมพ์' นักพูดชื่อดัง คดีกล่าวหา บรรยายดูหมิ่นคนอีสาน ชี้โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย เจ้าตัวเผยสบายใจขึ้น บอกขออโหสิกรรมไม่ติดใจอะไร ยันเดินหน้าแนะเยาวชนมีคุณธรรม เป็นคนดีต่อไป

ที่มาภาพ Thairath   

1 ก.ย. 2560 จากกรณีเมือปลายปีที่แล้วมีการแจ้งความดำเนินคดีกับ อรพิมพ์ รักษาผล หรือเบส นักพูดชื่อดัง กล่าวหาว่าพูดในลักษณะหมิ่นประมาทคนอีสานนั้น ล่าสุดวานนี้ (31 ส.ค.60) ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในกรณีที่ นพดล สีดาทัน โจทก์ ยื่นฟ้อง อรพิมพ์ รักษาผล จำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาท 

โดยคดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้พูดดูหมิ่นประมาท ใส่ความโจทก์และคนอีสานให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า โจทก์และคนอีสานทุกคนเป็นคนไม่ดี เป็นคนเนรคุณ ทำให้โจทก์และคนอีสานเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชังจากกรณีหมิ่นประมาท

ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดขอนแก่น) วินิจฉัยว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวมาไม่ได้เจาะจงหมายถึงโจทก์ จึงยังไม่เป็นความผิด จึงพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โดยยังมิได้มีการสืบพยานหรือการไต่สวน โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์
 
จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า การจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท จะต้องเป็นการใส่ความโดยระบุผู้ถูกใส่ความเป็นการยืนยันแน่นอน หรือหากไม่ระบุถึงตัวบุคคล ก็ต้อง หมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ การที่โจทก์อ้างว่า จำเลยกล่าวถึงคนอีสานทั่วๆ ไป มิได้เจาะจงว่าเป็นผู้ใด ดังนั้น คนอีสานคนใดคนหนึ่งจึงไม่อาจกล่าวอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย แม้โจทก์จะเป็นคนอีสาน ก็ไม่เป็นผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องโจทก์
 
การวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นการวินิจฉัยในชั้นรับคำฟ้อง โดยได้พิจารณาจากคำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่า ฟ้องของโจทก์มิได้ครบองค์ประกอบของความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายส่วนประเด็นที่ว่าจำเลยได้พูดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลมิได้วินิจฉัยในประเด็นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หากข้อความที่ นางสาวอรพิมพ์ รักษาผล ได้บรรยายไปมีข้อความที่หมิ่นประมาทคนอีสานทั้งหมดจริง คนที่รับฟังการบรรยายในครั้งนี้ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเขตภาคอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนิสิตนักศึกษา ครูอาจารย์ก็เป็นคนอีสาน ซึ่งมีความรู้​ ความเข้าใจ​ สามารถวิเคราะห์​ได้ว่า การบรรยายทั้งหมดเป็นการหมิ่นประมาท​คนอีสานหรือไม่​ ก็คงจะไม่นิ่งนอนใจและมีสิทธิ์แจ้งความร้องทุกข์ แต่การบรรยายดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2559 โดยไม่มีผู้ที่รับฟังการบรรยายคนใดโต้แย้งหรือร้องทุกข์ใดๆ
 
กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นได้ว่า เป็นการจงใจตัดคลิปวิดีโอการบรรยายของ อรพิมพ์ ซึ่งตัดเฉพาะข้อความสั้นๆ แล้วนำมาเผยแพร่กับสาธารณชนทางสื่อต่างๆ ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้ดูคลิปที่ทำการตัดมานั้นเกิดความเข้าใจผิดในตัว อรพิมพ์ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า อรพิมพ์ มิได้ดูหมิ่นคนอีสาน ตามที่เป็นข่าวเมื่อปีที่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปเพราะบุคคลไม่หวังดีจงใจกลั่นแกล้งและทำให้เสียชื่อเสียง
 
ด้านเบส อรพิมพ์ กล่าวว่า รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อทราบคำตัดสินของศาล ทุกวันนี้ขออโหสิกรรม ไม่ติดใจอะไรแล้ว ช่วงที่ผ่านมายังคงรับไปบรรยายเรื่องคุณธรรมให้กับเยาวชนตามจังหวัดต่างๆ ทุกภาค ได้รับกำลังใจทุกแห่งที่ไปพูด โดยเฉพาะชาวอีสานให้กำลังใจมากจนซาบซึ้งใจ ตนเข้าใจการทำงานของตัวเอง และน้อมรับคำแนะนำ คำติชมต่างๆ ขอบคุณผู้ใหญ่และทุกๆ คนที่ให้กำลังใจ ก็จะทำหน้าที่เพื่อช่วยแนะนำให้เยาวชนมีคุณธรรมและเป็นคนดีในสังคมต่อไป
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net