Skip to main content
sharethis
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เผยกำลังประสานงานเดินหน้ารื้อคดีสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงในปี 53 ยัน 'ยิ่งลักษณ์' หลบหนีไม่กระทบอุดมการณ์ นปช. ด้าน 'อภิสิทธิ์' บอกทำใจ ถูกเรียก “ฆาตกรมือเปื้อนเลือด” ขณะที่ 'ประวิตร' ถามจะให้รื้อขึ้นมาอีกทำไม

5 ก.ย. 2560 จากกรณีที่ที่วันนี้ (31 ส.ค.60) ศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องสำนวนคดีที่ อัยการ ฟ้อง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ กับสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ฐานร่วมกันก่อให้ฆ่าผู้อื่นเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งแต่เดือน เม.ย. ถึง 19 พ.ค. 2553 โดยที่ศาลเห็นว่า แม้อัยการโจทก์ จะกล่าวหาว่า อภิสิทธิ์ และสุเทพ ได้ออกคำสั่ง ศอฉ. กระชับพื้นที่ หรือสลายการชุมนุม แต่เป็นการใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ราชการในฐานะนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ผู้อำนายการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ด้วย ไม่ใช่การกระทำทางอาญาที่กระทำโดยส่วนตัวดังนั้นจึงเป็นการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นผู้มีอำนาจไต่สวน และหาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ก็ต้องยื่นฟ้องคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีอำนาจไต่สวนชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลนี้ นั้น

ณัฐวุฒิ เผยกำลังประสานคุยรื้อคดีสลายชุมนุม 53

ล่าสุดวันนี้ ( 5 ก.ย.60)  Voice TV รายงานว่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวถึงกรณีการเดินหน้ารื้อคดีสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงในปี 53 ว่า ก็จะมีการนัดหมายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือแนวทางดำเนินการให้เป็นเสถียรภาพ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงาน ทั้งนี้แม้เรื่องดังกล่าวจะไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง หรือการชุมนุม แต่ก็ได้กล่าวขออนุญาตในการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิต 99 ศพ การดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการหารือทางกฎหมายเพื่อขับเคลื่อนการต่อสู้ให้แก่ผู้เสียชีวิต 

เลขาธิการ นปช. ด้วยว่า กล่าวคดีดังกล่าวเป็นเสมือนงูกินหาง เริ่มต้นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ พิจารณาพยานหลักฐาน มีคำเห็นสั่งฟ้องไปอัยการ อัยการก็ไปยังศาล ศาลก็พิพากษาว่าคดีนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. แต่พอไปที่ ป.ป.ช. กลับบอกว่า การฆ่าคนตายเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ครบหนึ่งรอบพอดี ส่วนตนเคารพในคำพิพากษาของศาล และเป็นหน้าที่ที่ต้องอดทนและเดินหน้าต่อ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ความยุติธรรม หากมาช้ามันก็คือความอยุติธรรม อย่างไรก็ตามสุดท้ายผู้เสียชีวิตต้องมีผู้รับผิดชอบ และคนทำผิดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ยันยิ่งลักษณ์หลบหนีไม่กระทบอุดมการณ์นปช.

โลกวันนี้ รายงานท่าทีของ ณัฐวุฒิ ดึงทิศทางของ นปช. ด้วย โดย ณัฐวุฒิ ยืนยันว่า นปช.ยังคงรักษาจุดยืนประชาธิปไตย ไม่จำเป็นที่จะต้องรอท่าทีของใคร เนื่องจากมีความชัดเจนมาตลอดว่าต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ หากพรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันหลักการประชาธิปไตย กลุ่ม นปช. ก็จะเป็นแนวร่วมและเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนใครจะมาเป็นผู้นำพรรคคนต่อไปนั้นถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคต้องดำเนินการกันเอง

ณัฐวุฒิ กล่าวยืนยันอีกว่า การหลบหนีไม่ไปฟังคำตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่กระทบต่อขวัญและกำลังใจของมวลชนกลุ่ม นปช. เนื่องจากมีประสบการณ์การต่อสู้มากว่า 10 ปี มวลชนเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี และสามารถประเมินสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง เชื่อว่าประชาชนเข้าใจการตัดสินใจของ ยิ่งลักษณ์ และไม่ส่งผลกระทบต่อหลักการประชาธิปไตยที่ประชาชนยึดถือมาตลอด 10 ปี

อภิสิทธิ์ บอกทำใจ ถูกเรียก “ฆาตกรมือเปื้อนเลือด” 

ขณะที่วานนี้ (4 ก.ย.60) มติชนออนไลน์ รายงาน ความเห็นของ อภิสิทธิ์ กรณีศาลฎีกายกฟ้องคดีสลายการชุมนุม นปช. เมื่อปี 53 โดย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อมีการใช้อำนาจและเกิดการสูญเสียจะต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งตนยอมรับการตรวจสอบโดยผู้ร้องได้ยื่นเรื่องผ่านไปยัง ป.ป.ช. อัยการ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะสิ่งที่ตน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำในขณะนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นการออกคำสั่งตามอำนาจหน้าที่ จึงต้องถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ และถูกตั้งข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเมื่อปลายปี 2558 ป.ป.ช. สรุปเห็นว่าเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย และทิ้งท้ายว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องสอบถามเป็นรายกรณี

“บอกตามตรงว่าเป็นเรื่องการเมือง จริงๆ เมื่อไต่สวน ชันสูตรพลิกศพ โดยหลักเจ้าหน้าที่ต้องดูรายละเอียดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร พอเปลี่ยนรัฐบาล ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ เปลี่ยนใจบอกว่าเอาแบบนี้ว่าไม่ต้องดูว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะอภิสิทธิ์ประกาศภาวะฉุกเฉิน สุเทพไปออกคำสั่งให้สามารถใช้อาวุธได้ ซึ่งความจริงมีรายละเอียดคำสั่งว่าการใช้อาวุธมีเงื่อนไข แต่ไม่ทำกันแบบนี้ คุณธาริตบอกไม่ต้องไปดู เพราะจะเล่นงานผมกับคุณสุเทพเท่านั้น ถ้าสังเกตจะเห็นว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไม่เกี่ยวข้อง เขาต้องการจะทำเป็นการเร่งงานการเมืองล้วนๆ เลยไปฟ้องโดยศาลอาญา อุทธรณ์ ฎีกา เห็นตรงกันว่าฟ้องผิดที่ ผิดตัว ผิดฝาแน่นอน” อภิสิทธิ์ กล่าว

ต่อกรณีคำถามที่ว่าอยู่มาได้อย่างไรกับวาทกรรมที่ว่า “ฆาตกรมือเปื้อนเลือด” อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างที่ทำ เราทำด้วยความตั้งใจที่ดีต่อบ้านเมือง และทุกคนยืนยันได้ว่าตนย้ำทุกครั้งการหลีกเลี่ยงการสูญเสีย คนไม่เข้าใจหรือคนเห็นต่างตนเข้าใจ แต่สำหรับคนที่ถูกปลุกระดมโดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นเท็จและด้วยคนที่มีวาระทางการเมือง ก็ได้แต่แค่ทำใจ นอกจากจะบอกว่า เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและความจริงของโลกเมื่อมาทำงานแบบนี้

ประวิตรถามจะให้รื้อขึ้นมาอีกทำไม

5 ก.ย.60 มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแกนนำ นปช. เรียกร้องให้ ป.ป.ช. รื้อคดีการสลายการชุมนุมปี 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 99 ศพ มาพิจารณาใหม่ว่า ถึงวันนี้ไม่มีอะไรที่มีผลกระทบต่อหน่วยงานด้านความมั่นคง ทุกอย่างก็ว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนที่กลุ่ม นปช.อยากให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่นั้น จะให้รื้อขึ้นมาอีกทำไม เจ้าหน้าที่ทำแทบตาย เมื่อถามว่า ทหารจะเดือดร้อนหรือไม่หากมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาจริง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “คงไม่มีปัญหาอะไร เขาก็ทำตามกฎหมาย”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net