Skip to main content
sharethis

เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชี้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเครื่องมือให้การพัฒนามีความต่อเนื่อง สามารถเตรียมการล่วงหน้าไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ระบุการตั้งคณะกรรมการคำนึงถือความหลากหลายแล้ว

ปรเมธี วิมลศิริ

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพัฒน์ระบุว่า ดร.ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เปิดเผยเกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญและน่าสนใจ ดังนี้

แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเครื่องมือให้การพัฒนามีความต่อเนื่อง สามารถเตรียมการล่วงหน้าไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

เลขาธิการฯ กล่าวว่า การคาดการณ์ภาวะล่วงหน้านั้นเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เป็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสำคัญในด้านต่าง ๆ ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นด้วยแนวโน้มต่าง ๆ กัน ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ที่มีการดำเนินการกันอยู่โดยทั่วไปทั้งในภาคธุรกิจและการกำหนดนโยบายของภาครัฐทั้งในระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว อาทิ การวิเคราะห์ถึงแนวโน้มอนาคตการพัฒนาเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันในตลาด การรวมตัวและการตกลงทางการค้า และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เป็นต้น การวิเคราะห์จะแสดงให้เห็นว่าอนาคตมีทั้งสิ่งที่มีความไม่แน่นอนและสิ่งที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นสูง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการก้าวเดินไปข้างหน้าที่เหมาะสม

การมียุทธศาสตร์ชาติและกำหนดวิสัยทัศน์ประเทศไทยในระยะยาวจะเป็นเครื่องมือให้การพัฒนามีความต่อเนื่อง สามารถเตรียมการล่วงหน้าไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต คนในชาติมองเห็นเป้าหมายในอนาคตร่วมกัน และช่วยเป็นกรอบในการจัดทำแผนต่าง ๆ ให้เกิดการปฏิบัติที่สอดคล้องและบูรณาการกัน ส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินและการใช้งบประมาณแผ่นดินมีประสิทธิภาพ ขณะนี้มีหลายประเทศที่มีการกำหนดเป้าหมายและแผนระยะยาวของประเทศหรืออยู่ระหว่างการจัดทำให้มีขึ้น

การแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คำนึงถึงความหลากหลายของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและความหลากหลายของช่วงอายุ 

เลขาธิการฯ กล่าวว่า ในมาตรา 12 วงเล็บ 5 พรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ กำหนดให้ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นกรรมการ

ในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 17 คน มาตรา 12 วงเล็บ 6 ของ พรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ให้คำนึงถึงความหลากหลายของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและความหลากหลายของช่วงอายุด้วย ทั้งนี้องค์ประกอบของกรรมการที่มีผู้แทนจากหลายภาคส่วนทั้งจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน มีอยู่ในกลไกคณะกรรมการต่างๆ ของภาครัฐอยู่เป็นปกติอยู่แล้วไม่ต่างกับกรรมการระดับชาติอื่นๆ

นอกจากนั้น มาตรา 8 ในกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติก็เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ เพื่อให้ได้รับข้อมูลความเห็นและความต้องการจากทุกภาคส่วนประกอบการจัดทำ   

แผนยุทธศาสตร์ชาติมีความยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์

ตามมาตรา 11 ของ พรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติกำหนดให้คณะกรรมการจัดให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ชาติทุก 5 ปี หรือในกรณีที่สถานการณ์ของโลกหรือสถานการณ์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปจนไม่สามารถหรือไม่เหมาะสมที่จะดําเนินการตามเป้าหมายหรือยุทธศาสตร์ด้านหนึ่งด้านใดได้ หากคณะกรรมการเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมยุทธศาสตร์ชาติเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ให้คณะกรรมการขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนดําเนินการ

พรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติกำหนดเป็นขั้นเป็นตอนของการติดตาม ตรวจสอบ และการประเมินผล

เลขาธิการฯ กล่าวว่า ตามมาตรา 5 ของ พรบ.ยุทธศาสตร์ชาตินั้นกำหนดว่ายุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทําแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน อันจะก่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่ายี่สิบปี บนหลักการและแนวคิดที่สำคัญคือ (1) การดำเนินงานตามแผนพัฒนา/แผนปฏิบัติงาน หรือแผนงานใด ๆ ก็ตามต้องมีการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ และเพื่อที่จะนำผลการติดตามและประเมินมาปรับแผนหรือปรับแนวทางการดำเนินงานให้ตรงและสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุได้อย่างแท้จริงไม่บิดเบือน ดังนั้น ภายใต้หลักการและแนวคิดข้อนี้ก็ถือว่าเป็นการกำหนดตามหลักการและแนวทางการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของภาครัฐที่ต้องดำเนินการอยู่แล้วในปัจจุบัน (2) พรบ. ได้มีการกำหนดให้การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลอย่างเป็นขั้นตอน โดยที่ในแต่ละขั้นตอนได้กำหนดเป็นระยะเวลาให้ได้ดำเนินการและรายงานอย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถมีข้อเสนอแนะเพื่อการแก้ไขปรับปรุงที่จะสนับสนุนให้สามารถดำเนินงานให้สอดคล้องและเกิดความก้าวหน้าได้ และ (3) ในกรณีที่การดำเนินงานไม่สอดคล้องกับกรอบกว้าง ๆ ของยุทธศาสตร์ชาติหรือหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนด พรบ.ก็ได้กำหนดมาตราต่าง ๆ ไว้รองรับให้เกิดขั้นตอนของการพิจารณาอย่างระมัดระวัง/รอบคอบ และเปิดช่องทางให้สามารถชี้แจงและปรับปรุงแก้ไขได้

อย่างไรก็ดี การติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลในปัจจุบันนับว่ายังขาดประสิทธิภาพและไม่สามารถทำให้เกิดความรับผิดรับชอบที่เหมาะสมได้ โดยเฉพาะในการดำเนินเรื่องสำคัญๆ ที่จะผลักดันให้ประเทศไปสู่เป้าหมายที่ควรจะเป็น กระบวนที่กำหนดตาม พรบ. นี้จึงเป็นแนวทางที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการติดตามผลการดำเนินงานและสนับสนุนให้การดำเนินงานสามารถเกิดประสิทธิผลได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ พรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติได้กำหนดเป็นขั้นเป็นตอนของการติดตาม ตรวจสอบ และการประเมินผล ซึ่งมีการหารือ ทักท้วง ตักเตือน และให้เวลาปรับปรุงแก้ไข ซึ่งคณะกรรมการไม่ได้มีอำนาจมากในการกล่าวโทษแต่อย่างใด โดยมาตรา 24 ให้หน่วยงานจัดทำรายงานผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติภายในเวลาที่กำหนดเพื่อเสนอต่อรัฐสภาทราบ ในมาตรา 26 หากหน่วยงานของรัฐดำเนินการใดที่ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติแจ้งให้หน่วยงานนั้นทราบถึงความไม่สอดคล้องและข้อเสนอแนะให้แก้ไขปรับปรุง และเมื่อหน่วยงานดำเนินการแก้ไขปรับปรุงแล้วให้แจ้งคณะกรรมการทราบภายใน 60 วัน ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ดําเนินการแก้ไขปรับปรุงหรือไม่แจ้งการดําเนินการให้คณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติทราบภายในกําหนดเวลาไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้คณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติรายงานให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและสั่งการต่อไป และถ้าคณะรัฐมนตรีแจ้งแล้วหน่วยงานยังไม่ดำเนินการโดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งถือว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติจึงจะแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอํานาจต่อไป มาตรา 27 กำหนดให้สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเผยแพร่รายงานที่ได้รับจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งข้อกำหนดนับว่าเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเข้ามารับรู้ร่วมกัน และในฐานะที่ประชาชนเป็นผู้รับบริการจากนโยบายสาธารณะด้วยจึงเป็นผู้ตรวจสอบที่สำคัญ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net