Skip to main content
sharethis

ปธน. สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ตกลงทำตามมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างเต็มที่แล้วหลังเหตุทดลองขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นล่าสุด คูเวตส่งเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือกลับพร้อมเจ้าหน้าที่อีก 4 คน ไม่ให้ ไม่ต่อวีซาเกาหลีเหนือในคูเวต ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ คว่ำบาตรรอบนี้ไม่พอเปลี่ยนท่าทีโสมแดงแม้ตัดส่งออกน้ำมันเป็นครั้งแรก แนะ ต้องเหลือช่องสู่มาตรการที่แรงกว่านี้

ประธานาธิบดีมุนแจอินของเกาหลีใต้ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว (ที่มา:วิกิพีเดีย)

17 ก.ย. 2560 สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานว่า ประธานาธิบดีมุนแจอินของเกาหลีใต้และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้บรรลุข้อตกลงผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่จะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของสหประชาชาติอย่างเต็มที่

ปาร์คซูฮยุน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ได้กระบุว่า ผู้นำทั้งสองยังได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดท่าทียั่วยุต่างๆ ที่หากดำเนินต่อไปก็จะทำให้เกาหลีเหนือประสบกับการถูกโดดเดี่ยวและล่มสลายไปในที่สุด

“ผู้นำทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะสานความร่วมมือให้แข็งขันมากยิ่งขึ้น และจะร่วมมือกันสร้างแรงกดดันเกาหลีเหนือให้มากขึ้นเพื่อให้เกาหลีเหนือตระหนักว่า ยิ่งถ้าพวกเขายังคงใช้ท่าทียั่วยุก็ยิ่งจะประสบกับการถูกโดดเดี่ยวทางการทูต แรงกดดันทางเศรษฐกิจและล่มสลายลงในที่สุด” ปาร์คพูดถึงเนื้อหาการสนทนาทางโทรศัพท์ของผู้นำเกาหลีใต้และสหรัฐฯ

มุนแจอินและทรัมป์เห็นพ้องว่าการทำตามคว่ำบาตรเกาหลีเหนือตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) โดยผู้นำเกาหลีใต้ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการเพิ่มสมรรถนะการป้องกันตนเองของเกาหลีใต้จากกองกำลังร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ด้วย

ทั้งนี้ โษฆกทำเนียบประธานาธิบดียังได้กล่าวว่าผู้นำทั้งสองจะมีการอภิปรายกันต่อไปในการไปเยือนสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กในสัปดาห์นี้ และมีแผนที่จะพูดคุยร่วมกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะด้วย

การสนทนาทางโทรศัพท์ของผู้นำทั้งสองชาติในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองในรอบเดือน การพูดคุยเกิดขึ้นหลังเกาหลีเหนือซ้อมยิงขีปนาวุธพิสัยกลางข้ามประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ก.ย.) ส่วนครั้งแรกเกิดขึ้นหลังเกาหลีเหนือทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา

นอกจากท่าทีของผู้นำทั้งสองประเทศแล้ว ภูมิภาคตะวันออกกลางก็มีการเคลื่อนไหวตอบโต้ท่าทียั่วยุของเกาหลีเหนือด้วย เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา สื่อวอยซ์ออฟอเมริกาของสหรัฐฯ รายงานว่าคูเวตตัดสินใจส่งผู้แทนทางการทูตของเกาหลีเหนือกลับจำนวนห้าคนจากทั้งหมดเก้าคน หนึ่งในนั้นเป็นเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำคูเวต โซชางซิก ทั้งนี้ ในรายงานยังไม่ระบุวันที่จะถูกส่งกลับ

ท่าทีของคูเวตสอดคล้องกับมติของ UNSC ที่ 2321 ที่ลงมติกันไปเมื่อปีที่แล้วเพื่อลงโทษเกาหลีเหนือทำการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ห้า โดยคูเวตเป็นประเทศที่สามที่ส่งทูตจากเกาหลีเหนือกลับประเทศตามมติของ UNSC หลังเม็กซิโกและเปรู

นอกจากนั้น คูเวตยังไม่ให้วีซากับชาวเกาหลีเหนือ ทำให้ชาวเกาหลีเหนือที่อยู่ในคูเวตจะถูกแจ้งให้ออกจากประเทศเมื่อใบอนุญาตพำนักหมดอายุลง โดยปัจจุบันคาดว่ามีชาวเกาหลีเหนือทำงานในคูเวตราว 6,000 คน

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ คว่ำบาตรรอบนี้ไม่พอเปลี่ยนท่าทีโสมแดง ต้องเหลือช่องสู่มาตรการที่แรงกว่านี้

โคบยุงจุน จากยอนฮัป รายงานว่า มติที่ 2375 ของ UNSC เป็นฉบับล่าสุดของมาตรการการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (11 ก.ย.) โดยกำหนดให้ระงับการส่งออกน้ำมันดิบจำนวน 4 ล้านบาร์เรลต่อปี และระงับการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันปิโตรเลียมจำนวน 2 ล้านบาร์เรลให้เกาหลีเหนือ  นอกจากนั้นยังมีมติไม่รับสินค้าสิ่งทอจากเกาหลีเหนือที่คาดว่าเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่หล่อเลี้ยงโครงการทดลองขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์

การคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังเกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นมติคว่ำบาตรครั้งที่ 9 นับจากครั้งแรกเมื่อปี 2549 เมื่อเกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรก แต่มติล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีการตัดจำนวนส่งออกน้ำมัน ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่ามตินี้จะนำไปสู่การลดปริมาณส่งออกน้ำมันให้เกาหลีเหนือเป็นปริมาณร้อยละ 30 แต่มตินี้ยังถือว่าเบาจากกว่าความคาดหวังของสหรัฐฯ ที่ต้องการตัดการส่งออกน้ำมันทั้งหมดไปเลยเพื่อกดดันให้เกาหลีเหนือเข้าสู่กระบวนการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์

โชบองฮยุน นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ IBK กล่าวว่า “การคว่ำบาตรที่มีการระงับการส่งออกน้ำมันนั้นอาจมีความหมาย แต่ก็ยังต่ำกว่าความคาดหวังของพวกเรา” “แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มาตรการที่เกี่ยวพันกับน้ำมันจะมีผลกระทบทางจิตวิทยากับเกาหลีเหนือ”

จีนและรัสเซียที่เป็นสองสมาชิกถาวรของ UNSC ที่มีสิทธิวีโต้ (การปฏิเสธข้อเสนอ ถ้ามีสมาชิกคนใดคนหนึ่งวีโต้ ข้อเสนอนั้นเป็นอันตกไป - ผู้สื่อข่าว) เองก็พยายามหยุดยั้งมาตรการที่จะทำให้เกาหลีเหนือสั่นคลอน ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดให้เกาหลีเหนือ คิมคึนซิก ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยกยองนัมให้ความเห็นว่า “ดูเหมือนว่าสหรัฐฯ และจีนจะบรรลุซึ่งข้อตกลงร่วม ที่ฝ่ายแรกต้องการมาตรการที่รุนแรงขึ้น และฝ่ายหลังก็ต้องการจะเลี่ยงมาตรการที่สั่นคลอนความเป็นพันธมิตร”

“จีนนั้นอยากให้เกาหลีเหนือเจ็บปวดบ้าง แต่ก็ไม่อยากให้มาตรการที่ออกมารุนแรงมากจนเกาหลีเหนือล่มสลาย” คิมคึนซิกกล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี มีผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรที่ออกมาล่าสุดสามารถเบิกทางให้กับการยกเลิกการส่งออกน้ำมันให้เกาหลีเหนือทั้งหมดได้และการทำเช่นว่านั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการกดดันรัฐบาลเปียงยาง จุงซงชาง นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันเซจงของเกาหลีใต้กล่าวว่า “มติของ UNSC จะตัดปริมาณการส่งออกน้ำมันราวร้อยละ 29 ให้เกาหลีเหนือ ซึ่งท้ายที่สุดจะไปฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ”

“อย่างไรเสีย ท่าทีดังกล่าวมีข้อจำกัดที่ชัดเจนในการจะทำให้เกาหลีเหนือเบนเข็มนโยบาย ดังนั้นการที่ UNSC จะเปิดทางให้มีมาตรการยกเลิกการส่งออกน้ำมันทั้งหมดให้เกาหลีเหนือจึงเป็นเรื่องสำคัญ” นักวิจัยอาวุโสท่านเดิมกล่าวเพิ่มเติม

ผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีเหนือที่ไม่ประสงค์จะออกนามก็ให้ความเห็นว่าสหรัฐฯ จะยังมีมาตรการเพิ่มเติมได้อีกถ้าเกาหลีเหนือยังคงมีท่าทียั่วยุต่อไป “เกาหลีเหนือไม่มีทีท่าว่าจะเข้าสู่โต๊ะเจรจาจนกว่าจะประกาศว่าตนมีศักยภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์”

“จนกว่าจะถึงเวลานั้น สหรัฐฯ จะเดินหน้าใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม และเกาหลีเหนือก็จะเดินหน้าใช้มาตรการยั่วยุต่อไป สุดท้ายแล้วเราจะเห็นฉากจบของเกมนี้ แต่ก่อนที่จะถึงตรงนั้น สหรัฐฯ ดูเหมือนจะยังมีไพ่ในมือให้เล่นอีกหลายใบ” ผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีเหนือกล่าว

แปลและเรียบเรียงจาก

YonhapMoon, Trump agree to thoroughly implement U.N. sanctions on N. Korea, September 17, 2017

Yonhap, Kuwait decides to deport N.K. envoy, stops issuing visas for N. Koreans: VOA, September 16, 2017

Yonhap, UNSC resolution insufficient to change N.K. behavior, signals tougher action ready: experts, September 12, 2017

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net