Skip to main content
sharethis

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเรื่องการขออนุญาตใช้ที่ดินสปก. หลัง คำสั่ง หัวหน้า คสช. เปิดช่องให้ใช้ประโยชน์ในกิจการด้านพลังงาน กิจการด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ 

26 ก.ย. 2560 รายงานข่าวจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลระบุว่า วันนี้ (26 ก.ย.60) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุม โดยมีประเด็นหนึ่งคือ ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน การขอและการยินยอม หรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน

โดยให้แก้ไขเรื่องการเยียวยาหรือชดเชยเกษตรกรมิให้เกินอำนาจตามคำสั่งฯ และ รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้  และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

พล.ท.สรรเสริญ ระบุว่า การเห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 31/2560 สั่ง ณ วันที่ 23 มิ.ย. 2560

ร่างกฎกระทรวงมีหลักการสำคัญให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) มีอำนาจยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินสำหรับกิจการที่อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายของรัฐบาลหรือมติ ครม. ได้แก่ กิจการด้านพลังงาน กิจการด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่อาจหาได้จากแหล่งอื่นนอกจากที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และกิจการอันเป็นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า การขอใช้ที่ดินสปก.ต้องไม่เป็นที่ที่ได้รับพระราชทานหรือได้รับบริจาคเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือเป็นที่ดินที่อยู่ในโครงการพระราชดำริ และในการขอใช้ที่ดินเพื่อทำปิโตรเลียม พลังงานหมุนเวียนและเหมืองแร่ ให้ยื่นคำขอต่อสปก.จังหวัดที่ประสงค์จะใช้ที่ดิน และการยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินที่มีขนาดเนื้อที่เกิน 500 ไร่ หรือระยะเวลา การขอใช้เกิน 30 ปี หรือที่ดินที่รัฐได้ปรับปรุงพัฒนาเพื่อการปฏิรูปที่ดินสำหรับจัดให้แก่สถาบันเกษตรกรไว้แล้ว จะต้องขออนุมัติต่อครม.ก่อนให้ความยินยอมหรืออนุญาต โดยผู้ยื่นคำขอจะได้รับความยินยอม หรืออนุญาตได้ต่อเมื่อเกษตรกรผู้จะได้รับผลกระทบในพื้นที่นั้นได้รับการเยียวยา หรือชดเชยตามข้อตกลงหรือตามเงื่อนไขที่กำหนด และที่ผ่านมา หากมีการใช้ที่ดิน สปก. ในการทำประโยชน์ ด้านปิโตรเลียม พลังงานหมุนเวียนและเหมืองแร่ อยู่ก่อนแล้ว ให้ติดต่อยื่นคำขอ สปก.ภายใน 60 วัน ที่กฎกระทรวงบังคับใช้

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล สรุปไว้ดังนี้

1. กำหนดนิยาม “ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน” “สำรวจปิโตรเลียมขั้นต้น” และ “การเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียม” “กิจการระบบโครงข่ายพลังงาน” “พลังงานหมุนเวียน” “ทรัพยากรธรรมชาติ” เป็นต้น

2. กำหนดให้กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับแก่กิจการด้านพลังงาน กิจการด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และกิจการอันเป็นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศที่มีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อให้             เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ

3. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่ยื่นขออนุญาตให้ใช้ประโยชน์เพื่อดำเนินกิจการตามกฎกระทรวงฯ ต้องไม่เป็นที่ดินที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดิน  เพื่อเกษตรกรรมได้รับพระราชทานหรือรับการบริจาคเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือเป็นที่ดินที่อยู่ในโครงการพระราชดำริหรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

4. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลผู้ประสงค์จะขอความยินยอม หรืออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดท้องที่ที่ประสงค์จะใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อดำเนินกิจการตามคำขอนั้นตามแบบที่ ส.ป.ก. กำหนด

5. กำหนดให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดหรือ ส.ป.ก. ที่ได้รับคำขอตามข้อ 4. ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของคำขอและเอกสารประกอบคำขอ หากไม่ถูกต้องครบถ้วนให้แจ้งผู้ขอใช้ประโยชน์ที่ดินดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด

6. กำหนดให้มีการเยียวยาหรือชดเชยกรณีสูญเสียโอกาสจากการใช้ที่ดินให้แก่เกษตรกรที่ยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดิน ทั้งนี้ การเยียวยาหรือชดเชยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กำหนดในกฎกระทรวง

7. กำหนดให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดมีอำนาจพิจารณาและมีมติให้เกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินรายที่ถึงแก่ความตายหรือโอนการทำประโยชน์ในที่ดินไปยังบุคคลอื่น สิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยการให้เกษตรกรและสถาบันเกษตกรผู้ได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน

8. กำหนดให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติก่อนพิจารณายินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินที่มีขนาดเนื้อที่เกิน 500 ไร่ หรือมีระยะเวลาการขอใช้เกิน 30 ปี หรือที่ดิน ตามคำขอเป็นที่ดินที่หน่วยงานของรัฐได้ปรับปรุงและพัฒนาแปลงเกษตรกรรมหรือโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการปฏิรูปที่ดินสำหรับจัดให้แก่สถาบันเกษตรกรไว้แล้ว เพื่อกิจการด้านพลังงาน ประเภทการเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียม กิจการไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานหมุนเวียน กิจการด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ประเภทการทำเหมือง และกิจการอันเป็นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ประเภทกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายในระบบโทรคมนาคม กิจการภายใต้นโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ

9. กำหนดให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีอำนาจยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดิน ตามประเภทและวัตถุประสงค์ของกิจการตามข้อ 2. โดยให้พิจารณายินยอมหรืออนุญาตตามเนื้อที่และระยะเวลาที่มีความจำเป็นและเหมาะสมแก่การใช้พื้นที่เพื่อวัตถุประสงค์และโครงการที่เสนอตามคำขอ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงฯ

10. กำหนดให้เลขาธิการ ส.ป.ก. หรือผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้มีอำนาจลงนามในหนังสือยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน

11. กำหนดให้การโอนหนังสือยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในระเบียบ

12. กำหนดให้มติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและหนังสือการให้ความยินยอมใช้ที่ดินชั่วคราวหรือหนังสือสละสิทธิในที่ดินหรือมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเป็นอันสิ้นผล ในกรณีที่ผู้ได้รับความยินยอมหรืออนุญาตไม่เยียวยาหรือชดเชยเกษตรกร หรือไม่ส่งมอบหลักประกันและรับมอบหนังสือยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินภายในระยะเวลาที่กำหนด และให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดท้องที่ที่เกี่ยวข้องเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพื่อจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรที่ยื่นหนังสือสละสิทธิในที่ดินหรือเพิกถอนมติ และพิจารณาจัดที่ดินแปลงเดิมให้แก่เกษตรกรนั้นตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต่อไป

13. กำหนดบทเฉพาะกาลดังนี้

13.1 ให้บุคคลตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีหน้าที่ยื่นคำขอเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินใน เขตปฏิรูปที่ดินต่อ ส.ป.ก. ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

13.2 ให้ผู้ได้รับความยินยอมหรืออนุญาตอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับมีหน้าที่ส่งมอบหลักประกันและรับมอบหนังสือยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินกับ ส.ป.ก. ตามที่ระเบียบกำหนดภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับแจ้งมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

14. ถ้าบุคคลตาม 13.1 ไม่ยื่นคำขอหรือไม่ส่งมอบหลักประกัน และรับมอบหนังสือยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ ส.ป.ก. แจ้งเตือนให้ดำเนินการภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน นับแต่วันครบกำหนดนั้น เมื่อล่วงเลยระยะเวลาดังกล่าว ให้ ส.ป.ก. เสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมพิจารณาสั่งให้ความยินยอมหรือไม่ยินยอม อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินของบุคคลที่มีอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงใช้บังคับนั้นเป็นอันสิ้นผล 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net