Skip to main content
sharethis

ปัญหาของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า หากรัฐเพิกเฉย หรือละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ภารกิจต่อไปของพีมูฟ คงต้องนำปัญหารวมทั้งข้อเสนอทั้งหมดเข้าพบนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อให้ร่วมพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าอีกเป็นการต่อไป

หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายทวงคืนผืนป่า แล้วมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2557 โดยมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งประเทศ

แต่การดำเนินการทวงคืนผืนป่า กลับเข้ามาปฏิบัติการแย่งยึดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนคนยากจนสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนทั่วภูมิภาค

ดังนั้น เครือข่ายประชาชนในนามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ที่ได้ดำเนินการผลักดันการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รัฐมีมาตรการการกระจายการถือครองที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นธรรม จึงร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาในระดับนโยบายระหว่างหน่วยงานรัฐกับตัวแทนพีมูฟ

กระทั่งช่วงต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยได้แต่งตั้งและมอบหมายให้ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ แทน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ย้ายไปเป็น รมช.ศึกษาธิการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค.60 ออมสิน ได้จัดเวทีประชุมร่วมกับพีมูฟ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาของผู้ได้รับผลกระทบจากการทวงคืนผืนป่า และโครงการอื่นๆ ของรัฐบาล ในที่ประชุม ออมสินกล่าวว่า ปัญหาที่พีมูฟ นำเสนอมาเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน หลังจากนี้สำนักนายกฯ จะเร่งประสานงานและทำหนังสือชี้แจงถึงหน่วยงานต่างๆ

เมื่อล่วงเข้าสู่เดือน ก.ย.60 ข้อเรียกร้องเพื่อให้เกิดแนวทางแก้ไขเป็นรูปธรรมยังไม่มีความคืบหน้า โดยไม่มีการประชุมอีกเลยนับจากครั้งนั้น ทั้งที่มติที่ประชุมได้มีแนวทางให้แก้ไขปัญหาเร่งด่วนแต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ การแก้ไขปัญหาไม่ได้ถูกนำมาสานต่อตรงกันข้ามกลับเป็นการสะสมปัญหาที่ประชาชนได้รับผลกระทบเพิ่มยิ่งขึ้น

ดังนั้น เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา พีมูฟ จึงได้นัดรวมพลเพื่อเดินทางไปยังสำนักงานพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.) กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อสำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี และเพื่อติดตามทวงถามการแก้ไขปัญหาที่ล่าช้า ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งข่มขู่ หลอกลวง และจับกุมดำเนินคดี

อีกทั้ง ได้กำหนดให้รัฐบาลเปิดประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบต่างๆ อย่างเร่งด่วน หากทางหน่วยงานรัฐยังคงเพิกเฉย พีมูฟ จะนัดรวมกันมาอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ย.60

กระทั่งถึงกำหนดตามนัดหมาย เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ทีผ่านมา ตัวแทนเครือข่ายประชาชนผู้ได้ได้รับผลกระทบจากนโยบายและการพัฒนาของรัฐจากทั่วประเทศในนามพีมูฟ กว่า 100 คน มารวมตัวที่หน้าสำนักงาน ก.พ.ร. ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอพบ ออมสิน เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการแก้ปัญหารวมทั้งขอให้ ออมสิน เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้เกิดการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว แต่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ว่า ออมสิน ติดภารกิจไม่สามารถร่วมประชุมได้ กระทั่งเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวแทนพีมูฟจำนวน 10 คน และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมกับน พงษ์ชัย นิรมิตศรีชัย ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกฯ

การพูดคุยเบื้องต้น ที่ปรึกษา รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า จะนำข้อเสนอทั้งหมดเรียนต่อ ออมสิน และจะนัดหมายประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ ในวันที่ 24 พ.ย. ที่จะถึงนี้

การที่ ออมสิน ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ ไม่สามารถมาเข้าร่วมประชุมได้ ทั้งที่ควรทราบล่วงหน้าว่าพีมูฟ จะขอไปเจรจา  สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความล่าช้า เพิกเฉย ไม่ให้ความสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหา

พีมูฟมีภารกิจต้องติดตามจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข และหากคณะกรรมการฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ขั้นตอนต่อไปของพีมูฟ คงต้องนำปัญหารวมทั้งข้อเสนอทั้งหมดเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อให้ร่วมพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าอีกเป็นการต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net