Skip to main content
sharethis

 

สั่งตรวจเข้มคนงานไทยลักลอบทำงานเกาหลีใต้

พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งตรวจเข้มแรงงานไทยลักลอบไปทำงานเกาหลีใต้โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว หลังพบในรอบ 11 เดือน ระงับการเดินทางไปแล้ว 700 คน ส่วนใหญ่ได้รับการชักชวนทางสื่อออนไลน์

นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความห่วงใยในปัญหาการลักลอบไปทำงานต่างประเทศ โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิเข้มงวด ตรวจสอบผู้ที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 – สิงหาคม 2560 ระงับการเดินทางของผู้ที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้แล้วจำนวน 700 คน โดยจะแฝงตัวในลักษณะของกรุ๊ปทัวร์ซึ่งอยู่ได้ครั้งละ 90 วัน หากสามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปได้ก็จะมีนายหน้ามารับเพื่อไปทำงาน เมื่อใกล้ครบกำหนดก็จะแนะนำให้เดินทางกลับประเทศและขอเดินทางกลับเข้ามาใหม่ แต่บางรายก็อยู่ต่ออย่างผิดกฎหมาย ซึ่งมีหลายรายได้รับค่าจ้างต่ำกว่าที่โฆษณาชวนเชื่อ ขณะเดียวกันอาจถูกบังคับให้ค้าประเวณี โดยคนหางานส่วนใหญ่จะได้รับการชักชวนทางสื่อออนไลน์ และไม่รู้จักผู้ที่มาชักชวนแต่อย่างใด

นายวรานนท์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากรมการจัดหางานได้ประกาศเตือนมาตลอดว่าอย่าหลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อให้ไปทำงานเกาหลีใต้ทางสื่อออนไลน์ เพราะการไปทำงานเกาหลีใต้ที่ถูกกฎหมายต้องไปโดยวิธีรัฐจัดส่ง ซึ่งทางการไทยได้จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับทางการเกาหลีว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (EPS) ดังนั้น หากอยู่หรือทำงานอย่างผิดกฎหมายแล้วถูกจับได้จะต้องถูกปรับเงิน ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย และถูกทางการเกาหลีขึ้นบัญชีห้ามเข้าประเทศ (Black List) ทำให้สูญเสียโอกาสในการเดินทางไปทำงานเกาหลี ทั้งยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไทยอีกด้วย ขอให้ติดต่อสอบถามที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือโทร.สายด่วน 1694

ที่มา: กระทรวงแรงงาน, 1/10/2560

สหภาพฯ รฟท. ปูดขาดแคลนบุคลากรหนัก อาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการ

สหภาพฯ รฟท. ปูดปัญหาใหญ่ในองค์กร ขาดแคลนบุคลากรหนัก อาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการ มีปัญหาความปลอดภัย ขณะที่การลงทุนพัฒนาระบบรางหลากหลายรูปแบบนับล้านล้านบาทอาจไม่มีคนปฏิบัติงาน

นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัญหาใหญ่ ที่เกิดขึ้นในองค์กรการรถไฟแห่งประเทศไทยขนาดนี้ และทางสหภาพฯเห็นว่ารัฐบาล และกระทรวงคมนาคมต้องรีบยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหาโดยด่วน เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการปฏิบัติงานของพนักงานรถไฟตกต่ำแล้ว ยังอาจเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในด้านการเดินรถ เกิดอันตรายต่อผู้โดยสารได้

โดยขณะนี้แม้ว่าสหภาพฯ จะพิจารณาเห็นว่า รัฐบาลปัจจุบัน มีความตั้งใจที่จะเข้ามาปฏิรูประบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างจริงจังมากกว่ายุคอื่นๆ มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางที่มีความเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศระยะ 8 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2565 รัฐบาลได้มีการเน้นการลงทุนให้เกิดโครงการรถไฟทางคู่ใหม่ระยะแรกถึง 10 เส้นทาง ระยะสองอีก 12 เส้นทาง และขณะนี้ก็เริ่มก่อสร้างไปแล้ว 2 เส้นทาง กำลังประมูลจัดซื้อจัดจ้างอีก 5 เส้นทาง การเร่งรัดรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าเชื่อมสนามบินหรือแอร์พอร์ตลิงค์ ตลอดจนรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เชื่อมประเทศที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ แต่โครงการเหล่านี้จะใช้บุคลากรจากไหนหากไม่เร่งสร้างในวันนี้

“ปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น คือ แผนในการพัฒนาบุคลากร หรือคนเพื่อมาทำงานรองรับระบบราง ที่ลงทุนมูลค่านับล้านล้านบาทกลับไม่มีความชัดเจนท่ามกลางปัญหาปัจจุบันที่ รฟท. มีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ส่งผลกระทบเกิดปัญหาตามมา ทุกวันนี้นายสถานีหลายคนต้องปฏิบัติงาน ควงกะตลอดวันตลอดคืน ทำหน้าที่ทุกอย่างในสถานี ตั้งแต่ขายตั๋ว ยันล้างห้องน้ำ แค่นี้ก็หมดเวลาไปวันๆ แล้ว ไม่ต้องคิดกันมากเลยว่า หากรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง สร้างเสร็จจะ จะเอาคนที่ไหนมาทำงาน” นายสาวิทย์กล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลอัตรากำลังของการรถไฟแห่งประเทศไทย ปัจจุบันตามแผนงาน การรถไฟฯ มีความต้องการบุคลากรเพื่อปฏิบัติงานด้านต่างๆ ที่ 15,000 คน แต่ในความเป็นจริงกลับเหลือพนักงานปฏิบัติหน้าที่ได้เพียง 11,000 คน เท่ากับว่าขาดแคลนอยู่เกือบ 4,000 คน และในแผนอีก 4 ปีข้างหน้า หากการลงทุนสร้างรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูงสำเร็จ จะต้องการบุคลากรเพิ่มเป็น 30,000 คน จำเป็นต้องสรรหาอัตรากำลังเพิ่มอีก 20,000 คน ซึ่งโครงการสำคัญเหล่านี้เหลือเวลาในการก่อสร้างสามถึงสี่ปีก็จะต้องเริ่มเปิดให้บริการแล้ว

โดยต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา ณ วันนี้ เกิดจากมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 ที่กำหนดให้การรถไฟฯ สามารถรับพนักงานใหม่เพิ่มได้ 5% ของพนักงานที่เกษียณอายุราชการออกไปเพื่อเป็นการลดปัญหาการขาดทุน แต่ถึงวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้ไม่ได้ทำสถานะของการรถไฟฯ และการให้บริการดีขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ การรถไฟฯ ต้องทนรับสภาพ เพราะเมื่อพนักงานประจำรับใหม่ไม่ได้ ลูกจ้างก็จ้างเพิ่มไม่ได้ รวมถึงบุคลากรที่การรถไฟฯ ผลิตขึ้นมาเอง อย่างนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ มติ ครม.ดังกล่าวด้วย ส่งผลนักศึกษาที่เรียนจบจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ ในปี 2560 และพร้อมเข้ามาปฏิบัติงานเพิ่มได้ จำนวน 176 คน แต่กลับไม่สามารถดึงบุคลากรคนรุ่นใหม่เหล่านี้เข้ามาปฏิบัติงานได้ สุดท้ายต้องแยกย้ายกันกลับบ้านตามภูมิลำเนาของตัวเอง จึงถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เรื่องนี้จึงต้องจับตาต่อไปว่ารัฐบาลจะดำเนินการคลี่คลายปัญหาดังกล่าวอย่างไร

ที่มา: สำนักข่าวไทย, 2/10/2560

วอนหาแนวทางรับมือแรงงานเพื่อนบ้านทิ้งงาน หลังหลอกให้พาเข้าประเทศ

นายจ้างรายหนึ่ง ร้องเรียนกับแรงงานจังหวัดจันทบุรี ว่าถูกแรงงานชาวกัมพูชาจำนวน 2 คน หลอกให้นำพาเข้าประเทศ พร้อมขึ้นทะเบียนทำบัตรแรงงานตามกฎหมาย แต่สุดท้ายกลับหนีหาย

ปัญหานี้คงเกิดขึ้นกับนายจ้างหลายท่าน โดยเฉพาะยามขาดแคลนแรงงาน นางสาวธนภรณ์ ผลสะอาด ผู้ประกอบธุรกิจโรงงาน ในฐานะนายจ้าง นำเอกสารหลักฐานพร้อมภาพถ่ายของแรงงานชายชาวกัมพูชา อายุ 19 ปี จำนวน 2 คน เข้าร้องเรียนกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดจันทบุรี ว่าเธอถูกแรงงานทั้งคู่หลอกให้ทำบัตรแรงงาน ต้องจ่ายเงินเป็นค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าขึ้นทะเบียนแรงงาน รวมถึงค่าจ้างล่วงหน้าไปแล้วกว่า 8,500 บาท แต่หลังจากทำงานได้เพียง 4 วัน แรงงานกัมพูชาทั้ง 2 คน ก็ออกอุบายขอติดรถไปที่ตลาดบ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี แล้วหนีกลับประเทศบ้านเกิดทันที

นายจ้างรายนี้ ยอมรับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกแรงงานเพื่อนบ้านหลอกให้สูญทรัพย์ ประกอบกับมีนายจ้างอีกจำนวนมาก ต้องเผชิญกับปัญหาลักษณะนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาแนวทางป้องกัน

ที่มา: ch7.com, 3/10/2560

ครม.เห็นชอบทดแทนอัตรา ขรก.เกษียณด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) เสนอแนวทางการทดแทนอัตราว่างงานการเกษียนอายุของข้าราชการ ด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น เพื่อลดการบรรจุข้าราชการทดแทนอัตราว่าง แต่หากบรรจุทดแทนในอัตราระดับล่างสามารถพิจารณาตามความเหมาะสม

โดยในการทดแทนจากผลการเกษียณอายุราชการสายอัตราสนับสนุนทั้งตำแหน่งทั่วไป เช่น เจ้าหน้าที่พนักงานธุรการ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี เจ้าหน้าที่พนักงานพัสดุ ให้ทดแทนอัตรว่างจากผลเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นทั้งหมด ยกเว้นตำแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโสให้เว้นการทดแทนอัตราว่าง

ขณะที่ ตำแหน่งประเภทวิชาการ เช่น นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการพัสดุ ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นร้อยละ 10 ของอัตราว่าง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2561 เป็นต้นไป

ที่มา: ThaiPBS, 3/10/2560

'ประวิตร' สั่งเร่งแก้ค้ามนุษย์ หวังปรับขึ้นเทียร์ 2

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงหลังภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมเน้นย้ำเรื่องการแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย(ไอยูยู) ที่ต้องเร่งขึ้นเรือประมงผิดกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. ปี 2561 เพื่อทำให้ประเทศไทยออกจากการประเมินใบเหลือง นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ จึงต้องเร่งแก้ปัญหาทุกด้าน เพื่อให้ไทยปรับอันดับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ขึ้นเป็นเทียร์ 2 ให้ได้ในปีหน้า

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวเราไม่ได้เป็นการเอาใจสหภาพยุโรป(อียู) หรือสหรัฐฯ แต่ทำเพื่อความถูกต้องตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยชน ซึ่งเดิมมีการละเลยมาตลอด และหากไม่ดำเนินการตอนนี้ก็จะทำให้ภาคธุรกิจเสียหายและกระทบต่อการส่งออกและระบบประมงของไทยทั้งหมด โดยพล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำกับข้าราชการให้เน้นประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน และหากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการหรือล่าช้า ปล่อยปละละเลย จะถือว่าพกพร่องต่อหน้าที่ ต้องรับผิดชอบ

พล.ท.คงชีพ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันพล.อ.ประวิตร ยังสั่งการให้กรมประมงมีการตรวจสอบย้อนกลับและดำเนินมาตรการด้านปกครองให้เรียบร้อย พร้อมกำชับกรมเจ้าท่าดำเนินการเรื่องกองเรือให้เสร็จสิ้นภายในเดือนต.ค.นี้ และให้ตรวจสอบเรือทุกลำที่เข้าในน่านน้ำของไทยตลอด 24 ชั่วโมง หากพบเรือต้องสงสัย ให้ปฏิเสธไม่ให้เข้าน่านน้ำ ห้ามหละหลวมโดยเด็ดขาด หากพบการกระทำความผิดต้องดำเนินคดีทุกกรณี ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้อัยการสูงสุดเร่งรัดการดำเนินคดีให้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังให้กรมจัดหางานรวบรวมหลักฐานแรงงานประมงทั้งในน้ำและบนบกให้เสร็จสิ้นในเดือน มี.ค. 2561

ที่มา: VoiceTV, 4/10/2560

"รฟท." เตรียมเสนอ ครม. เพิ่มบุคลากรอีก 4,000 ทดแทนคนเกษียณ และรองรับโครงการรถไฟทางคู่ - รถไฟความเร็วสูง

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมในฐานะผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การรถไฟฯ อยู่ระหว่างเสนอเรื่องเข้าสู่กระทรวงคมนาคม หลังจากผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.เพื่อขอแก้มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 ก.ค. 41 ที่กำหนดให้สามารถรับพนักงานใหม่เพิ่มได้ 5% ของพนักงานที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งในปีนี้มีคนรถไฟที่เกษียณอายุราชการประมาณ 300 กว่าคน

ทั้งนี้จากการศึกษานั้นรฟท.ต้องการเพิ่มบุคลากรอีกราว 4,000 คนเพื่อรองรับโครงการรถไฟทางคู่ รวมถึงรถไฟความเร็วสูง และรถไฟชานเมืองที่กำลังก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม หากครม.มีมติเห็นชอบได้ในปลายปีนี้ การรถไฟฯจะเร่งดำเนินการเพิ่มอัตราคนรถไฟในปี 61 จำนวน 500 คน ซึ่งรวมถึงบัณฑิตจบใหม่ของโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟที่รอบรรจุอีก 176 คนด้วย ก่อนทยอยเพิ่มให้ครบตามเป้าหมาย 4,000 คนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตามแผนฟื้นฟูกิจการของการรถไฟฯ ตั้งเป้าไว้ว่า จะขยายแผนเดินรถ เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ดังนั้นจึงมีแผนเพิ่มจำนวนรถไฟเป็น 450 ขบวน จากเดิม 250 ขบวน จึงต้องการบุคลากรด้านรถไฟประมาณ 30,000 คนในอีก 4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีพนักงานอยู่ที่ 11,000 คน

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 3/10/2560

แรงงานไอทีมีเฮ!!! รายได้ดี เป็นที่ต้องการ

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เดินหน้าเจาะลึกสายอาชีพที่กำลังมาแรง แนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาด ควบคู่กับนโยบายภาครัฐ Thailand 4.0 หรือ โมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน ซึ่งกระแสการเดินหน้าของประเทศ ต้องการผลักดันประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งคงหนีไม่พ้นด้าน ไอที เทคโนโลยีที่จะมีบทบาท และเด่นชัดมากขึ้นในอีกไม่นาน ทั้งสังคม การศึกษา เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และภาคธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Cloud Computing ที่จะย่อโลก มีบทบาทในแวดวงอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจในอนาคต Big Data Analytics ที่ประเทศไทยให้ความตื่นตัว ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน แม้กระทั่งสถาบันการศึกษาที่เร่งผลิตบุคลากรมารองรับตลาด Internet of Things อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก การเชื่อมโลกธุรกิจ อุตสาหกรรมด้านระบบไอที อินเทอร์เน็ต หรือแม้กระทั่ง IT Security ที่ต้องเตรียมพร้อมในด้านความปลอดภัย รองรับการเติบโต การเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ต้องการทรัพยากรบุคคลคุณภาพแทบทั้งสิ้น

กว่า 3 ปีที่ผ่านมา สุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ได้เก็บข้อมูล สถิติของแรงงานและตลาดแรงงานในกลุ่มสายไอที เทคโนโลยี และเจาะลึกในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมาทำให้ได้ผลสำรวจของแรงงานและตลาดแรงงานในกลุ่มดังกล่าว คือ ตลาดมีความต้องการสูงและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อัตรารายได้สูงหากได้มาตรฐานการทำงานตามที่หน่วยงานหรือองค์กรต้องการ ที่สำคัญบุคลากรในสายวิชาชีพดังกล่าวไม่เพียงต่อตลาด ยังขาดแรงงานที่มีทักษะและประสบการณ์อีกไม่น้อย

7 กลุ่มสายงานแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบันและในอนาคต รับกับกระแส Thailand 4.0 ความต้องการพัฒนาเศรษฐกิจของภาครัฐ และรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานยุคปัจจุบัน และเทรนด์การทำงานในอนาคตที่ในสายอาชีพไอที เทคโนโลยียังคงสดใสเรียกได้ว่า “รายได้ดี ความต้องการสูง” อย่างแน่นอน

1. กลุ่มสายงานด้าน IT Management สายงานในตำแหน่งผู้บริหารที่นับว่าเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ใช้ความรู้ทางด้านเทคนิคร่วมกับความเข้าใจในธุรกิจ มีทักษะด้านการวางแผน การบริหารงานโครงการให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจในช่วง Business Transformation ได้แก่ IT Auditor, Project Lead, IT Manager , Data Center Operator/Manager, Project Manager, IT Director, Project Director เป็นต้น อัตรารายได้เริ่มต้นที่ 22,000 บาท หากมีความเชี่ยวชาญ ทักษะเฉพาะด้าน สะสมประสบการณ์มากกว่า 10 ปี อาจมีรายได้สูงถึงกว่า 400,000 บาท

2. กลุ่มสายงานด้าน Network & System ถือเป็นหัวใจของงานด้านไอทีในทุกองค์กร เพราะขับเคลื่อนการวางแผนเครือข่ายพื้นฐาน (Network) การจัดการระบบของหน่วยงานต้องมีประสิทธิภาพ ผู้ที่ทำงานดูแลเครือข่ายถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในตำแหน่ง Software Engineer, Software Tester, Software QA, Hardware Engineer, Solution Architect, Program Analyst, Network Engineer, Network Administrator, System Administrator, Business System Analyst เป็นต้น โดยมีฐานรายได้เริ่มต้นเฉลี่ยที่ 15,000 บาท และอาจทะยานสูงไปที่ 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับทักษะ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์การทำงานที่มีมากกว่า 5-10 ปี

3. กลุ่มสายงานด้าน Programmer & Developer เปรียบเสมือนหมอเฉพาะทาง ต้องการผู้มีทักษะเขียนภาษาต่าง ๆ ทางคอมพิวเตอร์ เช่น ภาษา C, C+, Java, COBAL, IOS, Android เป็นต้น หากแต่สายงานนี้มักไม่ค่อยชอบทำงานประจำ ชอบทำงานอิสระ มักเรียกใช้ฟรีแลนด์ได้ แต่องค์กรยังคงต้องการพนักงานประจำ ซึ่งรายได้บุคลากรที่สามารถทำงานด้าน Android Developer, Mobile Developer, Software Developer, Cobol Programmer, Java Programmer, Programmer เป็นต้น เริ่มต้นที่ 18,000 บาท และหากพัฒนาความรู้ สั่งสมประสบการณ์เพิ่มการใช้โปรแกรมจากผลสำรวจรายได้สูงสุดอยู่ที่ 130,000 บาท

4. กลุ่มสายงานด้าน Database Management บุคลากรในการจัดการระบบฐานข้อมูลถือมีความสำคัญในองค์กร โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ มักต้องการผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์การทำงานสูง และต้องการความปลอดภัย สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์สู่การวางแผนการใช้ข้อมูลเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจได้อย่างสูงสุด ตำแหน่ง ได้แก่ Database Administrator, Oracle DBA/Specialist เป็นต้น โดยบุคลากรในสายงานนี้มีความมั่นคงในสายงานสูง มีฐานรายได้เริ่มต้นเฉลี่ยสูงถึง 20,000 บาท และสูงสุดที่ 150,000 บาท อีกด้วย

5. กลุ่มสายงานด้าน SAP&ERP อาชีพเฉพาะทางที่องค์กรตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความต้องการสูงในการวางแผนควบคุมการจัดการประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร ซึ่งบุคลากรในระดับหัวกะทิหายาก หากมีประสบการณ์ตรงโดยเฉพาะตำแหน่งงาน ด้าน SAP Analyst, SAP Consultant, ERP Consultant ถือว่าเริ่มต้นฐานรายได้โดยเฉลี่ยสูงมากถึง 27,000 บาท และสูงได้ถึง 250,000 บาท หากมีประสบการณ์ตรง หากมีความเชี่ยวชาญ ทำงานมีประสิทธิภาพและแม่นยำ

6. กลุ่มสายงานด้าน Website เปรียบเสมือนบ้านหนึ่งหลังที่ต้องการผู้เข้าดูแลตั้งแต่ก่อสร้างจนถึงตกแต่ง พร้อมดูแลรักษา ดังนั้น ผู้ดูแลต้องเข้าใจโปรแกรมเฉพาะทาง Web Browser ต้องควบคุมดูแล วางโครงสร้างให้สอดคล้องกับระบบงานขององค์กร ตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการ คือ Content Manager, Online Marketing Manager, SEO Specialist เป็นต้น โดยมีฐานรายได้โดยเฉลี่ยที่ 16,000 และสูงสุดที่ 140,000 บาท ที่มาพร้อมทักษะ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของสายงานนี้

7. กลุ่มสายงานด้าน IT Support เป็นตำแหน่งงานที่ทุกองค์กรต้องมีและขาดไม่ได้ เนื่องจากดูแลระบบการทำงานทั้ง Software และ Hardware บำรุงรักษาระบบ Network เข้าระบบเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน การเชื่อมต่อ การสื่อสารภายในเพื่อให้ผู้ใช้ไม่ติดขัด ถือเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่มีความต้องการสูง มีฐานได้เฉลี่ยที่ 16,000 ถึง 48,000 บาทเลยทีเดียว

สุธิดาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปี 2560 ถึงปัจจุบัน แรงงานด้านสายงานไอทีและเทคโนโลยีถือว่าโดดเด่น เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานหมุนตามกระแสทิศทางเศรษฐกิจ โลกแห่งธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนไป การนำเอาระบบและเทคโนโลยีเข้ามีบทบาทในโลกของการทำงาน แรงงานด้านสายงานไอที เทคโนโลยีจึงมีความต้องการในตลาดแรงงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งผลถึงฐานรายได้ที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ผลพวงที่เกิดขึ้นคือ “ความก้าวหน้าของอาชีพ” ที่แรงงานในสายอาชีพดังกล่าวควรหันกลับมามอง ต้องพัฒนาทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ตลาดมองหา มีความต้องการสูง และผลตอบรับที่ได้คือความคุ้มค่าของรายได้ที่ตามมา

แต่สิ่งที่สะท้อนกลับมาจากผู้ประกอบการ องค์กร คือ บุคลากรในสายงานดังกล่าวต้องมีทักษะในการสื่อสารให้เข้าใจได้แม้เป็นภาษาหรือศัพท์ทางเทคนิค ต้องรู้จักอ่อนน้อม มีความอดทน เพราะเก่งงานอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมี Service Mind พร้อมสนับสนุนการทำงานของฝ่ายต่างๆในองค์กร หากยึดถือ ปฏิบัติและปรับตัวได้ ต้องบอกว่าถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพในฝันของคนยุคนี้ที่ต้องบอกว่า “รายได้ดี มีความต้องการของตลาด” จริงๆ

ที่มา: ผู้จัดการรายสัปดาห์ 6/10/2560

กกจ. มอบใบอนุญาตทำงาน ‘ Digital Work Permit’ บนสมาร์ทโฟนใบแรกในไทย

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ชั้น 18 อาคารจัตุรัสจามจุรี พญาไท นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน มอบใบอนุญาตทำงานแบบ Digital Work Permit ใบแรกแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยกับบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จำนวน 5 ราย จากบริษัท อโกดา เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคธุรกิจรับจ้างบริหารระบบธุรกิจระหว่างประเทศ และบริษัทเอ็นเอ็มบี-มินิแบ ไทยจำกัด

นายวรานนท์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบนำร่องการจัดหาและพัฒนาระบบ Single Window ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นการปรับโครงสร้างการให้บริการภาครัฐในลักษณะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตั้งอยู่รวมกันและเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัด เป็น One Stop Service Center โดยบริษัทที่ได้การส่งเสริมการลงทุนสามารถยื่นคำร้องและพิจารณาคำร้องแบบ Online : Single Entry ผ่านระบบนำร่อง Single Window ซึ่งเป็นช่องทางบริการที่สะดวก รวดเร็วและทันสมัย เป็นการให้บริการแบบ E-Service ลดการมาติดต่อด้วยตนเองของผู้ใช้บริการ ลดการใช้เอกสาร โดยใบอนุญาตทำงานที่คนต่างด้าวจะได้รับจะไม่เป็นเล่มเอกสารหรือบัตรแข็งอีกต่อไป แต่จะเป็นรูปแบบ Digital Work Permit บนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน

นายวรานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ใบอนุญาตฯดังกล่าว มีข้อดีคือลดเอกสารที่ต้องพกพา ผู้บังคับใช้กฎหมายหรือผู้ตรวจสอบสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือ Scan QR code สามารถตรวจสอบข้อมูลความเป็นตัวตนหรืออัตลักษณ์หรือเอกสิทธ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง เพราะมีข้อมูลเชิงลึกให้ตรวจสอบ หากบัตรเป็นรูปแบบเดิมจะตรวจสอบได้เฉพาะข้อมูลที่ปรากฏบนบัตรเท่านั้น มีความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูล ปลอมแปลงเอกสารได้ยาก ทั้งนี้ จะต่อยอดการออกใบอนุญาตในรูปแบบดังกล่าวไปยังกลุ่มช่างฝีมือผู้ชำนาญการต่างประเทศที่เข้ามาปฏิบัติงานในกิจการทั่วไป เมื่อรวมการให้บริการออกใบอนุญาตทำงานทั้งกลุ่ม BOI และกลุ่มกิจการทั่วไปจะมีอยู่ประมาณ 150,000 ราย

ทั้งนี้ สำหรับขั้นตอนการทำงานคือ เมื่อคนต่างด้าวที่ยื่นคำขออนุญาตทำงานผ่านระบบ Single Window กรมการจัดหางานและ BOI จะพิจารณาอนุญาตในระบบและแจ้งผลการพิจารณาทาง E-mail เมื่อคนต่างด้าวได้รับการอนุญาตแล้วจะต้องมาแสดงตนเพื่อชำระค่าธรรมเนียม และถ่ายรูปลงลายมือชื่อ Digital เพื่อจะได้ Username และ Password เพื่อลงทะเบียนใน Application ชื่อ “Thailand Digital Work Permit” ใช้ได้ทั้งระบบ IOS และ Android ซึ่งเมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะปรากฏ Digital Work Permit บนโทรศัพท์มือถือของคนต่างด้าว

ที่มา: มติชนออนไลน์, 6/10/2560

ก.แรงงาน ช่วยลูกจ้างสนามกอล์ฟสงขลา 30 ชีวิต ได้สิทธิแรงงานตามกฎหมาย

‘อนันต์ชัย’โฆษกแรงงาน เผย หน่วยงานในสังกัด ก.แรงงาน จ.สงขลา เข้าดำเนินการช่วยเหลือคนงานภายในสนามกอล์ฟสงขลา 30 คน ขึ้นทะเบียนว่างงานตามสิทธิผู้ประกันตน จัดสรรตำแหน่งงานว่างรองรับ พัฒนาฝีมือแรงงานให้ตามความต้องการ พร้อมให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองสิทธิแรงงานตามกฎหมาย หลังสนามกอล์ฟปิดตัวลงและสร้างสวนสาธารณะขึ้นมาทดแทน

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนารักษ์จังหวัดสงขลาขอคืนพื้นที่ราชพัสดุจากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 ซึ่งได้เช่าพื้นที่จำนวน 90 ไร่ เพื่อดำเนินกิจการสนามกอล์ฟนานกว่า 20 ปี โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาสร้างสวนสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้พนักงานสนามกอล์ฟจำนวน 30 คนต้องตกงานปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อนั้น

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า พล.อ. ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความห่วงใยต่อพนักงานกรณีดังกล่าวซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งให้ความช่วยเหลือลูกจ้างในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ล่าสุดหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.สงขลา ได้ร่วมกันเข้าไปดำเนินการให้การช่วยเหลือคนงานภายในสนามกอล์ฟสงขลาทั้งหมดแล้ว โดยเบื้องต้นให้ความช่วยเหลือขึ้นทะเบียนว่างงานตามสิทธิผู้ประกันตน จัดสรรตำแหน่งงานว่างในพื้นที่รองรับ และพัฒนาฝีมือแรงงานให้หากลูกจ้างมีความประสงค์เพื่อพัฒนาฝีมือหรือประกอบอาชีพอิสระ พร้อมดูแลให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายแรงงาน

ที่มา: กระทรวงแรงงาน, 7/10/2560

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net