Skip to main content
sharethis

เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เผยเตรียมร้องผู้ตรวจการแผ่นดินเอาผิด 'หัวหน้า.คสช. - มีชัย' กรณีแต่งตั้งลูกสาวมากินตำแหน่งรองเลขาธิการ 1 พ.ย.นี้ ชี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กันและกันของ หัวหน้า คสช.และประธาน กรธ.

แฟ้มภาพ

31 ต.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ว่า วันพุธที่ 1 พ.ย. 2560 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชั้น 9 ห้อง 903 ศูนย์ราชการฯ อาคาร B สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อดำเนินการไต่สวนเอาผิดและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อ หัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีแต่งตั้งบุตรสาวของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และมือกฎหมายของ คสช.ให้ดำรงตำแหน่ง “รองเลขาธิการ” ประจำตัวของ มีชัย โดยได้รับเงินค่าตอบแทนจากภาษีของประชาชนจำนวน 47,500 บาทมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2557 มาจนถึงปัจจุบันนั้น โดยระบุว่าเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กันและกันของ หัวหน้าคสช.และประธาน กรธ.

ศรีสุวรรณ แจ้งด้วยว่าตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า หัวหน้า คสช. ได้แต่งตั้งบุตรสาวของ มีชัย ดำรงตำแหน่ง “รองเลขาธิการ” ประจำตัวของ มีชัย โดยได้รับเงินค่าตอบแทนจากภาษีของประชาชนจำนวน 47,500 บาท มาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2557 มาจนถึงปัจจุบันนั้น การกระทำดังกล่าว เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กันและกันของ หน.คสช.และประธาน กรธ. โดยใช้เงินภาษีของประชาชนเป็นค่าตอบแทน ผ่านกลไกที่แยบยลด้วยการกำหนดอัตราตำแหน่งและค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงานใน คสช. โดยการออกประกาศ คสช.ที่ 93/2557 ซึ่งฝ่ายกฎหมายเป็นคนยกร่างนั่นเอง

การใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. และประธาน กรธ. จึงเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของรัฐ และขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง 2551 ข้อ 8 ข้อ 14 ข้อ 16 และข้อ 22 และยังขัดต่อ
พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 100 และมาตรา 103 โดยชัดแจ้ง
2)กรณีที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า บิ๊ก 3 ป. ได้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้ร่วมมือกันเสนอและอนุมัติให้มีการจัดซื้อ-จัดหาเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา 849 เครื่อง ๆละ 575,000 บาท รวมมูลค่า 573 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงกว่าท้องตลาดหลายเท่าตัว โดยการใช้เล่ห์ฉลในการกำหนด Spec ของเครื่องให้สูงมากนั้น การร่วมมือกันใช้อำนาจดังกล่าว เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการที่ขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป. ป.ป.ช.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ฯลฯ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net