Skip to main content
sharethis

สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ประกาศหยุดจัดรายการวิทยุ-โทรทัศน์ตลอดชีวิต หลัง กสทช.ห้ามจัด 1 เดือน ลั่นพร้อมสู้หากถูกคดี ม.112 ปมใช้คำพูดในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรมของสื่อ 

10 พ.ย.2560 จากกรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สั่งระงับออกอากาศรายการ “สนธิญาณฟันธงตรงประเด็น” ช่องสปริงนิวส์ 1 เดือน พร้อมส่งเรื่องให้ และเห็นสมควรส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุด สปริงนิวส์ รายงานว่า สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ประกาศหยุดจัดรายการวิทยุ-โทรทัศน์ตลอดชีวิต หลัง กสทช.ห้ามจัด 1 เดือน โดยได้ให้สัมภาษณ์ ผ่าน คลุกวงในอินไซต์ข่าว สถานีข่าวจริงเรดิโอ FM 98.5  วันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า มีหลายคนที่ติดตามชมรายการได้สอบถามเข้ามาทางเฟซบุ๊กไลน์ โทรศัพท์ อย่างมากมาย เนื่องจากการประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 8 พ.ย.60 มีมติให้บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด หรือช่องสปริงนิวส์ ระงับการออกอากาศ รายการ “สนธิญาณฟันธงตรงประเด็น” เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยวันที่ สนธิญาณ จัดรายการนั้นเป็นวันที่ใกล้ช่วงเวลาที่จัดพระบรมศพ ซึ่งประเด็นในการจัดรายการวันนั้น ชื่อรายการราชาแห่งราชาทั้งปวง โดยระหว่างจัดรายการตนได้จัดไปร้องไห้ไป ที่ร้องไห้ไปเพราะสำนึกในมหากรุณาธิคุณของ ร.9 ที่ทรงงานเพื่อคนไทยมาตลอด 70 ปี เมื่อถามว่า ภายใต้ความตื้นตันใจ ตนจึงได้ลำดับความภายใต้ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านได้รับการโจษขานยอมรับประกาศเกียรติคุณไปทั่วทั้งโลก ชีวิตของพระองค์ท่านนั้นมีความเจ็บปวดรวดร้าว จากนั้นได้เปิดเพลงชะตาชีวิต โดยตนได้บรรยาย ว่า พระองค์ท่านได้ขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2489 ซึ่งการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ท่านนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ไม่อยากจะทำ เพราะว่าพระองค์ท่านจะต้องสูญเสียพระเชษฐา ไม่มีใครอยากจะขึ้นครองราชย์

สนธิญาณ ระบุว่า ได้เล่าต่อว่าพระองค์ท่านได้มีพระราชนิพนธ์เอาไว้ในบันทึกส่วนพระองค์ระบุว่าไม่เคยคิดอยากจะเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินเลย คิดแต่จะเป็นน้องของพี่เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าพี่น้องรักใคร่ผูกพันกัน ในความเป็นจริงมีกลุ่มที่คอยสร้างข่าวสารที่จะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตลอด พระองค์ท่านเป็นลูกกำพร้ามีแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงในฐานะสามัญชน ทั้งๆที่พระองค์ท่านเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงซึ่งขณะนั้นยังไม่มีสถานะที่จะสืบราชสมบัติแต่อยู่ในลำดับสืบสันติวงศ์ พี่น้องอยู่ด้วยกันมาด้วยความรัก ความผูกพัน เป็นความลึกซึ้งของลูกกำพร้า ถูกเลี้ยงมาอย่างเด็กธรรมดาและเมื่อขึ้นครองราชย์นั้นยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นอายุ 18 ปีเศษ นี่แหละที่ กสทช. บอกว่า ตนไม่ทำอันสอดคล้องจริยธรรม ไม่เป็นไรเลิกผังปิดรายการตน เรียนท่านผู้ชมซึ่งทราบดี ชีวิตตนเป็นคนที่กล้าประกาศว่าเป้าหมายของชีวิตไม่อยากมาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว ธุรกิจที่มีในวันนี้ก็ขายหมด ช่วยทำงานอยู่ที่สปริงส์ก็ช่วยด้วยหัวใจ อยากเห็นสื่อที่ดีๆ ทำไมต้องทุกข์แบบนี้ กสทช.ระงับรายการ และจะส่งเรื่องให้ตร.พิจารณาดำเนินคดีนั้น จะดำเนินคดีกับตนด้วยมาตรา 112 ตนยินดี แต่คนที่พิจารณาหรือดำเนินการเรื่องตนก็ต้องเตรียมก็ต้องสู้กันในศาล

สนธิญาณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้สู้ในฐานะจำเลยอย่างเดียวแต่จะสู้ในฐานะโจทก์ไม่ใช่เพื่อตอบสนองอารมณ์ของตัวเอง แต่จะให้เห็นว่าความบ้องตื้นหรือความคิดอันตื้นเขินในการพิจารณาเรื่องนี้ มันกระทบกระเทือนและเสียหายต่อประเทศชาติและผู้คนที่จงรักภักดีทั้งสิ้น บอกว่าตนขยายผ่านสื่อ แล้ว กสทช.คิดบ้างไหมว่าสื่อทุกวันนี้ที่ กสทช. คิดไม่ได้ ทั้งในเฟซบุ๊กที่มีคนโพสต์ประเด็นในความจงรักภักดีที่ใช้ภาษาสามัญชนซึ่งบุคคลเหล่านั้นโพสต์ไปด้วยความรักความภักดี ซึ่งให้กลับมาทบทวนดูว่า ใครมีความจงรักภักดีมากกว่ากัน และรักประเทศชาติมากกว่ากัน การที่ตนเคลื่อนไหวทางการเมืองเพราะการขอร้องของผู้คนและถูกดำเนินคดีกบฏ จนติดคุกไม่เคยทุกข์และตั้งรับกับสิ่งเหล่านี้ แต่ในสิ่งที่ กสทช.ทำคือการทำลายชาติบ้านเมือง ใครกันแน่ที่ทำร้ายสถาบัน ใครกันแน่ที่จ้องโค่นล้มสถาบัน โดยใช้กรณีของตนไปขยายความว่าเป็นการใช้ มาตรา 112 และให้ไปเรียงรายชื่อมากับสนธิญาณ ในเมื่อสั่งระงับโทรทัศน์ก็ต้องระงับวิทยุด้วย นี่นะหรือคือสติปัญญาของ กสทช. และตนขอยืนยันว่าจะไม่ก้มหัวต่อความไม่ถูกต้อง

สำหรับคำสั่ง กสทช. ดังกล่าว ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ระบุว่า ที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 60 มีมติให้บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด หรือช่องสปริงนิวส์ ระงับการออกอากาศ รายการ “สนธิญาณฟันธงตรงประเด็น” เป็นระยะเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามข้อ 19 ของประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 เนื่องจากพบว่า การออกอากาศรายการสนธิญาณฟังธงตรงประเด็น เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2560 มีเนื้อหาซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้คำพูดในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรมของสื่อ เป็นการขัดต่อ ข้อ 14(10) ของประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 และเห็นสมควรส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net