Skip to main content
sharethis

ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ชี้ข้อความที่จำเลยให้ต่อ ป.ป.ท. ยังไม่พอฟังได้ว่ามีเจตนา จึงพิพากษายกฟ้อง คดีที่ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร และบิดา ฟ้องผู้บริหาร อปท. เป็นพยานที่ให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยกลุ่มตำรวจที่ซ้อมทรมานตน

17 พ.ย.2560 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า ศาลจังหวัดปราจีนบุรี พิพากษายกฟ้อง คดีที่ ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร และสมศักดิ์ ชื่นจิตร (บิดาของฤทธิรงค์) ฟ้อง ฟ้องผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคนหนึ่ง ซึ่งได้เข้าเป็นพยานให้การเท็จต่อคณะกรรมการไต่สวนข้อเท้จจริง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมาน ฤทธิรงค์ 

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เพิ่มเติมว่า หลังจาก ฤทธิรงค์ และ สมศักดิ์ ได้นำพยานเข้าเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องจนแล้วเสร็จศาลจังหวัดปราจีนบุรีจึงได้นัดฟังคำสั่ง หรือ คำพิพากษาไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา และในวันนัดดังกล่าว ผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่า “ข้อความที่จำเลยให้ไว้ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งคณะกรรมการ ป.ป.ท. เป็นการรับฟังมาจากบุคคลอีกครั้งหนึ่ง และเล่าให้การไปตามข้อเท็จจริงที่จำเลยรู้เห็นมา มิได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงแต่อย่างใดประกอบกับการให้การของจำเลย ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าว มิได้เป็นการแจ้งข้อความให้ผิดไปจากความจริงที่ตนพบเห็นมา พยานหลักฐานที่โจทก์ทั้งสองไต่สวนมา จึงยังไม่พอฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนาที่จะให้อนุกรรมเป็นผู้กระทำตามหน้าที่ จดข้อความเป็นเท็จโดยมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน อันเป็นการแจ้งข้อความเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายแต่อย่างใด คดีจึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสอง”

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุด้วยว่า ฤทธิรงค์ และ สมศักดิ์ จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าวนี้ต่อศาลเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ตนต่อไป

สำหรับรายละเอียดของคดีนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า เหตุสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2560 ฤทธิรงค์ และ สมศักดิ์ ยื่นฟ้องผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคนหนึ่ง ซึ่งได้เข้าเป็นพยานให้การเท็จต่อคณะกรรมการไต่สวนข้อเท้จจริง ป.ป.ท. เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมาน ฤทธิรงค์ ในคดีที่ ฤทธิรงค์ ร้องเรียน กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ 5 คน ที่ซ้อมทรมานตน โดยยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1009/2560 ในข้อหา ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม และความผิดเกี่ยวกับเอกสาร กล่าวคือ เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และเป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 และ 267  โดยกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2556 พยานคนดังกล่าวได้เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ท.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จเพื่อช่วยเหลือตำรวจทั้ง 5 ราย ให้พ้นข้อกล่าวหาเรื่องซ้อมทรมาน เป็นผลทำให้ ป.ป.ท. มีคำสั่ง ที่ 40/2556 ชี้มูลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาของ ฤทธิรงค์ ทำให้ ฤทธิรงค์และ สมศักดิ์ โจทก์ทั้งสอง ได้รับความเสียหายจากการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net