Skip to main content
sharethis

23 พ.ย.2560 จากกรณี วานนี้ (22 พ.ย.60)ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 51/2560 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการแก้ไข พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 หลายมาตรา โดยเพิ่มนิยามของการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ให้รวมถึงในกรณีที่เกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้กับ กอ.รมน. ในส่วนงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และ ให้สํานักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ ให้เป็นไปตามแผนและแนวทางนั้นด้วย พร้อมทั้งเพิ่มอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นกรรมการ กอ.รมน. เป็นต้น

ล่าสุดวันนี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 51/2560 ว่า การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ตามคำสั่งนี้ เป็นไปเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งไม่ได้เกิดจากการกระทําของบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากภัยจากธรรมชาติที่เป็นสาธารณภัยด้วย

“คำสั่งดังกล่าวจึงต้องการสร้างความชัดเจนว่า การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรก็คือ การป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟูสถานการณ์ใดที่เป็นภัยหรืออาจเป็นภัย ซึ่งเกิดจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคล รวมถึงสาธารณภัยต่าง ๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย ธรณีพิบัติภัย ฯลฯ ให้กลับสู่สภาวะปกติเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ไปควบคุมหรือก่อให้เกิดผลกระทบแก่ประชาชนแต่อย่างใด”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ผู้รับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะถูกกำหนดไว้ในกฎหมายฉบับเดิมอยู่แล้ว ทั้ง กอ.รมน.กลาง กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด เพียงแต่เพิ่มเติมงานด้านสาธารณภัยเข้าไป และสร้างกลไกให้การทำงานในระดับภาคและจังหวัดมีความชัดเจนมากขึ้น โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เช่น ทหาร ตำรวจ อัยการ ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ผอ.สำนักงาน ปปส.ในพื้นที่ เป็นต้น

“นายกฯ ระบุว่า นอกจากงานด้านความมั่นคงแล้ว รัฐบาลและ คสช. ยังให้ความสำคัญกับการนํานโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยให้แต่ละภูมิภาคกําหนดมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ และมีความเชื่อมโยงกันทั้งในระดับภาคและจังหวัด สอดคล้องกับทิศทางการบริหารงบประมาณใหม่ที่มุ่งพัฒนาภูมิภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัด อย่างตรงจุด” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ที่มา เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล และประชาชาติธิรกิจออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net