แฟ้มภาพ เครือข่ายพลเมืองสงขลาค้านเวทีฟังความเห็นโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2558 (ภาพโดย เอกชัย อิสระทะ)
24 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า วันนี้ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสั
รายละเอียดจดหมายเปิดผนึก :
จดหมายเปิดผนึก
24 พฤศจิกายน 2560
เรื่อง ขอให้ยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา สร้างการพัฒนาที่เป็นสุขอย่างยั่งยืน คืนประชาธิปไตย เร่งแก้ไขปัญหาประชาชน
เรียน นายกรัฐมนตรี
ตามที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี และติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายและการพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้โครงการสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในระหว่างวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2560 ณ จังหวัดปัตตานีและสงขลา นั้น
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของนักวิชาการ นักวิจัยในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของภาคใต้ ได้ติดตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการดำเนินงานของรัฐบาลมาโดยตลอด มีความเห็นว่านโยบายยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนทางภาคอุตสาหกรรม โครงข่ายคมนาคมและพลังงาน รวมถึงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และนโยบายการพัฒนาต่าง ๆ ตามแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาประเทศไทย 4.0 และประชารัฐ อาจส่งผลกระทบกับวิถีชีวิต เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของกลุ่มคนต่าง ๆ ในภาคใต้ในระยาว ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตในประจำวันก็ไม่ได้การตอบสนองจากรัฐบาลแต่อย่างใด
ดังนั้นเพื่อให้การกำหนดนโยบาย ทิศทาง และยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ ของรัฐบาลสอดคล้องกับกระบวนทัศน์การพัฒนาที่เป็นมาตรฐานจริยธรรมสากล ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(Sustainable Development Goals : SDGs) ที่ประเทศไทย โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ไปพร้อม ๆ กับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน การตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ด้วยกระบวนการและวิธีการทางเมืองที่เป็นประชาธิปไตย
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ จึงขอเสนอแนะ ดังนี้
1. เร่งรัดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของเกษตรกร อันเนื่องมาจากราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคายางพารา และราคาปาล์มน้ำมัน ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระยะสั้นและระยาว แสดงให้เห็นถึงการ “ไม่รู้สึกใส่ใจใยดีต่อชีวิตและปากท้องของเกษตรกร” ทั้งที่มีความพยายามในการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของเครือข่ายเกษตรกร กลับถูกปิดกั้นจากหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด จึงขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาของเกษตรกรอย่างจริงจัง โดยตระหนักว่าการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรคือวาระสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องอาศัยพลังความร่วมมือ การระดมองค์ความรู้ และนับความรู้ของเกษตรกรเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการแก้ไขปัญหา
2. ในสถานการณ์เฉพาะหน้า ขอให้ “หยุดการดำเนินโยบายและโครงการ ในภาคใต้” ที่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรม ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหิน ที่มีรายงานวิจัยยืนยันถึงผลกระทบและส่งผลเชื่อมโยงต่อการทำลายศักยภาพของภาคใต้อย่างชัดเจนแล้ว โครงการเวนคืนผืนป่าพร้อมทั้งกำหนดมาตรการความยั่งยืนให้เกษตรกรได้มีที่ดินเป็นปัจจัยการผลิต รวมทั้งปัญหาความรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเร่งด่วน
3. ให้รัฐบาล “ทบทวนนโยบาย ทิศทาง และยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ทั้งระบบ” โดยจัดให้มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยบูรณาการมิติด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี การเปรียบเทียบทางเลือกที่เหมาะสม รวมถึงความเชื่อมโยงกับโครงการอื่น ไม่ว่า โครงการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาประเทศไทย 4.0 โครงการประชารัฐ และโครงการที่เกิดขึ้นจากการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมาย และ /หรือการใช้กฎหมายพิเศษ ตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว ด้วยหลักการ กระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนของสังคมโดยในชั้นต้นควรเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการทั้งหมดที่จะช่วยให้มองเห็น “ภาพรวมการพัฒนา” แก่สาธารณะชนอย่างตรงไปตรงมา
4. ส่งเสริมและสนับสนุนวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อให้บรรลุ“ภาคใต้แห่งความสุขอย่างยั่งยืน” ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงในชีวิต แหล่งผลิตอาหาร การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น การสร้างนวัตกรรมพัฒนาเศรษฐกิจและการประกอบการฐานราก อันเป็นศักยภาพ ทุน ภูมิทัศน์วัฒนธรรมและการพัฒนาของภาคใต้ที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ควรสร้าง/ เปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาสังคมในการเข้ามากำหนดอนาคตภาคใต้อย่างทั่วถึง กว้างขวางและครอบคลุม โดยเริ่มต้นจากการวางแผนร่วมอย่างเป็นระบบ ลดความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในสังคม บนพื้นฐานของ “ความหลากหลายทางคุณค่าของพื้นที่”(Area-based Value Diversity)
5. ข้อเสนอในข้างต้นสัมพันธ์และโยงใยอย่างยิ่งยวดกับ “ระบบการเมืองแบบเปิดที่เป็นประชาธิปไตย” ดังนั้นรัฐบาลและคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ต้อง “คืนประชาธิปไตย ด้วยการเคารพอย่างมั่นคง จริงใจในโรดแมบ (Road Map) การเลือกตั้ง ไม่ริดรอน สิทธิ เสรีภาพ และการใช้อำนาจที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว”
ขอแสดงความนับถือ
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้
24 พฤศจิกายน 2560
รายชื่อนักวิชาการ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้