คำชี้แจงการแถลงข่าว ประชาชนยื่นฟ้องยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558
ประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่าน
กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ร่วมกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และตัวแทนผู้ถูกละเมิดจากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ขอชี้แจงถึงที่มาของการแถลงข่าวในครั้งนี้ และสิ่งที่พวกเราจะดำเนินการต่อไป ดังนี้
ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีครึ่งผ่านมาที่ คสช. ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศ พวกเราได้จัดกิจกรรมในต่างกรรมต่างวาระ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโต้แย้งการกระทำอันไม่ชอบธรรมของ คสช. และเรียกร้องให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว
การจัดกิจกรรมของพวกเราเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้รับรองโดยรัฐธรรมนูญ ทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 (มาตรา 4) และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ฉบับปัจจุบัน (มาตรา 4) ที่กำหนดให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง หากจะกล่าวโดยเฉพาะเจาะจงก็ได้แก่ เสรีภาพในการชุมนุม (มาตรา 44) และสิทธิในชีวิตและร่างกายในการที่จะไม่ถูกจับกุมคุมขัง (มาตรา 28) ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วยเช่นกัน
ทว่าพวกเรากลับถูกกระทำละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ทั้งการสลายการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง และการดำเนินคดีซึ่งยังคงดำเนินอยู่ในชั้นสอบสวนหรือชั้นศาลในปัจจุบัน โดยอ้างอำนาจจากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะข้อ 6 และข้อ 12 ส่งผลกระทบต่อพวกเราซึ่งใช้สิทธิเสรีภาพโดยสุจริตให้ต้องได้รับความเสียหายทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงมีคดีความติดตัวจนอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในภายภาคหน้าได้
คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 6 ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารเรียกตัวบุคคลมาสอบปากคำและควบคุมตัวไว้ได้นานสุดถึง 7 วันโดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาล ส่วนข้อ 12 ได้กำหนดห้ามการชุมนุมทางการเมืองเป็นจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้น มีระวางโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน ปรับสูงสุด 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื้อหาของคำสั่งดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดต่อและเสรีภาพในการชุมนุมและสิทธิในชีวิตและร่างกาย ที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ให้การคุ้มครองไว้อย่างชัดแจ้ง รวมถึงให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ทหารในการกระทำการละเมิดสิทธิเสรีภาพดังกล่าวได้อย่างกว้างขวางอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้กำหนดช่องทางตามมาตรา 213 ให้บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีคำวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญได้ โดยประชาชนสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เพราะในมาตรา 213 ไม่ได้กำหนดรายละเอียดให้ต้องยื่นคำร้องผ่านช่องทางอื่นก่อน ซึ่งไม่สมควรกำหนดให้เป็นเช่นนั้น เพราะหากในอนาคตมีการตรากฎหมายกำหนดขั้นตอนการยื่นคำร้องให้ต้องผ่านองค์กรอื่นก่อนแล้ว ย่อมเป็นการสร้างภาระแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างเกินเลย และทำให้ช่องทางตามมาตรา 213 นี้ไม่อาจใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิดกับคำโฆษณาของ กรธ. เมื่อครั้งรณรงค์ประชามติว่ารัฐธรรมนูญนี้จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญ “เข้มแข็งและฉับไวขึ้น” โดยสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงขอยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามช่องทางมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมรายชื่อผู้ถูกละเมิดเพิ่มเติม และจะดำเนินการยื่นคำร้องภายในเดือนช่วงเดือนธันวาคม 2560 ถึงเดือนมกราคม 2561 นี้
การยื่นคำร้องครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ด้วยว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้จริงหรือไม่ และรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนจริงๆ ดังที่ได้โฆษณาไว้เมื่อครั้งรณรงค์ให้ประชาชนมาลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ ขอให้ทุกท่านโปรดติดตามต่อไป
ผู้ถูกละเมิดจากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG)