เซีย จำปาทอง รองประธาน สพท. และบรรจง บุญรัตน์ ประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย (คนที่ 2 และ 3 จากซ้าย ตามลำดับ) เป็นตัวแทนยื่นข้อเสนอและผลสำรวจ
เรื่อง ข้อเสนอในการแก้ไขกฎหมายประกันสังคม
เรียน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายสรุปแบบสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายประกันสังคม
เนื่องด้วยสภาองค์การลูกจ้างสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอการตัดเย็บเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์หนังแห่งประเทศไทย กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง ได้มอบหมายให้คณะทำงานติดตามการแก้ไขกฎหมายประกันสังคม ของสำนักงานประกันสังคมและกระทรวงแรงงาน ซึ่งได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการปฏิรูประบบบำนาญประกันสังคมไปแล้ว 12 ครั้ง คณะทำงานของสภาฯ ได้เข้าร่วมติดตามข้อมูลสังเกตการณ์ประชุมรับฟังความเห็น พร้อมทั้งได้มีการออกแบบสำรวจความคิดเห็นในสมาชิกสหภาพแรงงาน จึงมีความเห็นและข้อเสนอในการแก้ไขกฎหมายประกันสังคมประกอบกับข้อมูลจากการสำรวจโดยสรุป (ตามเอกสารที่ส่งมาด้วย 1) เพื่อการพิจารณา ดังนี้
1. ประเด็นการขยายอายุเกิดสิทธิบำนาญ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมมีเสนอ 4 แนวทางให้เลือก ในเนื้อหาของสำนักงานประกันสังคมที่ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมรับฟังความเห็นในการประชาพิจารณ์
สภาฯ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 2 แนวทางที่3 และแนวทางที่4 จึงให้คงสิทธิไว้ตามเดิม (แนวทางที่ 1) ด้วยเหตุผลคือ
ก. ข้อมูลจากการสำรวจ ผู้ประกันตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ขยายอายุการเกิดสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ
ข. ผู้ประกันตนในวัยทำงานที่อยู่ในประเภทอุตสาหกรรม มีการทำงานอย่างหนักจากงานที่ทำอย่างต่อเนื่อง การทำงานที่ต้องเข้ากะ งานที่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพจากวัตถุดิบ สารเคมีตั้งต้นและสภาพของงานที่ต่างกัน การกำหนดเกษียณอายุของสถานประกอบการแต่ละแห่งมีกำหนดเกษียณอายุที่ไม่เกิน 55 ปี (ตามเอกสารที่ส่งมาด้วย 1)
ค. ผู้ประกันตนทุกกลุ่ม (ม.33 ม.39 ) จะได้รับผลกระทบจากแนวทางวิธีการคิดคำนวณของสำนักงานประกันสังคม นำไปสู่การแก้ไขกฎหมายที่ให้สิทธิประโยชย์ไม่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน
2. ประเด็นเพิ่มสิทธิประโยชน์การประกันสุขภาพต่อเนื่องแก่ผู้รับบำนาญ ซึ่งจะหักเงินบำนาญของผู้ประกันตนส่วนหนึ่งเป็นเบี้ประกัน
สภาฯ ไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการนำเงินบำนาญชราภาพไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง ประกอบกับในประเทศไทยมีระบบประกันสุขภาพให้รักษาพยาบาลฟรี (บัตรทอง) ซึ่งรัฐบาลมีเงินงบประมาณในการสนับสนุนให้โรงพยาบาลเป็นรายบุคคลรายละ 2950 บาทต่อคน/ต่อปี สามารถนำเงินนี้มาเข้าสู่ระบบรักษาสุขภาพตามสิทธิของผู้ประกันตน (ผู้ประกันตนถูกหัก 1.5% ของอัตรารายได้สูงสุด 15000 บาท เป็นเงิน 2700 บาทต่อคน/ต่อปี)
3. ประเด็นการปรับปรุงสูตรค่าจ้างเฉลี่ยในการคำนวณบำนาญ ตามแนวทางวิธีการคำนวณที่สำนักงานประกันสังคมเสนอ 3 วิธีการให้เลือกสภาฯ ไม่เห็นด้วย เหตุผลคือ
ก. ข้อมูลจากการสำรวจ ผู้ประกันตนไม่เห็นด้วย ที่จะให้นำค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่ส่งเงินสมทบมาเป็นฐานคิดคำนวณการจ่ายเงินบำนาญชราภาพ
ข. มุ่งเน้นการแก้ไขในกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งผู้ประกันตน ณ เดือนตุลาคม ม.39 มีจำนวน 1,365,339 คน ส่วนผู้ประกันตน ม.33 มีจำนวน 10,695,748 คน จะได้รับผลกระทบจากการนำค่าจ้างเฉลี่ยตามระเวลาส่งเงินสมทบมากขึ้น (21ปี) จึงทำให้มีค่าเฉลี่ยที่ลดลงกว่าเดิม สภาฯ จึงเสนอให้นำเงินค่าจ้างสูงสุดของการเป็นผู้ประกันตน 60 เดือนในระยะเวลาการเป็นผู้ประกันตนมาเฉลี่ยเพื่อเป็นฐานคิดคำนวณการจ่ายเงินบำนาญชราภาพ
สภาฯ จึงมีข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาระยะยาวให้สำนักงานประกันสังคม และกระทรวงแรงงาน พิจารณาดำเนินการตามรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ ที่ให้มีการปรับเปลี่ยนสำนักงานประกันสังคมเป็นองค์การมหาชน ทั้งนี้เพื่อการหารายได้อย่างยั่งยืน และต้องติดตามการชำระหนี้ของรัฐบาลที่มีกับสำนักงานประกันสังคมรวมทั้งต้องไม่ค้างชำระเงินสมทบ
ในการนี้สภาองค์การลูกจ้างสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทยจึงใคร่ขอเสนอข้อมูลและเหตุผลประกอบการพิจารณาต่อท่านเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เพื่อดำเนินการตามเจตนารมณ์ของผู้ประกันตนต่อไป
ขอแสดงความเคารพนับถืออย่างสูง
(นายบรรจง บุญรัตน์)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)