Skip to main content
sharethis
เจ้าหน้าที่เก็บสแตนดี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขับขี่จักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อกออกจากงานวันเด็กทำเนียบรัฐบาล หลังประธานชมรมไทยปลอดภัยชี้ว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็ก 
 
 
13 ม.ค. 2561 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่าภายหลังจากที่นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะประธานชมรมไทยปลอดภัย ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสม กรณีที่ทำเนียบรัฐบาลจัดงานวันเด็ก โดยนำสแตนดี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขับขี่จักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อก มาเตรียมจัดแสดงเพื่อให้เด็กถ่ายรูป ซึ่งนายนิกรมีความกังวลว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็ก หากรูปสแตนดี้นายกฯ ไม่สวมหมวกกันน็อก
 
ทั้งนี้ล่าสุดในการจัดงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลเจ้าหน้าที่ได้นำสแตนดี้นายกฯขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าออกทั้งหมด เหลือแต่สแตนดี้นายกฯ ในอิริยาบถอื่น
 
ส่วนบรรยากาศการจัดงานวันเด็กในทำเนียบรัฐบาล ช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ปกครองนำบุตรหลานมาร่วมทำกิจกรรมจำนวนมาก โดยเด็กเข้าร่วมกิจกรรมตามบูธต่างๆ อย่างสนุกสนาน ส่วนไฮไลต์สำคัญที่เด็กให้ความสนใจคือกิจกรรมเข้าเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ โดยได้จัดคิวให้เด็กเข้าตึกไทยคู่ฟ้ารอบละ 60 คน โดยเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมีการตั้งเครื่องตรวจวัตถุอันตราย และเจ้าหน้าที่เน้นย้ำกับประชาชนว่าหากพกพาของมีคมให้ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เช่น อาวุธ กรรไกรตัดเล็บ มีดคัตเตอร์ เป็นต้น
 
มอบโอวาทขอให้เด็กและเยาวชน คิดพัฒนาการเรียนรู้ให้กับตัวเอง ภาคภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
 
 
ด้าน เว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่าวันนี้ (13 ม.ค. 2561) เวลา 10.45 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชน ที่มาร่วมงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ประจำปี 2561 โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ได้รับชมวิดีทัศน์นำเสนอผลงานเด็กไทยได้รับรางวัล สัมภาษณ์เด็กชายจิรัฏฐ์ สุมิตรเหมาะ (น้องคอปเตอร์) โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ทีมหุ่นยนต์วิ่งเร็วสองขาปั่นพลังงานด้วยมือ จากโรงเรียนวังรีบุญเลิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช และทีมโครงการห้องน้ำอัจฉริยะ จากโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร
 
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชน สรุปสาระสำคัญว่า ปีนี้เป็นปีแห่งความสงบสุข โดยช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองอยู่ในความสงบสุขมากขึ้น มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีการพัฒนาหลาย ๆ อย่างดีขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการพัฒนาคนตามช่วงอายุ ที่เริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงจบการศึกษา เพราะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของประเทศในเวลานี้  เพื่อการเตรียมพร้อมรองรับกับโลกยุคปัจจบัน ยุคโลกาภิวัตน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งในประเทศ ประชาคมอาเซียน และในโลก ซึ่งสิ่งที่เรากำลังร่วมมือกันวันนี้คือการทำให้เด็กไทยเป็นเด็กที่เหมาะสมกับยุค 4.0 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคน 3.0 2.0 1.0 จะหมดไปจากประเทศไทย ทั้งนี้ คำว่า 1.0 2.0 3.0 ไม่ใช่การแบ่งชนชั้นประชาชน แต่ 1.0 2.0 3.0 4.0 เป็นตัวเลขในเชิงของอุตสาหกรรมโลกยุคใหม่ ที่ 1.0 ใช้แรงงานอย่างเดียว 2.0 ใช้เครื่องจักรขนาดเล็ก 3.0 ใช้เครื่องจักรขนาดเล็กขนาดใหญ่ และ 4.0 ใช้หุ่นยนต์  ซึ่งตัวของเราจะอยู่ในส่วนไหนก็ไม่เป็นไร  เพียงแต่จะต้องใช้สติปัญญาในการขับเคลื่อนชีวิต  
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คนไทยประกอบอาชีพที่หลากหลาย ตั้งแต่เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและบริการ ตลอดจนอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นสาขาอาชีพที่เด็กทุกคนจะต้องไปเรียนต่อในวันข้างหน้า ตามสมรรถภาพของร่างกาย กำลังสมองและปัญญาของแต่ละคน โดยผู้ปกครองก็ต้องให้การส่งเสริมลูกในทางที่เหมาะสมกับลูกของตัวเอง ให้หาศักยภาพของเด็กให้เจอ ว่ามีพรสวรรค์ตรงไหน ให้เด็กได้ทำอย่างที่ต้องการและมีความสุข  เพื่อให้เด็กเกิดแรงคิด แรงในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ออกมาเพื่อเป็นกำลังในการช่วยกันพัฒนาประเทศในอนาคต
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า อยากให้น้อง ๆ ทุกคน หลาน ๆ ทุกคนได้คิดทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คิดใช้เวลาที่มีค่าวันละ 24 ชั่วโมงในการคิดพัฒนาตัวเอง พัฒนาการเรียนรู้ให้กับตัวเอง โดยนายกรัฐมนตรีอยากให้เด็กทุกคนได้เห็นโลกทัศน์ที่กว้างไกลกว่าที่บ้าน และครอบครัว เพราะเมื่อทุกคนโตขึ้นก็ต้องไปเจอสังคมข้างนอกในวันข้างหน้า  เด็กและเยาวชนคือผู้ที่เป็นอนาคตของประเทศ  ทุกคนจึงต้องช่วยเหลือกันในการทำพาประเทศชาติของเราไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน
 
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากขอให้ทุกคนเป็นผู้ที่รอบรู้ รู้กว้าง คิดอย่างมีเหตุผล รู้จักคิดวิเคราะห์ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ถูกหรือไม่ถูก รู้จักความดีความชั่ว มีการใช้สติในทางบวก รู้จักค่านิยมความเป็นไทย เพื่อจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในศตวรรษที่ 21 ในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมกับขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นในสถาบันชาติ  ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดำรงความเป็นไทยให้คงอยู่ตลอดไป รวมทั้งขอให้เด็กทุกคนมีความสุขในวันเด็ก เป็นเด็กที่ดี และเป็นอนาคตที่ดีของชาติต่อไป
 
จากนั้น นายกรัฐมนตรีถ่ายภาพร่วมกับเด็กและเยาวชน แล้วออกจากตึกสันไมตรี (หลังนอก) ไปยังตึกสันติไมตรี (หลังใน) ผ่านโถงกลางเพื่อชมกิจกรรมของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชมกิจกรรมขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่ห้องสีฟ้า แล้วชมกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ที่โถงกลาง ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีออกจากตึกสันติไมตรี (หลังใน) ผ่านทางหน้าห้องสีเหลืองไปยังสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรี เพื่อชมกิจกรรมของกระทรวงวิทยาศาสตร์ กระทรวงกลาโหม สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับ
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net