อภิสิทธิ์จ่อร้อง ป.ป.ช. เอาผิด พล.อ.อ.สุกำพล ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ หลังศาลฎีกา มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ลงนามโดย พล.อ.อ.สุกำพล ให้ปลด ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการทหารย้อนหลัง 23 ปี เหตุขาดการเกณฑ์ทหาร
ภาพจากเฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva
17 ม.ค. 2561 โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีศาลฎีกา มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163 /2555 ที่ ลงนามโดย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในขณะนั้น ให้ปลด ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการทหารย้อนหลัง 23 ปี ว่า ต่อจากนี้จะนำคำพิพากษาศาลฎีกามาพิจารณา เพื่อดำเนินการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อ เพราะเห็นว่าผู้ที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
อภิสิทธิ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เรื่องนี้ยุติลงแล้ว และเป็นไปอย่างที่ได้ขอความเป็นธรรมมาตลอด เพราะเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ อยากฝากไปถึงผู้ใช้อำนาจว่า ต้องใช้ด้วยความเป็นธรรม และทำตามกรอบของกฎหมาย อย่าใช้ไปในทางไม่ชอบ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง หากทำได้ ก็จะช่วยให้ระบบการเมืองและระบอบประชาธิปไตยดีขึ้น
วานนี้ (16 ม.ค.61) ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า บัณฑิต ศิริพันธ์ ในฐานะทนายความเจ้าของคดี เปิดเผยหลังศาลฎีกาตัดสินว่า คดีนี้เป็นกรณีที่ อภิสิทธิ์ ฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล ออกคำสั่งปลด นายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการทหารย้อนหลังถึง 23 ปี โดยอภิสิทธิ์ได้ต่อสู้คดีนี้มาถึง 3 ศาล ซึ่งสรุปคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีแพ่งในคดีนี้ได้ว่า อภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล จำเลย ผลคำพิพากษาศาลฎีกาให้เพิกถอนคำสั่งของ พล.อ.อ.สุกำพล เพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ส่อไปในทางไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทนายความระบุต่อว่า โดยข้อเท็จจริงในคดีนี้จำเลยออกคำสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการ ในขณะที่โจทก์มิได้อยู่ในราชการ แต่เป็นนายทหารนอกประจำการ ซึ่งโจทก์เองไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัย หรือถูกสั่งพักราชการหรือเป็นกรณีที่โจทก์หนีราชการ ที่จำเลยจะใช้อำนาจสั่งปลดโจทก์ให้มีผลย้อนหลังถึง 23 ปี เมื่อได้ความว่าคำสั่งการปลดโจทก์ในขณะที่โจทก์มิได้รับราชการแล้ว จำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยทหารพุทธศักราช 2476 มาตรา 7 ทั้งไม่อาจแปลความให้เป็นผลร้ายแก่โจทก์ได้ การที่จำเลยออกคำสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการโดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 2 มิ.ย. 2531 ซึ่งโจทก์พ้นจากราชการมาก่อนแล้วถึง 23 ปีเศษ ก็ส่อไปในทางไม่สุจริต ถือเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิ์ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยได้ โดยคดีนี้มีตนและนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย เป็นทนายความรับผิดชอบคดี