ปิยบุตร แสงกนกกุล: คนรุ่นใหม่กับการปลดเปลื้องวิกฤตการเมือง

คำอภิปรายของปิยบุตร แสงกนกกุล ที่มีข่าวเตรียมวางมือจากบทบาทนักวิชาการเพื่อร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง โดยเขาชี้ว่าภาระ/วิกฤตการเมืองที่กินเวลามากว่าทศวรรษและจะดำเนินอีกยาวนานนั้น จะปลดเปลื้องลดบรรเทาเบาบางได้ต้องอาศัยกำลังคนรุ่นใหม่เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา"

การอภิปรายส่วนหนึ่งของปิยบุตร แสงกนกกุล  “ประเทศไทยภายใต้การเปลี่ยนแปลง : อดีต ปัจจุบัน อนาคต ในบริบททางเศรษฐกิจ การเมือง กฎหมายและสังคม”

ปิยบุตร แสงกนกกุล อภิปรายตอนหนึ่งในงานเสวนาหัวข้อ “ประเทศไทยภายใต้การเปลี่ยนแปลง : อดีต ปัจจุบัน อนาคต ในบริบททางเศรษฐกิจ การเมือง กฎหมายและสังคม” จัดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ห้อง s106 บร.5 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสัมมนาสภานิสิต นักศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ ครั้งที่ 24

ตอนหนึ่งปิยบุตรกล่าวถึงคนรุ่นใหม่ว่า คนรุ่นใหม่ถ้าคิดเป็นอายุก็จะประมาณ 18 ถึง 25 ปี พวกเขาไม่ได้อยู่ในวังวนความขัดแย้งทางการเมืองที่เริ่มมาตั้งแต่ 2548 แต่ความขัดแย้งตลอด 12-13 ปีนี้ได้สร้างผลพวงและภาระอันหนักอึ้งให้คนรุ่นนี้ ในขณะที่คนรุ่นนี้จะมีช่วงชีวิตต่อไปอีกยาวนาน อย่างน้อยๆ ต้องอยู่ไปอีก 40 กว่าปี ในขณะที่คนที่สร้างภาระไว้ก็จะทยอยล้มหายตายจากไป ถึงตอนนั้นเขาไม่รู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น

"เพราะฉะนั้นผมเรียกร้องคนรุ่นใหม่ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ไม่ได้สร้างภาระนี้มา แต่กลับต้องรับภาระนี้ไป ภาระนี้จะปลดเปลื้องลดบรรเทาเบาบางได้ต้องอาศัยกำลังคนรุ่นใหม่เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา"

คนในห้องนี้ส่วนใหญ่เกิดประมาณปี พ.ศ. 2537 ถึง 2540 กว่าเราจะเติบโตขึ้นมาจนเริ่มติดตามข่าวสารบ้านเมืองอายุประมาณ 12-13 ปี ก็เจอรัฐประหาร พอเริ่มสนใจการเมืองก็เจอรัฐประหาร เจอวิกฤตการณ์ปี 2548 รัฐประหาร 2549 มีการเลือกตั้งสักพักเข้าระบบกึ่งๆ ปกติกึ่งๆ ไม่ปกติ ก็เจอวิกฤตปี 2552-2553 มีการเลือกตั้งอีกก็เจอวิกฤตการณ์ต่อเนื่องมาอีก จนเกิดรัฐประหาร 2557 ต่อเนื่องจนกระทั่งมาจนถึงปัจจุบัน

พูดง่ายๆ เวลาที่คุณอยู่กับระบอบการเมืองในประเทศนี้ มันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ระบอบการเมืองในสภาการณ์ปกติคุณใช้ชีวิตแบกเรื่องนี้ไว้อยู่มากกวาครึ่งชีวิต ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป ก็คือคุณต้องแบกรับไปอีก 30-40 ปี เพราะฉะนั้นความสำคัญอยู่ที่คนรุ่นนี้จึงต้องลงมือจัดการเปลี่ยนแปลงเอง เพราะถ้าพึ่งคนรุ่นก่อนคงยากแล้ว

ความเห็นที่สองคือ การเมืองที่ปิดล็อก ขัดแย้งทุกวันนี้เนื่องจากตัวละครทางการเมืองหน้าเดิมๆ และไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันอีกต่อไปเลย ไอ้นี่มาก็ตั้งคำถาม ไอ้นี่มาก็ตั้งคำถาม และตัวละครหน้าเดิมๆ ก็ใช้การบริหารจัดการ ใช้วิธีการทางการเมืองแบบเดิมๆ ในขณะที่โลกหมุนไปเรื่อยๆ

"วิธีการทางการเมืองแบบเดิม การสร้างพรรคการเมืองแบบเดิม รูปแบบทางการเมืองแบบเดิม หรือออกแบบรัฐธรรมนูญด้วยวิธีคิดเดิม มันอาจไม่ทันกับยุคสมัย และมันอาจจะเข้ากันไม่ได้กับคนรุ่นปัจจุบันที่จะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต เพราะฉะนั้นการจะออกจากความขัดแย้ง เพื่อไม่ให้ตัวละครหน้าเดิมๆ มามีบทบาทสำคัญมากอีกจนไม่เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ บางทีจำเป็นต้องมีทางเลือกใหม่ ถ้าเรามีทางเลือกใหม่ รูปแบบใหม่ๆ เป็นคนรุ่นหนุ่มสาวทั้งหมดเข้ามาใหม่ ซึ่งเป็นกระแสที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันนี้ มันอาจจะช่วยบรรเทาความขัดแย้งนี้ตรงนี้ลงไปได้ โอเคอย่างน้อยที่สุดถ้าคุณออกจาก คสช. คุณอาจจะเจอคนใหม่ๆ หน้าใหม่ๆ ก็ได้"

อนึ่งในวันนี้ สำนักข่าวบีบีซีไทยได้เผยแพร่สัมภาษณ์พิเศษของปิยบุตร ซึ่งระบุว่าจะออกจากรั้วมหาวิทยาลัยเข้าสู่เวทีการเมือง เพื่อผลักดันความฝัน ความเชื่อในการสร้างประเทศ

"มันเป็นห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ถ้าไม่ทำตอนนี้ ถ้าไม่ใช้โอกาสตอนนี้ทำ โอกาสนี้อาจจะหลุดมือไป ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ตอนนี้อาจจะหลุดมือไป" เขากล่าวตอนหนึ่งในวิดีโอให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท