Skip to main content
sharethis

คดีช่างตัดแว่น โพสต์ภาพพระบรมฯ ปี 59  อาจารย์นิติศาสตร์ แม่ฟ้าหลวง ขึ้นเบิกความในฐานะพยานโจทก์ ยันแม้เป็นความจริง ก็ถือเป็นการใส่ความ และเป็นความผิดตาม ม.112 

9 มี.ค.2561 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วันนี้ ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 37  จ.เชียงราย อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 37 ได้นำอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เข้าเบิกความเป็นพยานฝ่ายโจทก์ ในคดีของ สราวุทธิ์ (สงวนนามสกุล) ช่างตัดแว่นตาพ่อลูกอ่อนใน จ.เชียงราย ข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 โดยที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 60 ได้นำอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เข้ามาเบิกความ เป็นการเบิกความให้ความเห็นต่อภาพและข้อความประกอบที่จำเลยถูกฟ้องร้อง

วันนี้ สุชิน กฤตลักษณ์วงศ์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากที่สาม โดยสรุปว่าพยานได้เห็นภาพและข้อความที่จำเลยได้ถูกฟ้องร้องแล้ว มีความเห็นว่าเป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท ซึ่งภาพของบุคคลและข้อความที่ปรากฎเป็นพยานหลักฐานในคดี พยานเห็นว่าเป็นการใส่ความสมเด็จพระบรมฯ ซึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นแม้เป็นความจริง ก็ถือเป็นการใส่ความ และถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 112

ทางทนายจำเลยได้ถามค้านพยานปากนี้ว่าเอกสารที่นำมาใช้เป็นพยานหลักฐานอื่นๆ ทุกภาพนั้น ปรากฎที่อยู่ทางอิเล็กทรอนิกส์ (URL) ทั้งหมด แต่ภาพและข้อความที่นำมาฟ้องร้องจำเลยนั้นกลับไม่ปรากฎ URL อยู่เลยใช่หรือไม่ ซึ่งพยานก็ได้เบิกความตอบว่าไม่ปรากฎ URL แต่อย่างใด

เมื่อเสร็จสิ้นการสืบพยานในวันนี้ คู่ความได้นัดหมายสืบพยานโจทก์ปากต่อไป ในวันที่ 5 เม.ย. 61

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเพิ่มเติมว่า คดีนี้ อัยการทหารมีการสั่งฟ้องต่อศาลทหารเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.59 และทำการเริ่มสืบพยานโจทก์แล้วเสร็จไปได้ 1 ปาก คือ พ.ท.อิสระ เมาะราษี เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายข่าวของมณฑลทหารบกที่ 37  จากนั้นวันที่ 12 ต.ค.60 อัยการทหารได้นำ สว่าง กันศรีเวียง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากที่สอง โดยสรุปว่าพยานเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ก่อนหน้านี้พยานเคยให้ความเห็นทางกฎหมาย ในคดีความผิดตามมาตรา 112 มาแล้วประมาณ 5 - 6 คดี  ในคดีนี้พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย จากนั้นอธิการบดีจึงมีคำสั่งให้พยานรับผิดชอบให้ความเห็นทางกฎหมาย โดยได้รับอนุญาตจากอธิการบดี

เมื่อพยานได้ดูภาพและข้อความประกอบที่จำเลยถูกกล่าวหาในคดีแล้ว พยานได้ให้ความเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันที่ต้องได้รับการเคารพและอยู่เหนือการติชม ประกอบกับตอนนั้นเราใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 ซึ่งบัญญัติไว้ชัดเจนและมีมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติไว้ชัดเจนว่าพระมหากษัตริย์และรัชทายาท ต้องไม่ถูกดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้าย ซึ่งปัจจุบันมีรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็บัญญัติไว้ชัดเจนสอดคล้องกัน จำเลยได้ใช้สิทธิและเสรีภาพในการติชมในทางที่เป็นปฎิปักษ์กับองค์รัชทายาท และสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท โดยช่วงท้ายของการเบิกความพยานก็ได้เบิกความต่อศาลอีกด้วยว่าพยานไม่ทราบว่าภาพจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ตามภาพพยานได้ให้ความเห็นแบบนี้

โดยในระหว่างการถามค้านของทนายความจำเลย พยานได้ตอบทนายจำเลยว่าตนมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์และเฟสบุ๊คพอสมควร และในเอกสารที่จำเลยถูกฟ้องร้อง ก็ไม่ปรากฎ URL แต่ในส่วน URL ต้องเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเบิกความ พยานเพียงแต่ดูเอกสารแล้วให้ความเห็นเท่านั้น

สำหรับคดีนี้ จำเลยถูกกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ค.59 ได้โพสต์ภาพพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชในขณะนั้น จำนวน 2 ภาพเรียงต่อกัน โดยภาพหนึ่งเป็นภาพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในอิริยาบถเป็นการส่วนพระองค์ ลักษณะทรงยืนรับการถวายความเคารพจากเจ้าหน้าที่ คู่กับสุภาพสตรีไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด กับภาพด้านขวาที่ทับซ้อนกับภาพด้านซ้าย บางส่วนเป็นพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า “ทรงพระเท่มากพะยะค่ะ” ในบัญชีเฟสบุ๊คส่วนตัว

ต่อมา วันที่ 26 ส.ค.59 สราวุทธิ์ จำเลย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากปอท. เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก พร้อมกับตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแฟลชไดรฟ์ไป  หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้มีการเรียกตัวนายสราวุทธิ์ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่สภ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 11 ต.ค.59 ก่อนที่จะถูกนำตัวไปขออำนาจศาลทหารในการฝากขัง โดย สราวุทธิ์ ไม่ได้รับการประกันตัวในช่วงแรก หลังจากญาติยื่นขอประกันตัวจำนวน 3 ครั้ง จนกระทั่งได้รับการประกันตัวในการยื่นครั้งที่ 4 ด้วยหลักทรัพย์ 1 แสนบาท หลังจากถูกคุมขังในเรือนจำรวม 38 วัน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net