Skip to main content
sharethis

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวอยซ์ ทีวีออกแถลงการณ์กรณีรายการ Tonight Thailand โดนระงับออกอากาศ 15 วัน หลังรายงานและวิเคราะห์กรณี "หน้ากากยุทธ์น็อคคิโอ" และครบรอบ 10 ทักษิณกราบแผ่นดิน ยัน จะยึดมั่นในหลักวิชาชีพสื่อต่อไป ลั่น จะยื่นร้องคัดค้านคำสั่งต่อศาลปกครองและฟ้องแพ่ง 

ภาพเปิดรายการ Tonight Thailand (ที่มา: Voice TV)

20 มี.ค. 2561 วอยซ์ ทีวี รายงานว่า เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ได้ออกแถลงการณ์เรื่องแนวทางหลักถูกคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกคำสั่งระงับรายการ Tonight Thailand ด้วยคำสั่งด่วนที่สุดที่ สทช 4012/7992 ลงวันที่ 19 มี.ค. 2561 มีผลให้ระงับการออกรายการเป็นเวลา 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ห้ามนำรายการดังกล่าวไปออกอากาศในวันและเวลาอื่น รวมถึงห้ามนำเทปรายการเดิมมาออกอากาศซ้ำในช่วงเวลาดังกล่าว

แถลงการณ์มีใจความว่า วอยซ์ ทีวีต้องการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ทัศนะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ชมบนฐานความเชื่อมั่นในเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงความเห็น และยึดมั่นในวิชาชีพสื่อมวลชนที่ต้องนำเสนอข้อมูลและทัศนะอย่างถูกต้อง รัดกุม รอบด้าน เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทั้งยังได้ปฏิบัติตามข้อท้วงติงของ กสทช. ในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาโดยตลอดแม้มีผลกระทบในด้านความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจก็ตาม การถูกงดออกอากาศครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ทั้งยังตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องความเป็นธรรมและเท่าเทียมของการใช้มาตรการตรวจสอบอย่างเข้มงวดซึ่งกระทบบรรยากาศของเสรีภาพสื่อและเกิดความเสียหายในทางธุรกิจ โดยวอยซ์ทีวีตัดจะดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางปกครองและทางแพ่ง จะยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งต่อศาลปกครองและยื่นฟ้องแพ่งเพื่อคุ้มครองความเสียหายที่จะเกิดกับสถานีโดยเร็วที่สุด และยืนยันจะทำหน้าที่สื่อมวลชนที่เปิดกว้างทางความคิดและยืนหยัดในเสรีภาพสื่อต่อไป

วอยซ์ ทีวี รายงานว่า คำสั่ง ที่ สทช. 4012/9992 ลงวันที่ 19 มี.ค. 2561 ลงนามโดยฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. สั่งให้ระงับการออกอากาศรายการ Tonight Thailand ทางช่อง Voice TV เป็นเวลา 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นต้นไป (ระงับออกอากาศตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. - 3 เม.ย. 2561) โดยที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาเนื้อหาและสาระสำคัญของรายการ Tonight Thailand ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2561 แล้วเห็นว่า การนำเสนอรายการดังกล่าวมีลักษณะส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร จึงห้ามมิให้ออกอากาศในกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ คสช. ฉบับที่ 130/2557 และเป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ช่องรายการ Voice TV ตามบันทึกข้อตกลงฯ ระหว่างบริษัทฯ และสำนักงาน กสทช. ฉบับลงวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอันรับฟังได้ว่าบริษัทฯ ได้มีการตรวจสอบเนื้อหารายการก่อนหรือระหว่างออกอากาศ

เนื้อหารายการที่ออกอากาศและเป็นเหตุให้ถูกระงับรายการ 15 วัน ครั้งนี้ เป็นเนื้อหาเสนอข่าวบุคคลสวมหน้าการที่จัดทำขึ้นล้อเลียนนายกรัฐมนตรีและออกอากาศภาพหน้ากากวนซ้ำไปมาภายใต้หัวข้อ "คสช. เตือน ล้อเลียน "ยุทธ์น็อคคิโอ" ไม่เหมาะสม" อีกทั้งตอนท้าย ผู้ดำเนินรายการได้วิพากษ์วิจารณ์และเสนอความเห็นที่มหาวิทยาลัยอนุญาตให้จัดกิจกรรมเทียบกับกรณีเดียวกันกับมหาวิทยาลัยอีกแห่งไม่อนุญาตให้ชุมนุมในพื้นที่มหาวิทยาลัย พร้อมกล่าวข้อความบางอย่างที่ส่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจสับสนเกี่ยวกับการกระทำของผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง
 
อีกทั้ง ในเนื้อหาที่ออกอากาศตอนเดียวกัน ผู้ดำเนินรายการได้วิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์สวมหน้ากากของผู้เข้าร่วมชุมนุมว่ามีเจตนาล้อเลียน ก่อให้เกิดความขบขัน ลดทอนความยำเกรงต่อผู้ปกครอง อีกทั้งยังได้เทียบเคียงกับเหตุการณ์ปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทาง กสทช. เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับบริบทในสังคมไทย อาจส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั้นให้เกิดความขัดแย้งหรือสร้างให้เกิดการแตกแยกในประเทศได้
 
นอกจากนี้ ในเทปดังกล่าว ภายใต้หัวข้อ "ครบ 10 ปี "ทักษิณ" กราบแผ่นดิน" ยังนำเสนอข้อมูลภาพและข้อความของพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก โดยผู้ดำเนินรายการได้อ่านข้อความทั้งหมดอีกครั้งและตอนท้ายได้แสดงความเห็นต่อข้อความดังกล่าว ซึ่ง ที่ประชุม กสทช. เห็นว่า เป็นข้อมูลที่ส่อให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนเกี่ยวกับนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาล และส่อให้เห็นความมุ่งประสงค์ให้ประชาชนรวมกลุ่มเพื่อชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเช่นที่เคยปรากฎมาแล้วในอีดต อันมีลักษณะปลุกปั้นให้เกิดความขัดแย้งและสร้างแตกแยกในสังคมได้
 
ทั้งนี้ กสทช. ได้เรียกผู้บริหารของ Voice TV ไปเพื่อชี้แจงและหารือก่อนหน้านี้ โดยมีเนื้อหารายการที่ต้องหารือกัน 2 รายการ คือ Wake Up Thailand ที่ออกอากาศวันที่ 5 มีนาคม 2561 และ Tonight Thailand เทปที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 , เทปวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และเทปวันที่ 1 มีนาคม 2561
 
 
เมื่อ 27 มี.ค. ปีที่แล้ว วอยซ์ทีวียุติการออกอากาศทั้งสถานี หลังจากถูกกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) สั่งพักใบอนุญาตเป็นเวลา 7 วัน โดยอ้างว่าวอยซ์ทีวีมีการกระทำผิดซ้ำเดิม ให้ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสนยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยก
 
ตามคำสั่ง กสทช. ระบุว่า รายการที่ “มีความผิด” ทำให้ กสทช. สั่งยุติออกอากาศทั้งสถานี คือ
 
1.รายการใบตองแห้งออนแอร์ ตอน จากธัมมี่ถึงทักกี้ประเทศนี้ยังปรองดองได้อยู่หรือ
2.รายการ In Her View ตอน ไล่เรียงเหตุการณ์จังหวะแห่งข่าวโกตี๋กับอาวุธพร้อมแถลงการณ์แผนลอบสังหาร
3.รายการ Overview ตอน ยันกองทัพป้องทหารยังยิงทิ้งเด็กลาหู่ถูกต้องทุกกรณี
 

รายละเอียดของแถลงการณ์

'วอยซ์ ทีวี' ขอชี้แจงว่า เราเป็นสื่อที่ต้องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและทัศนะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ชมบนพื้นฐานของความเชื่อมั่นในเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงความเห็น และยึดมั่นในวิชาชีพสื่อมวลชนที่ต้องนำเสนอข้อมูลและทัศนะอย่างถูกต้อง รัดกุมและรอบด้าน และเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายเสมอมา

การถูกระงับรายการของช่อง Voice TV ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผ่านมา Voice TV ถูกเรียกให้ชี้แจงและหารือ รวมถึงให้ลงนามในความตกลงร่วมกัน (MOU) กับทาง กสทช. และถูกจับตาการนำเสนออย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด หลังการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปี 2557 วอยซ์ ทีวี ถูกระงับการเผยแพร่ออกอากาศครั้งแรก 26 วัน ระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ถึง 14 มิถุนายน 2557 ซึ่งถือเป็นทีวีดิจิตอลเพียงช่องเดียวที่ถูกสั่งระงับการออกอากาศ และเมื่อได้รับอนุญาตให้ออกอากาศอีกครั้ง Voice TV ต้องเผชิญกับการจำกัดเสรีภาพในการนำเสนอหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม เรามีข้อสังเกตว่า การตรวจสอบอย่างเข้มงวดเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติด้วยมาตรฐานที่เสมอหน้าและเป็นธรรมตามหลักการบังคับใช้กฎหมายหรือไม่

ขณะที่ วอยซ์ ทีวี ได้พยายามให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามข้อท้วงติงและความห่วงกังวลของ กสทช. มาโดยตลอด แม้จะได้รับผลกระทบทั้งต่อหลักเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เสรีภาพในการแสดงความเห็น และไม่เพียงเท่านั้น ยังกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ปฏิบัติงานตามวิชาชีพ รวมทั้งกระทบต่อสถานะทางเศรษฐกิจของสถานีด้วย

วอยซ์ ทีวี พิจารณาว่า บรรยากาศการทำงานภายใต้การตรวจสอบที่อาจเข้าข่ายเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรมที่ผ่านมารวมถึงครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของเสรีภาพสื่อไทยโดยรวม และกระทบต่อสื่อมวลชนในฐานะที่เป็นองค์กรธุรกิจที่ได้รับความเสียหาย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาความเชื่อมั่นทางวิชาชีพ ยืนยันในเสรีภาพสื่อมวลชน และไม่ให้เสียหายต่อธุรกิจอันเกิดจากความไม่เป็นธรรมตามคำสั่งดังกล่าว

วอยซ์ทีวีจึงตัดสินใจจะดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางปกครองและทางแพ่งต่อไป โดยจะยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งต่อศาลปกครองและยื่นฟ้องแพ่ง เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่จะเกิดกับสถานีโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ วอยซ์ ทีวีขอยืนหยัดทำหน้าที่สื่อมวลชนที่เปิดกว้างทางความคิด และยืนหยัดในเสรีภาพสื่อ และขอเรียกร้องเพื่อนร่วมวิชาชีพ และสมาคมวิชาชีพในการช่วยกำกับและมีบทบาทในการปกป้องการทำหน้าที่สื่อ เพื่อธำรงบรรยากาศที่สร้างสรรค์ให้แก่วงการสื่อมวลชนของไทยต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net