Skip to main content
sharethis

กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า รายงาน พล.ท.ปิยวัฒน์ เยี่ยมผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน พร้อมเตรียมส่งเสริมอาชีพ และลงพื้นที่ อ.เบตง ติดตามความคืบหน้าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  (ภาพจาก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า)

28 มี.ค.2561 หลังจากเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา มาราปาตานี ออกแถลงประเด็นการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเด็นหนึ่งเรื่อง โครงการพาคนกลับบ้าน ว่า ไม่มีส่วนสัมพันธ์กับกระบวนการพูดคุยสันติสุขระหว่างมารา ปาตานีและรัฐบาลไทยแต่อย่างใด นั้น

ล่าสุด วันนี้ (28 มี.ค.61) ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) รายงานว่า  เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.35 น. ที่ นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์  นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการพาคนกลับบ้าน  ที่พักอาศัยชั่วคราวภายในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล พร้อมเตรียมส่งเสริมอาชีพให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยการจัดหลักสูตรฝึกสอนให้มีอาชีพติดตัว เมื่อต้องออกจากบ้านพักชั่วคราว เช่น การทำเศรษฐกิจพอเพียง การทำน้ำหมักชีวภาพ การคัดแยกปลากะตัก การทำมะพร้าวคั่ว การเลี้ยงไก่ระบบอีแวป (EVAP) รวมถึงจัดให้มีการสอนเสริมปรับพื้นฐานการเรียนภาษาไทย ให้กับบุตรหลานของผู้เข้าร่วมโครงการอีกด้วย โครงการเหล่านี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ในการประกอบอาชีพและรองรับความเป็นอยู่ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการตลอดระยะเวลา 6 เดือนในการใช้ชีวิตภายในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้จัดที่พักอาศัยชั่วคราวจำนวน 30 หลัง มีผู้เข้าร่วมโครงการเข้าพักอาศัยรวม 105 ราย ประกอบด้วยผู้ที่เข้าร่วมโครงการในชุดที่ 1 จำนวน 94 ราย และชุดที่สองที่ได้รับการตรวจสอบสัญชาติแล้ว จำนวน 11 ราย ภายหลังจาก

แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าเยี่ยมชมโครงการต่างๆภายในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลแล้ว ยังได้พูดคุยซักถามความเป็นอยู่ของผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นการให้กำลังใจ พร้อมที่จะออกไปใช้ชีวิตใหม่ในสังคมต่อไป

ลงพื้นที่ อ.เบตง ติดตามความคืบหน้าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ยังรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมไกรลาศ ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอเบตง จ.ยะลา พล.ท.ปิยวัฒน์ เป็นประธานการประชุมหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อรับทราบปัญหาข้องขัดข้อง หลังจากมีประกาศยกเลิก การใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่อำเภอเบตง ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี เจษฎา จิตรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, พล.ต.สมชาติ เปรมจิตต์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา, ดำรง ดีสกูล นายอำเภอเบตง, ผู้แทนจากส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วมประชุมหารือ
 
ในโอกาสนี้ ดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอเบตง ได้บรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์ว่าที่ผ่านมาไม่เคยเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมปฏิบัติตามแผนรักษาความปลอดภัยเมืองเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย รองลงมาคือไทย, สิงคโปร์, อินเดีย และจีนประกอบกับเมื่ออำเภอเบตงได้รับการอนุมัติให้มีการก่อสร้างสนามบิน ทำให้มีผลต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
 
กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า รายงานด้วยว่า แม้ว่าในภาพรวมของอำเภอเบตง จะอยู่ในภาวะสงบสุขและปลอดภัย แต่ทางศูนย์ปฏิบัติการอำเภอยังคงมีการซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยเมืองเศรษฐกิจและแผนรักษาความปลอดภัยประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดจนกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเช่นการตั้งจุดสกัดในเส้นทางสายต่างๆเพื่อป้องกันการก่อเหตุและที่สำคัญส่งเสริมให้กำลังภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะกำลังประจำถิ่น เช่นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน, ชุดคุ้มครองตำบล, ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน, รวมถึงอาสาสมัครต่างๆทั้งกู้ชีพกู้ภัย ตลอดจนถึงประธานชุมชนและประชาชนในเขตเทศบาลเมืองทั้ง 27 ชุมชนจึงส่งผลให้อำเภอเบตงเป็นพื้นที่ ที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนกระบวนการสร้างสันติสุขภายใต้การบังคับใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 แทนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
 
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช กล่าวว่าสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ และอำเภอเบตงก็มีความพร้อมที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวและที่พัก ที่ผ่านมาในช่วงวันหยุด ที่พักในอำเภอเบตงจะถูกจองล่วงหน้าจนเต็มเกือบทุกที่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ได้น่ากลัว หรืออันตราย อย่างที่หลายคนคิด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็พร้อมให้การดูแลอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ในปี 2561 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่ รองรับกับการถอนกำลังทหารกลับที่ตั้งและหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 แทนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้มีความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุนพร้อมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจตามนโยบายเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของรัฐบาลต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net