Skip to main content
sharethis

นักกิจกรรมเผยเหตุการณ์ควบคุมตัวนอกกฎหมาย ยันเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ร้องเรียกความรับผิดชอบ พร้อมจ่อฟ้องสร้างมาตรฐาน ต่อให้นายสั่ง ก็ไม่สามารถทำเรื่องนอกกฎหมายได้ ด้านสมาคมทนายความฯ พร้อมช่วยเหลือด้านคดี

18 เม.ย. 2561 ที่สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ณัฏฐา มหัทธนา ,เอกชัย หงส์กังวาน, โชคชัย ไพบูลย์รัชตะ นักกิจกรรมทางการเมือง และนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวกรณี การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นกับ เอกชัย และโชคชัย จากการเข้าควบคุมตัวนักกิจกรรมทั้งสองโดยไม่มีข้อกล่าวหา ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมรดน้ำดำหัว พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา

จับตัวเอกชัย-โชคชัย นอกกฎหมาย ขณะเตรียมไปทำกิจกรรมสงกรานต์บ้านประวิตร

ศูนย์ทนายสิทธิฯ ชี้ จนท.คุมตัว 'เอกชัย-โชคชัย' มิชอบด้วยกฎหมาย ขัดกับกติการะหว่างประเทศ

ประยุทธ์ ยันคุมตัวนักกิจกรรมยึดความถูกต้อง 

 

ณัฏฐา เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงเหตุการณ์การควบคุมตัวเอกชัย และโชคชัย ในช่วงเช้า ของวันที่ 16 เม.ย. ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเริ่มออกเดินทางไปยังหน้าบ้านของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์รดน้ำดำหัว พร้อมมอบพวงมาลัยนาฬิกา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งคู่กลับถูกจำกัดอิสรภาพ และเสรีภาพ โดยปราศจากการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ ซึ่งตามปกติดแล้วการดำเนินการจับกุมของเจ้าหน้าที่จะต้องมีหมายจับที่ออกโดยศาล หรือในอีกกรณีหนึ่งคือดำเนินการจับกุมเนื่องจากพบเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้า แต่ในขณะที่เอกชัย และโชคชัยถูกจับกุมนั้น พวกเขาเพียงยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์เท่านั้น

“ข้อสังเกตแรกของเรา อันนี้เป็นปฏิบัติการนอกกฎหมาย ไม่ต่างอะไรกับมาเฟียเลย จึงทำให้เกิดความสงสัยว่าปกติเช้าตรูขนาดนั้นยังไม่หกโมงเลย มีแรงจูงใจอะไรที่ทำให้เจ้าหน้าที่จำนวนเกือบ 20 นายจะต้องขยะตื่นเช้าออกจากบ้านไปที่ซอยบ้านเอกชัยซึ่งอยู่ที่ลาดพร้าว แรงจูงนั้นอยู่ในประโยคที่บอกว่า นายสั่งวันนี้ให้ไปไม่ได้ ประโยคนี้เองที่ผู้เสียหายทั้งสองท่านได้ยินมาตลอดเวลาของการพยายามที่จะจับกุม ส่วนนายที่สั่งเป็นใครก็อาจจะไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน แต่บอกได้ว่าเป็นนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นคนจัดโผ่ตำรวจ และเป็นคนสนิทของรองนายกรัฐมนตรี”

ณัฏฐา กล่าวต่อไปว่ากิจกรรมที่เอกชัย และโชคชัยจะทำนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำมาโดยตลอด และเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีความจำเป็นที่ทั้งคู่จะต้องถูกกระทำขนาดนี้ ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยว่าเจ้าหน้าที่กำลังปกป้องอะไร กำลังปกป้องชื่อเสียงของใครหรือไม่ โดยใช้ทรัพยาการในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด อย่างไรก็ตามกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดในช่วงเวลา 4 ปีของ คสช. แต่กรณีนี้เป็นการยกระดับความรุนแรง เทียบเท่ากับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับ จ่านิว สิริวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ทหารอุ้มกลางดึก ขณะที่เดินกลับเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แล้วถูกทหารผลักเข้าไปในป่า ก่อนที่จะมีปล่อยตัวออกมาหลังจากมีภาพจากกล้องวงจรปิดของมหาวิทยาลัยเปิดออกมา

“การกระทำในลักษณะอุกอาจเหมือนการกระทำของมาเฟียเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ช่วงสงกรานต์นี้ก็มีเจ้าหน้าที่กระจายตัวไปเยี่ยมบ้านนักกิจกรรมทั้งที่สมุทรปราการ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ไปเยี่ยมบ้าน ไปคุยกับพ่อแม่ลูกเมีย แล้วบอกว่าอย่าออกไปทำกิจกรรมเลยนะ มันไม่ดี สิ่งเหล่านี้ผู้นำรัฐบาลกลับไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ... ที่ยกตัวอย่างมานี่เพื่อจะบอกว่าการละเมิดไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นแต่ครั้งนี้รุนแรงจริงๆ”

ณัฏฐา กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เอกชัย และโชคชัยที่เจ้าหน้ากระทำอย่าง สิ่งที่นักกิจกรรมทั้งสองทาเป็นการรบกวนและละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์และคณะแสดงความขาดความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ถามว่าครั้งละเมิดอย่างไรในเมื่อยังเดินทางไปไม่ถามบ้านของพลเอกประวิตรด้วยซ้ำ

“พล.อ.ประยุทธ์อาจจะต้องทำความเข้าใจว่า สิทธิมนุษยชนคืออะไร ในฐานะบุคคลสาธารณะพลเอกประวิตร และพลเอกประยุทธ์ จะต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ ในการรับมือกับการวิพากษ์วิจารณ์ และการแสดงออกของประชาชน”

ณัฏฐา กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เอกชัย และโชคชัยทำนั้นไม่ใช่การละเมิดสิทธิของใคร แต่เป็นการให้รื่องข่าวฉาวนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตรไม่หายไปจากหน้าสื่ ด้วยการกระทำที่ใช้ต้นทุนต่ำ แต่ใช้ความเสี่ยงส่วนตัวมาก แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำคือการพยายามทำให้เรื่องนี้หายไปจากหน้าสื่อด้วยการสกัดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง

“เราขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย โดยเฉพาะคนที่สั่งการให้ออกมาแสดงควารับผิดชอบ รับผิดชอบอย่างไรถึงจะเหมาะในมุมมองของเรา ท่านลองไปคิดดู เราไม่ต้องการเล่นเจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อยในระดับปฎิบัติงาน เรามีความคุ้นเคยและเห็นอกเห็นใจกันเสมอ แต่เมื่อมาถึงจุดที่ท่านใช้คำว่า ต้องทำตามคำสั่งนาย และเส้นของการทำตามคำสั่งนายนั้นมันเลยเถิดไปเรื่อยๆ จนถึงวันนี้โบว์รู้สึกว่า ถ้านายสั่งให้เจ้าหน้าที่สักสองสามคนมาอุ้มโบว์หายออกไปจากสังคมนี้เลย คุณก็จะบอกเราว่าจำเป็นต้องทำ เพราะทำตามคำสั่งนายหรือเปล่า โบว์ขอเรียกร้องให้คนที่ออกคำสั่งแบบนั้นออกมาแสดงความรับผิดชอบ และถ้าไม่มีการแสดงความรับผิดชอบ และไม่มีการให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำการละเมิดอย่างนี้กับประชาชนอีก เราก็คงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายของผู้เสียหายทั้งสองคนในการฟ้องร้องดำเนินคดีตามสิทธิให้เป็นการยืนยันว่า ความยุติธรรมต้องได้รับความเคารพต่อไป”

ด้านโชคชัย ผู้ถูกอุ้มจนได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกและหูข้างซ้ายกล่าวว่า อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นคือมีอาการเจ็บหน้าอกจากการกดทับ และหูข้างซ้ายมีการได้ยินผิดปกติ ซึ่งแพทย์ได้ตรวจและวินิจฉัยว่าแก้วหูอักเสบจากการกดทับเป็นเวลานาน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าตนทำลายข้าวของในห้องที่ถูกกักตัวนั้น ยอมรับว่าหลังจากถูกทาให้เจ็บพร้อมกักขังหน่วงเหนี่ยวทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเป็นเวลาหลายชั่วโมง แล้วเจ้าหน้าที่ยังยึดโทรศัพท์ไปไม่ยอมคืน อีกทั้งยั่วยุให้ทาลายข้าวของได้ ตนจึงเกิดอาการบันดาลโทสะและทาให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในห้องที่ใช้กักขังตนจริง และพร้อมรับผิดชอบความเสียหายต่อทรัพย์สินหากเจ้าหน้าที่จะเอาผิด แต่อยากถามกลับว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหลายโดยเฉพาะผู้สั่งการพร้อมรับผิดชอบต่อการกระทำผิดกฎหมายหลายข้อและความรุนแรงที่ได้กระทำต่อตนตลอดเช้าวันนั้นหรือไม่

ส่วนเอกชัย หงส์กังวาน ได้กล่าวถึงรายละเอียดกิจกรรมที่ตั้งใจทำเมื่อวันจันทร์ว่า ตามที่ได้ประกาศผ่านทางเฟสบุ๊คไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน ตั้งใจเดินทางไปที่บ้านพักของประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อร่วมรดน้ำสงกรานต์ โดยกิจกรรมที่เตรียมไว้คือ จุดธูป 36 ดอกเพื่อเป็นสิริมงคล มอบพวงมาลัยนาฬิกาให้ และสีซอให้ฟังด้วยเพลง “ออเจ้าเอย” ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีการกระทาใดที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย สิ่งที่ตนทำก็เพื่อรักษากระแสของเรื่องนาฬิกาหรูให้ยังอยู่ในความสนใจของสื่อและคนในสังคม จนกว่าปปช.จะทาหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในคดีนาฬิกายี่สิบกว่าเรือนให้เป็นที่ประจักษ์ นอกจากนี้เอกชัยยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดการจัดการกับตนและโชคชัยในครั้งนี้จึงเกินเลยจนถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่ย่อมทำผิดกฎหมายไปได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกันที่หน้าทาเนียบและหน้าบ้านพล.อ.เปรม แม้จะถูกละเมิดก็ยังไม่มีการกระทำรุนแรงเท่าครั้งนี้ที่มาดักถึงหน้าบ้านและปฏิบัติต่อโชคชัยจนได้รับบาดเจ็บ

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความที่ได้รับการประสานเพื่อขอคำแนะนาในข้อกฎหมายและความช่วยเหลือทางคดี กล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวกับเสรีภาพ และ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ตารวจ รวมทั้งข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวพันกับพฤติการณ์ต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ตารวจในการกระทาดังกล่าว คือทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และทำร้ายร่างกาย โดยร่วมกันกระทำตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ดังรายละเอียดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310, 157 เป็นต้น นอกจากนี้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าว เป็นไปเพื่อปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกด้วย จึงขัดกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และสิทธิเสรีภาพของพลเมืองไทยตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้กลุ่มนักกิจกรรมได้ยื่นคาขาด หากภายในวันศุกร์นี้ไม่มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงแสดงความรับผิดชอบผ่านสื่ออย่างเป็นทางการ และให้คามั่นว่าจะหยุดละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน ผู้เสียหายทั้งสองคนจาเป็นต้องใช้สิทธิตามกฎหมายในการดาเนินคดีฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการโดยตรงต่อศาลอาญา เนื่องจากไม่มีความไว้วางใจในต้นทางของกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net