เคมบริดจ์อนาไลติกาปิดตัวลงแล้ว หลังกรณีซื้อขายข้อมูลบุคคลกับเฟสบุ๊ค

องค์กรวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เคมบริดจ์อนาไลติกาและบริษัทลูกเอสซีแอลประกาศปิดตัวลงแล้วหลังจากที่มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการขายข้อมูลใฟ้เฟสบุ๊ค แต่ทว่าหน่วยงานสืบสวนในอังกฤษกังวลว่าพวกเขาปิดตัวลงเพราะต้องการทำลายข้อมูลตัวเองทำให้การสืบสวนยากขึ้น โดยที่อดีตซีอีโอของเคมบริดจ์อนาไลติกาและทีมบริหารอีกส่วนหนึ่งไปตั้งบริษัทใหม่คือ Emerdata
 
 
5 พ.ค. 2561 สื่อเดอะการ์เดียนรายงานว่าบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเคมบริดจ์อนาไลติกาปิดตัวลงแล้ว หลังจากมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการที่เฟสบุ๊คถูกกล่าวหาว่าขายข้อมูลให้พวกเขา จนทำให้ทั้งเฟสบุ๊คและเคมบริดจ์อนาไลติกาต้องเผชิญกับการตรวจสอบและถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัว
 
ก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องอื้อฉาวจากการที่เคมบริดจ์อนาไลติกาเก็บข้อมูลของผู้คนชาวอเมริกัน 50 ล้านคน และชาวอังกฤษอย่างน้อย 1 ล้านคน ทางเคมบริดจ์อนาไลติกาปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้แต่ก็บอกว่าการที่สื่อนำเสนอภาพพวกเขาในทางลบทำให้พวกเขาไม่มีลูกค้าและมีแต่รายจ่ายด้านการสู้คดีพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
 
ในถ้อยแถลงของบริษัทเคมบริดจ์อนาไลติการะบุว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมี "ความมั่นใจว่าลูกจ้างของพวกเขาปฏิบัติตัวอย่างเป็นไปตามหลักศีลธรรมและกฎหมาย แต่การถูกปิดล้อมจากสื่อที่ทำข่าวก็กลายเป็นการขับไล่ทั้งลูกค้าและผู้จัดหาวัตถุดิบของพวกเขาทั้งหมดอย่างเห็นได้ชัด" และระบุว่าด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ทางเคมบริดจ์อนาไลติกาประกาศปิดตัว
 
นอกจากนี้ในถ้อยแถลงยังมีการเปิดเผยอีกว่ามีบริษัท เอสซีแอลล์ อิเล็กชัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในอังกฤษที่อยู่ในเครือเคมบริดจ์อนาไลติกาก็ประกาศจะปิดตัวด้วยเช่นกัน รวมถึงกำลังเข้าขั้นตอนกระบวนการล้มละลาย
 
หลังจากทราบข่าวการประกาศล้มละลายของบรัษัทนี้ เดอะการ์เดียนก็ส่งคนไปที่สำนักงานของเคมบริดจ์อนาไลติกาบนถนนย่านหรูของแมนฮัตตัน แต่ดูเหมือนว่าคนทำงานที่นั่นจะออกจากที่ทำงานไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อนักข่าวได้พบแต่คนๆ หนึ่งที่บอกว่าเธอไม่ได้ทำงานที่บริษัทนี้ และเมื่อถามว่ามีใครที่ทำงานให้เคมบริดจ์อนาไลติกาหรือเอสซีแอลอยู่ที่นี่หรือไม่เธอก็บอกว่าพวกเขาเคยอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ออกไปกันหมดแล้ว
 
เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นมาจากการที่เคมบริดจ์เก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากโปรแกรมแอพพลิเคชันเกี่ยวกับการสำรวจบุคลิกภาพผ่านช่องทางของเฟสบุ๊ค โดยที่คริสโตเฟอร์ ไวลี ผู้เปิดโปงกรณีนี้กล่าวว่าข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลก์ การเช็คอิน สถานที่ รูปภาพ ศาสนา แนวคิดทางการเมือง และรายละเอียดความสัมพันธ์ ต่างก็ถูกนำไปใช้กับซอฟต์แวร์ที่คัดกรองประวัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อส่งโฆษณาเกี่ยวกับการเมืองที่พวกเขาคิดเอาเองว่าผู้ใช้รายนั้นๆ จะสนใจ
 
อย่างไรก็ตามอเล็กซานดร์ โคแกน บุคคลที่เคยสร้างโปรแกรมเก็บข้อมูลดังกล่าวเคยให้สัมภาษณ์ต่อบีบีซีในเขิงตัดพ้อว่าเขารู้สึกเหมือนตกเป็นแพะรับบาปทั้งจากเฟสบุ๊คและจากเคมบริดจ์อนาไลติกา ตัวเขาเองมองว่าตัวเองทำในสิ่งที่ปกติธรรมดาทั่วไป ส่วนอเล็กซานเดอร์ นิกซ์ ซีอีโอของเคมบริดจ์อนาไลติกาก็เคยถูกสั่งพักงานหลังจากให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าพวกเขามีส่วนในการทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง นิกซ์ยังเคยเปิดเผยอีกว่าพวกเขามีระบบที่ทำให้อีเมลล์ของบริษัททำลายตัวเองทิ้งได้โดยไม่มีหลักฐานเหลือไว้
 
อย่างไรก็ตามถึงแม้เคมบริดจ์อนาไลติกาจะปิดตัวลงไปแล้ว แต่เดอะการ์เดียนก็รายงานว่ามีทีมที่อยู่เบื้องหลังกำลังก่อตั้งบริษัทใหม่ที่เรียกว่า Emerdata ซึ่งในรายชื่อผู้บริหารมีนิกซ์เป็นผู้อำนวยการและมีฝ่ายบริหารคนอื่นๆ จากเอสซีแอลรวมไปด้วย
 
ดาเมียน คอลลินส์ ประธานกรรมการรัฐสภาอังกฤษที่เป็นผู้ตรวจสอบกรณีการปล่อยข้อมูลส่วนบุคคลในครั้งนี้แสดงความเป็นห่วงว่าการปิดบริษัทตัวเองของเคมบริดจ์อนาไลติกาอาจจะเป็นการสร้างอุปสรรคให้กับการสืบสวนสอบสวนบริษัทของพวกเขาเพระามีการลบประวัติของตัวเองจากการปิดบริษัท
 
 
เรียบเรียงจาก
 
Cambridge Analytica closing after Facebook data harvesting scandal, The Guardian, 02-05-2018

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท