Skip to main content
sharethis

13 พฤษภาคม 2561 นางหานีตา ผู้เป็นพี่สาวคนโตของ น.ส. นูรฮายาตี มะเสาะ หญิงตาบอดวัย 23 ปี ผู้ถูกชายตาบอดกล่าวหาว่ามีการโพสต์บทความที่มีเนื้อหาผิด กฎหมายอาญา ม.112 ลงในเฟสบุ๊คตามที่เคยเป็นข่าว ได้เปิดเผยว่า วันที่ 4 มีนาคม 2561 นูรฮายาตี ได้ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวออกจากบ้านที่ อ.เมืองยะลา และในวันที่ 5 มีนาคม 2561 พนักงานอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุดได้ส่งฟ้องในข้อหาว่ามีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการแชร์คลิปรายการวิทยุของ ดีเจตีโต้ และ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ บนเฟสบุ๊ค โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 อีกคดี และมีรายละเอียดของคำฟ้องว่าเป็นการส่งต่อข้อมูลสู่สาธารณะ สร้างความตื่นตระหนก น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ

ศาลได้นัดสืบพยานในวันที่ 6 มีนาคม 2561 น.ส.นูรฮายาตี ได้ให้การสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลอาญาจึงได้มีคำพิพากษาในวันนั้นว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 ม.3,14 (5) ให้จำคุกจำเลย 2 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การสารภาพจึงลดให้กึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้นับโทษต่อจากวันที่เธอได้ถูกขังมาแล้ว

พี่สาวของนูรฮายาตี กล่าวต่อว่า จากนั้น นูรฮายาตี ได้ถูกจำคุกอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกรุงเทพจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว ทางครอบครัวได้ขึ้นมาเยี่ยมได้บ้างแต่ไม่บ่อยนัก เนื่องจากการเดินทางมาเยี่ยมจากจังหวัดยะลามีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าอาหารและค่าที่พักเที่ยวละหลายพันบาท แต่ก็กำลังจะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหาเงินในการประกันตัว หานิตา อยากให้ย้ายน้องสาวผู้พิการของเธอไปยังเรือนจำ จ.ยะลา เพื่อสะดวกกับการไปเยี่ยม ในส่วนทนายความขอแรงได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น


เกี่ยวกับคดี นูรฮายาตี  มะเสาะ เป็นหญิงพิการทางสายตาวัย 23 ปี เป็นชาวจังหวัดยะลา เธอมีโอกาสได้เรียนหลักสูตรอักษรเบรลล์และการช่วยเหลือตนเอง (หลักสูตรสำหรับผู้พิการ) ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 2 จังหวัดยะลาเพียง 1 ปี แล้วไปเรียนเพิ่มเติมที่โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

เธอถูกฟ้องร้องกล่าวโทษจาก นายพิพัฒน์ธนชัย สระกวี นายกสมาคมประชาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวหาว่าเธอได้ใช้แอปพลิเคชันสำหรับคนตาบอด (สมาร์ทวอยซ์) แสดงความเห็นทางการเมืองผ่านทางเฟสบุ๊คและแชร์บทความของ ใจ อึ๊งภากรณ์ ในระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นช่วงเหตุการณ์หลังจากการสวรรคตของรัชกาลที่ 9

เธอถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและตั้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดตาม กม.อาญา มาตรา 112 โดยที่ทางครอบครัวของเธอได้นำตัวเธอเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียก แต่ได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวนก่อนจะถูกฝากขังในเรือนจำในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 และเมื่อคดีขึ้นสู่ชั้นศาล วันที่ 4 มกราคม 2561 นูรฮายาตี ได้ให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดยะลาพิพากษาจำคุกเธอตาม กม.อาญา ม.112 เป็นเวลา 3 ปี แต่จำเลยรับสารภาพ จึงให้ลดเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

จากนั้นมีรายงานว่า นูรฮายาตี ได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ โดยที่ไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นนายประกันและไม่ทราบว่าหลักทรัพย์ที่ใช้ในการประกันตัวนั้นเป็นวงเงินเท่าไหร่ ต่อมาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ได้มีคำพิพากษาโดยพิจารณาจากคำให้การของจำเลยในศาลชั้นต้นและรายงานของพนักงานคุมประพฤติว่า จำเลยตาบอดสนิททั้ง 2 ข้างและมีโอกาสได้ศึกษาในโรงเรียนคนตาบอดเพียง 2 ปี ประกอบด้วยความผิดตาม ม. 112 เป็นความผิดเพราะกฎหมายห้าม ไม่ใช้ความผิดอาญาในตัวเอง จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการที่จำเลยคัดลอกข้อมูลที่เป็นทั้งข้อความและภาพจากเว็บไซต์อื่นลงในระบบคอมพิวเตอร์พร้อมกับส่งเผยแพร่ออกไปนั้น เกิดขึ้นด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าข้อความดังกล่าวจะเป็นการหมิ่นประมาท ร. 9 พิพากษาให้ยกฟ้องทุกข้อหา ซึ่งผลการพิจารณาคดีในครั้งนี้ไม่ได้ปรากฏบนหน้าสื่อแต่อย่างใด จนกระทั่งมีข่าวการจับกุมตัวแจ้งข้อหาดำเนินคดีและตัดสินคดีอย่างรวดเร็วอีกครั้ง โดยสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องเอาผิดเธอตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์


 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net