Skip to main content
sharethis

ผู้ประกาศข่าว 4 สาวตัวแทน PEACE TV ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อ กสทช. ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกสั่งปิด 30 วัน ยันออกอากาศไม่มีเนื้อหายุยงปลุกปั่น สร้างความสับสน

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา PEACE NEWS รายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อรุโณทัย ศิริบุตร พร้อมด้วย ชุติมา กุมาร กุลธิดา ช้วนกุล และ ณิชานันทน์ แจ่มดวง ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์พีซ ทีวี เข้ายื่นหนังสือต่อพลเอกสุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช.ผ่านพันตรีโกเมธ ประทีปทอง ผู้อำนวยการสำนักกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อขอความเป็นธรรม 

หลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการช่องพีซทีวีเป็นเวลา 30 วัน โดยอ้างว่าการออกอากาศบางรายการมีเนื้อหาขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมทวงถามด้วยว่า การออกอากาศและเนื้อหารายการที่ขัดต่อความมั่นคงของรัฐนั้นใช้หลักเกณฑ์ใดพิจารณา 


อรุโณทัย กล่าวว่า ตามมติ กสทช.ระบุเนื้อหาในรายการเป็นการส่อให้เกิดความสับสนยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร และยังเป็นการนำเสนอเนื้อหาที่ขัดต่อคำสั่งศาลปกครอง มองว่าข้อมูลและรายละเอียดในแต่ละรายการล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกระทำผิดต่อคำสั่ง คสช. 

เนื่องจากประกาศของคสช.ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 103/2557 ระบุว่า ถ้าพูดหรือทำให้ประชาชนรู้สึกว่าการบริหารงานของคสช.ภายใต้ข้อความอันเป็นเท็จนั้นจะนำไปสู่การลงโทษจากกสทช. อีกทั้งการพิจารณาการลงโทษของกสทช.ในครั้งนี้ไม่เคยไต่ระดับการลงโทษทางปกครองด้วยวิธีการเตือน ปรับ รวมถึงสั่งปิดบางรายการ จนถึงขั้นตอนการปิดสถานี แต่ที่ผ่านมาร่วมถึงครั้งนี้ทางสถานนี้ถูกเรียกเข้าชี้แจงและถูกสั่งปิดทุกครั้ง มองว่าที่ผ่านมานั้นสถานีโทรทัศน์พีซ ทีวีถูกเลือกปฏิบัติจากกสทช. หรือไม่ 

อรุโณทัย กล่าวอีกว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้ไม่ได้หวังว่าต้องการให้กสทช.อุทธรณ์มติ เนื่องจากทุกครั้งที่ผ่านมาพีซทีวีได้พยายามมาโดยตลอดว่าจะได้รับการทบทวน รวมไปถึงสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก็ออกมาเรียกร้องให้กสทช.เพิกถอนมติ แต่กลับไม่มีผลแต่อย่างใด 

ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะขอความเป็นธรรมได้คือศาลปกครองเท่านั้น วันนี้จึงเป็นการมายื่นหนังเพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่า สถานีโทรทัศน์พีซทีวีไม่ยอมรับข้อกล่าวหาใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งขอเรียกร้องให้ทาง กสทช.ทำงานในฐานะองค์กรอิสระ และบังคับใช้กฎหมายของตัวเอง พร้อมเลิกอ้างประกาศคำสั่ง คสช.ด้วย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาในเวทีเสวนา “ปลดคำสั่ง 0.4 เดินหน้าเสรีภาพประชาชน” ซึ่งจัดขึ้น เนื่องใน “วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก” ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความและหัวหน้าฝ่ายข้อมูล ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวไว้ด้วยว่า มีประกาศคำสั่งหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการที่ คสช. ออกมาควบคุมสื่อ สื่อเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ หลังรัฐประหารก็มีการห้ามสื่อออกอากาศ จากสถิติของ ILaw  ในช่วง 4 ปี คสช. โดย กสทช. ควบคุมสื่อโดยการลงโทษ 52 ครั้ง สื่อที่ถูกลงโทษมากที่สุดคือ วอยซ์ทีวี รองลงมาคือ พีซทีวี โดยทั้งหมดมี 34 ครั้ง ที่ลงโทษเกี่ยวกับการฝ่าฝืนประกาศของ คสช. ซึ่งมีฉบับหลักๆ คือ 97/2557, 103/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 41/2559 แม้ว่าประกาศที่ 97/2557 จะควบคุมสื่อไม่ให้เผยแพร่เนื้อหาที่กระทบหรือวิพากษ์วิจารณ์ คสช. โดยไม่สุจริต และเป็นประกาศฉบับหลักที่ใช้ควบคุมสื่อ  แต่คำสั่งที่ 41/2559 เป็นการยื่นดาบให้ กสทช. อีกชั้นหนึ่ง ถ้า กสทช.เห็นว่าเนื้อหารายการไหนเข้าข่ายฝ่าฝืน ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 ถือว่าผิดมาตรา 37 ของ กสทช. ทันที ซึ่งหาก ให้อำนาจของ กสทช. อย่างเดียวจะมีศาลปกครองช่วยดูว่าชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือไม่ ถ้าเราจำได้ คำสั่งที่ 41/2559  ออกมาตอนที่พีซทีวีมีการฟ้อง และศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว การออกคำสั่งฉบับนี้มาทำให้ตัดอำนาจศาลปกครองออกไปในการตรวจสอบสื่อขึ้นมาทันที

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net