Submitted on Sun, 2018-07-08 23:20
ในช่วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ ระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน 2561จนกระทั่งปัจจุบันมีเหตุผู้บริสุทธิถูกลอบสังหาร ถูกระเบิด จนได้รับบาดเจ็บเเละเสียชีวิตเกือบทุกวัน (ผู้เขียนขอประณามผู้ก่อเหตุทำร้ายผู้บริสุทธิเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด และผู้เจริญรอยตามท่าน
ในช่วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ ระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน 2561จนกระทั่งปัจจุบันมีเหตุผู้
เหตุการณ์เหล่านี้ยิ่งเพิ่มดีกรีความไม่ไว้วางใจระหว่างพุทธมุสลิมทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ อันจะส่งผลต่อกระบวนการสันติภาพ/สันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ช่วงเดือนรอมฎอนการลอบสังหารผู้คนกว่า 10 ศพ ทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ว่า 4 ศพที่นราธิวาส 2 ศพที่ปัตตานีและ 5 ศพ ที่ยะลาโดยเฉพาะการลอบสังหารนายอดุลเดชร์ เจ๊ะแน รองประธานกรรมการอิสลามปัตตานีอันเป็นผู้นำศาสนาที่เคารพนับถือของคนจังหวัดชายแดนภาคใต้
ช่วง 10 วันนี้ตั้งแต่ ปลายเดือน มิถุนายน จนถึงวันนี้ 8 กรกฎาคม 2561 มีการวางกับระเบิดในสวนยางไม่ต่ำกว่า 4 ครั้งยังผลให้ผู้บริสุทธิได้รับบาดเจ็บเเละเสียชีวิตซึ่งทั้งหมดเป็นคนไทยพุทธ (อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1327003 )
เหตุการณ์ช่วงรอมฎอน มุสลิมเสียชีวิต หลังรอมฎอน ชาวพุทธได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย อันสะท้อนภาวะดีกรีความไม่ไว้วางใจระหว่างพุทธ-มุสลิมที่มีอยู่เดิมแล้ว
(โปรดดูข้อกังวลและข้อเสนอชาวพุทธจังหวัดชายแดนใต้ผ่านงานวิจัยhttps://mgronline.com/south/detail/9610000048952 )
สิ่งที่ประชาชนหวังคือรัฐต้องรีบส่งผู้ใหญ่ฝีมีดีคลี่คลายคดีสังหารทั้งผู้นำศาสนาจังหวัดชายแดนใต้ (นายอดุลเดชร์ เจ๊ะแน ถือเป็นผู้นำศาสนาหนุ่มในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำงานต่อเนื่องด้านการศึกษา กระบวนการสันติภาพ) และผู้บริสุทธิอื่นๆที่ตายเหมือนใบไม้ร่วง
รัฐต้องรีบส่งผู้ใหญ่ฝีมือดีคลี่คลายคดีเหล่านี้เพราะทั้งแถลงการณ์ของ นายอัสนาวี มุคุระ ประธานสมาพันธ์คณะกรรมการอิสลาม 15 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้ออกแถลงการณ์ “แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า นายอดุลเดชร์ ถูกประกบยิงถึง 3 นัด ถูกที่ศรีษะ คนร้ายเดินออกจากมัสยิดพร้อมกับท่าน ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพราะทุกคนต่างก็ละหมาดวันศุกร์ร่วมกันด้วย แม้แต่คนร้ายก็ละหมาดวันศุกร์ เป็นเรื่องที่สะเทือนใจแก่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้ ในนามประธานสมาพันธ์ฯ ขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยได้ติดตามให้ประจักษ์โดยเร็ว มิฉะนั้นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดคงหมดขวัญและกำลังใจในการทำงาน”
และแถลงการณ์เครือข่ายขาวพุทธในพื้นที่นำโดยเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพได้ออกแถลงการณ์ ประณามการก่อเหตุอย่างโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมกรณีลอบวางระเบิดชาวบ้านในสวนยาง ชี้มุ่งโจมตีชาวพุทธและมีเจตนาแอบแฝง สร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่ชาวพุทธในพื้นที่ สร้างความแตกแยก สร้างความเกลียดชังทางชาติพันธุ์(โปรดดูhttps://sinaran.news/th/11508 )
ผู้เขียนเคยเขียนบทความแสดงความกังวลในมติชนสุดสัปดาห์ (โปรดดู https://www.matichonweekly.com/special-report/article_112662) ว่าจะทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น(หากดูสถิติหลังผู้นำศาสนาอิสลามเสียชีวิตก็จริง)หรือ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการสังหารหลายศพ แต่คดีไม่ถึงไหน ทั้งๆที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีหน่วยความมั่นคงทหาร ตำรวจ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ด่านตรวจ นับไม่ถ้วน อีกอย่างประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคดีที่อื่นไม่ว่าฆ่ายกครัวที่กระบี่ เหตุการณ์การสังหารที่ส่วนกลางและที่อื่นของประเทศไทยตำรวจไทยมีความสามารถคลี่คายได้หมด แม้กระทั่งเป็นศพเผานั่งยาง มาหลายปี
ข้อสังเกตของผู้เขียน กล่าวคือสถานการณ์ความไม่สงบที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่ ได้เกิดอย่างยืดเยื้อและเรื้อรัง (มานานหลายทศวรรษ) มีความพยายามทุกรัฐบาลในการแก้ไขและยุติปัญหาดังกล่าว แต่ปัญหายังดำรงอยู่ เพียงแต่สถานการณ์ความรุนแรงในบางช่วงได้ลดระดับและขนาดลงเป็นการชั่วคราว และย้อนกลับมามีความรุนแรงขึ้นอีกสลับไปมา ซึ่งปัญหาได้ลดทอนความเจริญในจังหวัดชายแดนภาคใต้และส่งผลโดยรวมเป็นปัญหาประเทศไทยมาก
ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนที่จะดำรงชีวิตอย่างปกติในพื้นที่ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพทุกเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม มีหลักประกันความเป็นธรรมและความยุติธรรม การทำความจริงให้ปรากฏอย่างตรงไปตรงมา มีความเท่าเทียม ความเสมอภาค และความโปร่งใสในการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งสำคัญเเละต้องรีบนำสู่ปฏิบัติเพราะมิฉะนั้นข่าวลือที่จะสร้างความเกลียดชังระหว่างพุทธ-มุสลิมจะเพิ่มดีกรีไฟใต้
ในขณะเดียวกันผู้นำศาสนาทั้งสอง ภาคประชาชน ทั้งระดับชาติเเละพื้นที่รวมทั้งตัวเเทนประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหา สานเสวนาอย่างมีอารยะ ละทิ้งสิ่งที่เห็นต่างเเต่พูดคุยในประเด็นร่วมก่อน บทเรียนคนไทยทั้งชาติที่ทะเลาะกันเเต่สามัคคีตั้งเเต่เหนือจรดตายระดมทุกองคาพยพช่วยเหลือเด็กติดถำ้ทีเชียงรายน่าจะเป็นบทเรียนในการร่วมเเก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ได้