Skip to main content
sharethis


การเมือง


สมชายยันทักษิณออก "ความจริงวันนี้" เรื่องส่วนตัว


คมชัดลึก - ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า วันที่ 23 ต.ค. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์ทางไกลจากประเทศอังกฤษเข้ามายังรายการ "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 1 พ.ย.เพื่อเปิดใจภายหลังศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ว่า เรื่องนี้ตนเคยบอกว่า ควรจะแยกกันกับรัฐบาลเพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งตนไม่ทราบว่า มีการออกทีวีช่องไหนอย่างไร



 


แต่ตนมั่นใจว่า คงไม่กระทบกระเทือนอะไร เพราะแต่ละคนก็ควรจะเคารพในสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ส่วนเรื่องการจะทำอะไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัว รวมถึงการออกทีวีและอื่น ๆ เป็นเรื่องที่แยกออกจากกลไกของรัฐบาล



         


นายสมชาย กล่าวต่อว่า ความจริงแล้วอำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ และอำนาจนิติบัญญัติ ต้องแยกจากกันจะไปก้าวก่ายอำนาจอื่น ๆ ไม่ได้ แต่ในฐานะที่เป็นองค์กรรัฐบาล ยอมรับนับถือกระบวนการยุติธรรม เพราะเราต้องยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม และต้องมีจิตใจที่ทำให้กระบวนการเหล่านั้นเดินไปได้ด้วยดี ก็ควรทำแต่ทั้งนี้ต้องไม่ไปแทรกแซงกิจการของแต่ละองค์กร



 


 


มทภ.1ย้ำเตรียมแผนไว้แล้วหากเกิดความไม่สงบ


คมชัดลึก - พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณจะโทรศัพท์เข้ามาในรายการความจริงวันนี้กล่าวว่า อันนี้ก็เป็นข่าวที่กำลังติดตามอยู่ ตนก็ไม่ทราบเรื่องนี้



         


เมื่อถามว่ากองทัพภาค 1 มีการเตรียมแผนการอะไรรองรับเหตุการณ์นี้หรือไม่   พล.ท.คณิต กล่าวว่า เรื่องนี้กองทัพภาคที่ 1 มีแผนเตรียมไว้รองรับหากจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งทุกอย่างมีขั้นตอน มีแผนการรองรับการรักษาความสงบในพื้นที่ เป็นขั้นตอนตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับบน ก็เป็นความพร้อมในหน่วยปฏิบัติอยูแล้ว



         


ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฝากความห่วงใยไปยังการชุมนุมของทั้ง2 กลุ่มอย่างไร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ไม่อยากให้มีการปะทะกันโดยประชาชนหรือการเคลื่อนไหวต่าง ๆ จะเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มาเผชิญหน้ากัน เพราะจะเห็นบทเรียนจากการเผชิญหน้ากันมีมาแล้วว่านอกจากจะสร้างความสูญเสียและความเสียใจกับประชาชนและญาติมิตรมาก คิดว่าทั้ง 2 กลุ่มคงจะหลีกเลียงไม่เคลื่อนมาชนกัน



         


ผู้สื่อข่าวถามว่าจะแก้ไขปัญหามือตบอย่างไรแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวติดตลกว่า  งั้นเราต้องช่วยกันซื้อให้หมด



 


 


"ณัฐวุฒิ" ชี้ทักษิณมีสิทธิแจงผ่าน"ความจริงวันนี้"


คมชัดลึก - นายณัฐวุฒิไสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำ นปช. กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่จะแสดงความคิดเห็น และชี้แจงกรณีต่างๆ ให้สังคมรับทราบ อย่างไรก็ตาม การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดผ่านโทรศัพท์จากประเทศอังกฤษ คงต้องรอดูรายละเอียดว่าจะใช้ช่องทางใด



 


 


เชื่อทักษิณพร้อมคืนเครื่องราช


คมชัดลึก -นายณัฐวุฒิ  กล่าวกรณีกระแสที่พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะต้องคืนเครื่องราชอิสริยาภารณ์ เนื่องจากศาลพิพากษาจำคุก ว่า หากระเบียบหลักเกณฑ์กำหนดไว้ดังนั้น และพ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดเข้าข่าย ซึ่งจะต้องคืนเครื่องราชย์ ก็คงต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้เมื่อพิจารณาดูจากความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกิดจากการคอร์รัปชั่นแต่เป็นความผิดตามกฎหมายเฉพาะที่เกี่ยวพันธ์กับภริยา ดังนั้นใครเปิดประเด็นและพยายามโยงเพราะต้องการจะเหยียบซ้ำพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำได้



 


 

"หมัก" ยื่นฎีกาคดีหมิ่น "สามารถ" แล้ว
ข่าวสด - เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 22 ต.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง นายประชุม ทองมี ทนายความนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยื่นฎีกาในคดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกนายสมัคร และนายดุสิต ศิริวรรณ อดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่ทั้งสองเป็นผู้ดำเนินรายการ "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี และรายการ "เช้าวันนี้ที่เมืองไทย" ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อปี 2549 จำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา เป็นเวลาคนละ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ในคดีที่นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม.ฝ่ายโยธา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรณีถูกกล่าวหาว่ารับเงิน 7 ล้านจากผู้รับเหมาก่อสร้างไปซื้อรถยนต์บีเอ็มดับบลิว ป้ายแดง

นายประชุม กล่าวว่า ในฐานะทนายความของนายสมัคร ได้ร่างคำฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในทุกประเด็น ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ก่อนหน้านี้ได้นำฎีกาฉบับนี้ไปรายงานให้นายสมัคร พิจารณาแล้ว โดยนายสมัคร ตรวจดูแล้วไม่มีคำแนะนำในการร่างฎีกา เพราะนายสมัคร ไว้วางใจทนายความ ส่วนนายดุสิตนั้นตนไม่ทราบว่าได้ยื่นฎีกาแล้วหรือยัง แต่ยังมีเวลายื่นภายในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ 30 วัน หลังจากนี้ต้องติดตามว่าศาลจะรับฎีกาไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับฎีกาของจำเลยไว้ ศาลจะสำเนาให้โจทก์ เพื่อให้โจทก์ได้ฎีกาแก้ ก่อนจะมีคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกาต่อไป


 


 


รัฐบาลตีปี๊บจัดรายการทีวี-วิทยุ
ข่าวสด - เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 ต.ค. ที่ทำเนียบ ดอนเมือง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่ารัฐบาลได้เตรียมจัดรายการโทรทัศน์ ชื่อ "รัฐบาลของประชาชน" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ในช่วงเวลา 08.30 น.-09.30 น. ทุกวันอาทิตย์ เพื่อเปิดโอกาสให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้งรองนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้พูดคุยผ่านทางรายการ เพื่อชี้แจงประเด็นสำคัญๆ ในการทำงานของรัฐบาล ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยจะออกอากาศครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.นี้

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เทปแรกนี้นายกฯ ได้มอบหมายให้นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกฯ เป็นผู้ออกรายการชี้แจงเป็นคนแรก เป็นการชี้แจงประเด็นทางเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ราคาพืชผลการเกษตรรวมทั้งผลการหารือการประชุมอาเซม ที่ประเทศจีน ซึ่งจะมีการเปิดสายโทรศัพท์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งถือเป็นการสื่อสารโดยตรงระหว่างรัฐบาลกับประชาชน 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลยังเตรียมจะเปิดตู้ปณ. เพื่อรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นต่างๆ จากประชาชน แล้วนำคำถามดังกล่าวมาผลิตเป็นรายการสารคดีสั้น เวลาประมาณ 1-2 นาที ออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีช่องต่างๆ นอกจากนี้ ทีมโฆษกยังเตรียมจัดรายการ"คุยนอกทำเนียบ" ทุกวันเสาร์ เวลา 11.00 น.-12.00 น. ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ซึ่งจะออกอากาศในเร็วๆนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น ในช่วงเวลา 08.30-09.30 น. ทุกวันอาทิตย์ นายสมัครจัดรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ออกรายการทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ด้วยเช่นกัน


 


 


ยืดเวลา ส.ส.ร.ทำงาน180วัน


เดลินิวส์ -  เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นายสุขุมพงศ์ โง่น คำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ให้สัมภาษณ์กรณี ครม. มีข้อเสนอให้ลดเวลาการทำงาน ส.ส.ร.3 เหลือ 120 วันว่า ความจริงไม่ใช่มติ ครม. เป็นการหารือหลังประชุม ครม. โดยมีรัฐมนตรีบางคนเสนอว่าเวลา 240 วันยาวนานเกินไป ถ้าเป็นไปได้ควรร่นเวลาให้เหลือ 120 วัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ส่งร่างแก้ไขรัฐ ธรรมนูญร่างแรกไปให้ทุกพรรคการเมืองดูแล้ว และในวันเดียวกันนี้ก็จะเชิญตัวแทนแต่ละพรรค รวมถึงตัวแทนวุฒิสภามาพิจารณาว่าจะเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องระยะเวลาในการยกร่างรัฐธรรมนูญ


 



 "คณะกรรมการฯ ยังต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่ายว่าระยะเวลา 120 วันจะเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอก็ต้องเพิ่มระยะเวลา เพราะการร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก่อนเวลาที่กำหนดได้ แต่จะทำเสร็จทีหลังไม่ได้" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ


 



รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การทำงานเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญราบรื่นดีทุกอย่าง และเท่าที่ทราบมี ส.ส. และ ส.ว. บางส่วนมาลงชื่อสนับสนุนให้มีการแก้ไขแล้ว เมื่อถามว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่มีตัวแทนวุฒิสภาเข้าร่วมประชุมกับรัฐบาล นายสุขุมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่หรือส่วนน้อย ต้องรอให้มีการลงชื่อก่อน ส่วนเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมนั้น ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะเรามีเสียงเพียงพออยู่แล้ว


 



นายสุขุมพงศ์ กล่าวด้วยว่า การลดระยะเวลาการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับคดียุบพรรคพลังประชาชน ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถร่างรัฐธรรมนูญได้ทันกับคดียุบพรรคแน่นอน แต่การลดเวลา เพราะต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองให้เร็วเท่านั้น และไม่ได้มีปัจจัยทางการเมืองใด ๆ เป็นพิเศษ และรัฐบาลไม่มีร่างรัฐธรรมนูญเตรียมไว้ ทั้งนี้กระบวนการสรรหา ส.ส.ร.3 กำหนดเวลาไว้ 60 วัน ส่วนระยะเวลาการยกร่างอีก 120 วันรวมเป็น 180 วัน ซึ่งคณะกรรมการฯ ก็ต้องไปประชุมดูว่าจะทำได้หรือไม่จะเหมาะสมเพียงใด



ต่อข้อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าการตั้ง ส.ส.ร.3 จะไม่มีการแทรกแซงจากการเมือง นายสุขุมพงศ์ กล่าวว่า คนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองมีกว่า 30 ล้านคน คงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องถ้าเราไปตัดสิทธิ ในอดีตการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ได้กีดกันสมาชิกพรรคการเมืองก็สามารถร่าง ออกมาได้ดี แต่รัฐธรรมนูญปี 2550 กันสมาชิกพรรคการเมืองออกทำให้รัฐธรรมนูญมีปัญหา อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าในการตั้ง ส.ส.ร. ครั้งนี้ไม่มีฝ่ายการเมืองไปแทรกแซงหรือส่งคนเข้าไปเป็น ส.ส.ร. และคิดว่าไม่ต้องชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป


 



นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเชิญนายสุขุมพงศ์ มาชี้แจงต่อวิปรัฐบาล ส่วนข้อเสนอของ ครม. ที่  ให้ลดเวลาการยกร่างเหลือ 120 วันเท่าที่คุยกับ หลายฝ่ายก็เห็นด้วย เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกลัวว่า ส.ส.ร.3 จะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้ง นายวิทยา กล่าวว่า ความกลัวทำให้เกิดความเสื่อม ทุกคนต้องทำหน้าที่ เราคงหลีกเลี่ยงความเห็นของประชาชนไม่ได้ และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้มาก ๆ


 



นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยกร่างฯ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หยิบยกข้อเสนอของรัฐบาลที่ให้กำหนดกรอบการทำงานของ ส.ส.ร.3 เป็นเวลา 120 วัน โดยที่ประชุมเห็นว่าเป็นการแสดงท่าทีว่ารัฐบาลไม่ติดยึดหรือถ่วงเวลาให้รัฐบาลมีเวลาทำงานมากขึ้น แต่กรอบเวลาดังกล่าวถือว่าสั้นเกินไป ส่วนกรอบเดิม 240 วันถือว่ายาวเกินไป ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นตรงกันว่าน่า จะกำหนดกรอบเวลาการทำงานไว้ที่ 180 วัน น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะการร่างรัฐธรรมนูญต้องทำให้ดี ซึ่ง ส.ส.ร.3 อาจร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก่อน 180 วันก็ได้ ทั้งนี้หากคณะกรรมการยกร่างฯ ชี้แจงกับวิปรัฐบาลในสัปดาห์หน้าแล้วไม่มีปัญหาก็    จะเสนอต่อประธานสภาเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาได้ทันที


 



เลขานุการคณะกรรมการยกร่างฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในส่วนการสรรหาตัวแทนนักวิชาการ 3 สาขา จะให้สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้เสนอรายชื่อโดยไม่จำกัดจำนวน และให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อเลือกกันเอง สำหรับสัดส่วนสาขาอาชีพได้มีการแก้ไขโดยไม่กำหนดให้ต้องมาจากบริษัทที่เป็นนิติบุคคลเพื่อจะได้เปิดกว้างมากขึ้น


 



ฟันธง "พปช." ถูกยุบใน3เดือน


เดลินิวส์ - พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวว่า รัฐบาลคงพยายามแก้ข้อคลางแคลงใจว่ารัฐบาลไม่ได้ดึงเวลาเพื่อยืดอายุรัฐบาล และไม่เกี่ยวกับคดียุบพรรคพลังประชาชนแต่อย่างใด "เชื่อว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาแอบแฝง เพราะอีกไม่เกิน 3 เดือน พรรคพลังประชาชนคงต้องถูกตัดสินยุบพรรค ดังนั้นแม้จะลดกรอบเวลาเหลือ 120 วันก็คงไม่ทันเวลาอยู่ดี"


 



นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลต้องการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จใน 120 วันเพื่อให้ทันการพิจารณาคดียุบพรรคพลังประชาชนว่า ไม่เป็นความจริง และไม่เกี่ยวกัน ส่วนความคืบหน้าในการชี้แจงข้อกล่าวหาคดียุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น พรรคได้ตั้งคณะทำงานนอกจากตนแล้วยังมี นายสุขุมพงศ์ นายยืนหยัด ใจสมุทร นักกฎหมายและทีมทนายความเพื่อยื่นคำชี้แจงภายใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างคำร้อง



รักษาการรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า คำร้องของพรรคจะเน้นประเด็นสำคัญ คือ พรรคและกรรมการบริหารไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำทั้งหลาย และพรรคมีกฎ ระเบียบ กติกา ข้อห้ามปฏิบัติต่าง ๆ เมื่อมีการฝ่าฝืนพรรคก็ได้เรียกมาสอบถาม และชี้แจง   เป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้งมีคณะกรรมการวินัย จรรยาบรรณของพรรคคอยตรวจสอบด้วย



ส่วนกรณี ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษา การโฆษกพรรค ระบุว่าพรรคเตรียมให้ ส.ส.สัดส่วน ที่เป็นกรรมการบริหารลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อเลื่อนลำดับ ส.ส.สัดส่วน ขึ้นมาแทนเป็นการรักษาเสียงในสภาไว้ก่อนที่จะมีการตัดสินคดียุบพรรคนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าคง เป็นการเตรียมการไว้ถ้าเผื่อพรรคถูกยุบ เพราะหากมีการยุบพรรค กฎหมายกำหนดให้สมาชิกพรรค และ ส.ส. ไปสังกัดพรรคอื่นได้ภายใน 60 วัน จึงเกรงว่าถ้ารอถึงเวลานั้นจะทำให้พรรคไม่มีเสียง ส.ส. ในสภา



 


พันธมิตรไม่เชื่อน้ำยา "สล้าง" ลุย


มติชน - นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า พล.ต.อ.สล้างไม่มีอำนาจปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และคงทำไม่ได้ เพราะตำรวจและทหารต้องออกมาดูแล นอกจากนี้ยังทราบมาว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อต่อรองตำแหน่งทางการเมือง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้องคิดให้ดีว่าการปล่อยให้ตำรวจที่เกษียณราชการแล้วมาใช้พื้นที่ ตร.แถลงข่าวนั้นเหมาะสมหรือไม่ ส่วน พล.ต.อ.สล้างจะรับคำสั่งใครมานั้น ตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องดูแลในเรื่องนี้ ถ้า พล.ต.อ.สล้างใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเข้าปิดล้อมทำเนียบ ก็ต้องไม่ละเมิดสิทธิการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาพันธมิตรไม่ได้กดดันพวกนรกป่วนกรุง แต่ถ้าพวกนรกป่วนกรุงใช้ความรุนแรงกับพันธมิตร พวกเราก็มีสิทธิที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการเสียหาย ดังนั้น รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อจะยุติต้นตอของปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น


 


พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า การป้องกันการชุมนุมในทำเนียบ ทำได้เท่าที่จะทำ เพราะถ้ารัฐบาลจะสลายการชุมนุมก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ หากประชาชนทั่วประเทศลุกฮือขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้น


 


 


ส.ว.อัดแผนรบ.ใช้ "สล้าง" จุดรุนแรง


มติชน - นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สล้างจะนำกำลังติดอาวุธเข้าล้อมทำเนียบว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ได้หารือเรื่องนี้ และเห็นว่าเป็นแผนการเปลี่ยนคนมาใช้งาน เพราะก่อนหน้านี้มีการใช้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มามาปลุกปั่นก็ทำอะไรไม่ได้ จึงใช้ พล.ต.อ.สล้างมาเคลื่อนไหว เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีบทบาทในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ถือว่าเป็นอีกเกมหนึ่งของรัฐบาลที่จะยั่วยุทั้ง 2 ฝ่ายให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะใช้กำลังติดอาวุธจากต่างประเทศเข้ามาช่วยอีก ซึ่งจะก่อให้เกิดเงื่อนไขการนองเลือด


 


"ที่ พล.ต.อ.สล้างออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้คงหลีกเลี่ยงความรุนแรงไม่ได้ น่าจะก่อให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น เห็นได้จากการทำบุญเจริญพระพุทธมนต์เพื่อกู้วิกฤตชาติ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้านั้น ปากก็บอกว่าสวมชุดขาวมาทำบุญ แต่ทางกลับกันกับแจกวีซีดี กล่าวหาว่าพันธมิตรทำร้ายประชาชน จากนี้ไปคนที่หน้าเป็นห่วงคือเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เพราะจะเกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ผมไม่เข้าใจว่ารัฐบาลนี้เรือดีๆ ไม่ขี่ข้าม กลับเอาเรือรั่วน้ำมาข้ามขี่ อยากจะได้แต่การงานดีๆ กลับเอาคนผีๆ มาใช้งาน" นายประสารกล่าว


 


 


"จำลอง" ยันพันธมิตรไม่รุนแรง


มติชน -พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวถึงกรณีที่พนักงานทีโอทีและพันธมิตร ขว้างมือตบ ขวดน้ำ และรองเท้าใส่นายสมชาย ที่กระทรวงไอซีที ว่ารัฐบาลไม่ชอบธรรมตั้งแต่รับตำแหน่งจนถึงการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม ในวันที่ 7 ตุลาคม ทำให้เมื่อนายสมชายไปที่ไหนจะถูกตั้งข้อหาเพิ่มขึ้นว่าเป็นนายกฯฆาตกร หากนายสมชายเชื่อพันธมิตรและลาออกตั้งแต่แรกก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ทางพันธมิตรยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเรื่องนี้ มีกระแสข่าวว่าเหตุที่มีการขว้างปามือตบเพราะตำรวจที่รักษาความปลอดภัยของนายกฯต่อยประชาชนก่อน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นมา


 


"ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายของพันธมิตรที่จะใช้ความรุนแรง ส่วนที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนระบุว่า เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานนั้น อยากให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนพิจารณาให้รอบด้านว่าเหตุที่เกิดขึ้นมีต้นเหตุมาจากอะไร" พล.ต.จำลองกล่าว


 


 


กกต.รับรอง 3 ส.ส.เพชรบูรณ์


ไทยรัฐ - นายประพันธ์  นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกต. มีมติประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 จ.เพชรบูรณ์ ตามหนังสือแจ้งมติที่ประชุม กกต.จ.เพชรบูรณ์ว่าควรประกาศรับรองผลเลือกตั้ง เนื่องจากการเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีเรื่องร้องเรียนใดๆ โดยผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่า นายเอี่ยม ทองใจสด นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ และนายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ พรรคพลังประชาชน ได้รับเลือกตั้ง


 


 


พนง.ทีโอที เชียงใหม่ผวาถูกทำร้าย วิทยุปลุกระดม


ไทยรัฐ - นายดำเนิน บุญญะโสภัต ผู้จัดการส่วนบริการลูกค้าจังหวัดเชียงใหม่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่นายกรัฐมนตรีถูกพนักงาน ทีโอที และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตะโกนขับไล่และขว้างสิ่งของใส่ในการไปตรวจเยี่ยมที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นั้น ล่าสุด ได้มีวิทยุชุมชนใน จ.เชียงใหม่ คลื่นหนึ่ง ออกอากาศปลุกระดมมวลชนขอให้ทำลายข้าวของ ทุบตู้โทรศัพท์ของ ทีโอที ในเชียงใหม่ และพนักงานบริษัท ทีโอที


 


 


ผู้จัดการส่วนบริการลูกค้าจังหวัดเชียงใหม่ บริษัท ทีโอที กล่าวว่า พนักงาน ทีโอที ที่ จ.เชียงใหม่ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของพนักงาน ทีโอที ที่กรุงเทพฯ ขณะเดียวกันกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมาจากที่ใดบ้าง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางบริษัท ทีโอที เชียงใหม่ ได้สั่งให้พนักงานทุกคนไม่ต้องสวมแบบฟอร์มมาทำงานแล้ว เนื่องจากเกรงจะถูกทำร้าย


 


 


คนยอมรับได้คอรัปชัน ถ้าทำให้ประเทศรุ่งเรือง


ไทยรัฐ - นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง ศึกษาทัศนคติของประชาชนต่อรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชัน กรณีศึกษาประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 18 จังหวัดของประเทศ จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 3,880 ตัวอย่าง ระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-22 ต.ค. 2551 พบข้อมูลวิจัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยในเวลานี้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 63.2 คิดว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลมีการทุจริตคอรัปชันด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าทุจริตคอรัปชันแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดี อยู่ดี ก็ยอมรับได้ ในขณะที่ร้อยละ 36.8 ไม่ยอมรับแนวคิดเช่นนี้


 


นายนพดล กล่าวต่อว่า ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นไปอีกเมื่อจำแนกประชาชนออกตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ พบว่า ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพ และรายได้ ต่างก็มีแนวคิดทัศนคติในเชิงยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชัน ถ้าทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดี อยู่ดี โดยผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นชายร้อยละ 64 หญิงร้อยละ 62.6 ยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชัน และเมื่อจำแนกตามช่วงอายุ พบว่า ร้อยละ 54.5 ของตัวอย่างที่อายุต่ำกว่า 20 ปี, ร้อยละ 59.6 ของคนที่อายุระหว่าง 20-29 ปี, ร้อยละ 65.2 ของคนอายุ 30-39 ปี, ร้อยละ 67.7 ของคนอายุ 40-49 ปี และร้อยละ 64.2 ของคนอายุ 50 ปีขึ้นไป มีทัศนคติยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชัน


 


ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล กล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเร่งขจัดปัญหาทุจริตคอรัปชัน ก่อนที่บ้านเมืองในอนาคตอันใกล้จะแตกสลาย ยากที่จะเยียวยา เพราะประชาชนส่วนใหญ่กำลังยึดมั่นและมุ่งกอบโกยผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องของตนเป็นสำคัญมากกว่าจะมีจิตสำนึกคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมาต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน


 


 


สิ่งแวดล้อม


กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอกฯ ค้านเวนคืนที่สร้างโรงเหล็ก


มติชน - เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นายสมคิด สาหร่าย กำนันตำบลกุยเหนือ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในการทำพิธีถวายพวงมาลา ที่หน้าที่ว่าการอำเภอ มีการแจกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องการก่อสร้างโรงถลุงเหล็ก ต.เขาแดง ต.ดอนยายหนู และการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ลงนามโดยนายเฉลิมพล มั่งคั่ง นายอำเภอกุยบุรี แจ้งว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมของคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่วนกรณีที่มีการเชิญชวนจัดตั้งมวลชนต่อต้านนั้น อาจทำให้ชาวบ้านสับสน ดังนั้น ขอให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงให้ชาวบ้านทราบว่า อยู่ระหว่างการศึกษา ยังไม่ระบุพื้นที่ก่อสร้างชัดเจน


 


นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการออกกฎหมายเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างอุตสาหกรรมเหล็กกุยบุรี ช่วงที่ 1 ประมาณ 5,000 ไร่ ซึ่งต้องอพยพชาวบ้าน ต.เขาแดง ประมาณ 1,000 ครัวเรือน


 


แหล่งข่าวระดับสูงในอำเภอกุยบุรีกล่าวว่า มีนักการเมืองระดับชาติ 2 คน เข้ามากว้านซื้อที่ดินผ่านนายหน้าที่บริเวณ ต.เขาแดง และ ต.ดอนยายหนู เพื่อรอเก็งกำไรจากการขายให้โครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่


 


ความมั่นคง


ทหาร 2 ฝ่ายถก "เสียมราฐ" วันแรก


มติชน - ผู้สื่อข่าว จ.ศรีสะเกษ รายงานว่า วันนี้เป็นวันแรกของการประชุมร่วมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) ระหว่างนายทหารระดับสูงของไทยกับกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 23-24 ตุลาคมนี้ โดยฝ่ายไทยมี พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนเขมร พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ทำหน้าที่เป็นประธานร่วมกัน และแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มปัญหาด้านความมั่นคง และกลุ่มปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพื่อทบทวนผลความร่วมมือทวิภาคีจากการประชุมอาร์บีซี ครั้งที่ 10 และเตรียมประเด็นเพื่อที่จะหารือกันอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 24 ตุลาคม สำหรับประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นหารือ คือปัญหาความมั่นคงตามบริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะด้านปราสาทพระวิหาร ภายหลังเกิดการปะทะกันของทหาร 2 ฝ่ายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งความร่วมมือตามแนวชายแดนของ 2 ประเทศ


 


สำหรับบรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างการเจรจา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ทหารไทยกับทหารกัมพูชายังคงตรึงกำลังกันอยู่ตามปกติ และเฝ้าติดตามข่าวการประชุมอย่างใกล้ชิด


 


 


ผบ.ฉก.ปัตตานีคนใหม่ลั่นไม่ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก


โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา - พล.ต.ศักดิ์ศิลป์ กลั่นเสนาะ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี (ผบ.ฉก.ปัตตานี) ได้จัดงานพบปะสื่อมวลชนประจำ จ.ปัตตานี ขึ้น ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อไม่กี่วันมานี้


    


พล.ต.ศักดิ์ศิลป์ กล่าวว่า สื่อมวลชนมีความสำคัญมากในการช่วยเป็นหูเป็นตา และช่วยสื่อสารให้คนในพื้นที่และสังคมได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงอย่างแพร่หลาย พร้อมทั้งร่วมกันคิดแก้ไขและพัฒนาพื้นที่ การพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทุกคนล้วนห่วงใยแผ่นดินไทย อยากให้มีความสงบความเจริญ คนไทยทุกคนไม่ว่าสาขาอาชีพใดต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อยโดยเร็วตามความสามารถของแต่ละคน


   


"ผมยืนยันว่าจะน้อมนำแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการทำงาน รวมทั้งแนวทางสมานฉันท์ตามกรอบกฎหมายด้วยความเป็นธรรมและความเสมอภาค ผมไม่อยากให้มีการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้น ผมจะไม่ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก จะใช้แนวทางสันติในการทำงานโดยสานต่อโครงการเก่าและริเริ่มโครงการใหม่" ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าว


               


พล.ต.ศักดิ์ศิลป์ บอกด้วยว่า ทหารทุกนายจะยึดบัญญัติ 10 ประการอย่างจริงจัง คือ 1.ไม่ทำตัวเป็นนายประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพอ่อนโยน 2.ไม่เบียดเบียนประชาชน 3.ไม่ประพฤติผิดต่อลูกเมียผู้อื่น 4.ไม่ดื่มสุราระหว่างปฏิบัติหน้าที่โดยเด็ดขาด  5.ไม่ลุแก่อำนาจ ละเมิดกฎหมาย ไม่กระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่


   


6.ไม่ใช้วาจาหยาบคาย ดูถูก เหยียดหยามประชาชน 7.ไม่ละเลยการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อประชาชน 8.ไม่ละเลยคุณธรรม 9.ไม่ละเมิดประเพณี ความเชื่อทางศาสนาและสิ่งที่ประชาชนเคารพนับถือ และ 10.ไม่เลือกปฏิบัติต่อเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะทำทุกวิถีทางให้พี่น้องในพื้นที่มั่นใจและเชื่อใจ


   


"ทหารเป็นตัวช่วยในการทำงานสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้เกิดกับพี่น้องประชาชนเพื่อร่วมกันทำงานพัฒนาพื้นที่ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน" ผบ.ฉก.ปัตตานี ระบุ


 


 


ผู้ว่าฯนราธิวาสคนใหม่ลุยแก้เศรษฐกิจ-การศึกษา มุ่งสร้างความเข้าใจ


โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา -นายวินัย ครุวรรณพัฒน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงนโยบายการทำงานในพื้นที่ หลังเดินทางมารับตำแหน่งใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า จะยึดนโยบายในภาพรวมของรัฐบาล และนโยบายของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ตลอดจนนโยบายของกองทัพภาคที่ 4 เพื่อสานต่องานต่อไป โดยจะเน้นในเรื่องของสังคมจิตวิทยา เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว


   


"งานการแก้ปัญหาความไม่สงบเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเป็นหลัก ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะต้องให้การสนับสนุน โดยดำเนินการภายใต้นโยบายสันติสุขและความสมานฉันท์ ซึ่งในส่วนของผมจะเน้นในเรื่องสังคมจิตวิทยา (การสร้างความเข้าใจอันดี) ซึ่งถือเป็นงานสำคัญที่จะต้องดำเนินการโดยด่วน ผมจะพยายามทำให้นราธิวาสซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวให้ได้เหมือนในอดีต"


   


ส่วนงานการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนนั้น ผู้ว่าฯนราธิวาสคนใหม่ กล่าวว่า  จะต้องเร่งพัฒนาหลายด้าน เพราะในพื้นที่ถือว่าคุณภาพชีวิตของประชาชนต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ มาก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการศึกษา ฉะนั้นทางจังหวัดจำเป็นต้องสนับสนุนการพัฒนาในส่วนนี้ให้ทัดเทียมกับจังหวัดอื่นๆ และภูมิภาคอื่นๆ โดยเร็วที่สุด


 


 


เศรษฐกิจ


อาเซียน+3 หารือนอกรอบอาเซม


ไทยรัฐ - นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) วันที่ 23-25 ต.ค.นี้ ที่นครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศไทยจะขอหารือนอกรอบในกลุ่มอาเซียน+3 ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อให้เกิดประชาคมการเงินของเอเชีย โดยเสนอให้มีความร่วมมือจัดทำ Foreign Reserve Pooling คือนำเงินสำรองระหว่างประเทศบางส่วนมารวมกัน เพื่อใช้ ประโยชน์ร่วมกันในการสร้างเงินทุนพิเศษนำมาป้องกันและพัฒนาเอเชียโดยประมาณว่าควรมีเงินนี้ในจำนวน 10% ของเงินสำรองระหว่างประเทศของแต่ละประเทศในกลุ่ม หรือประมาณ 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อนำไปลงทุนในพันธบัตรและเงินฝากที่เป็นสกุลเงินของเอเชียเป็นหลักก่อน และนำไปใช้แก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาวของสมาชิกต่อไป "ขณะนี้จีนมีเงินสำรองระหว่างประเทศ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็นำมาลงได้ถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯก็นำมาลงได้ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ"


 


รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวถือเป็น 1 ใน 4 เรื่องที่ไทยเตรียมเสนอต่อกลุ่มอาเซียน+3 ให้เห็นชอบร่วมกันก่อน จากนั้นจะหารืออีกครั้งในการประชุมอาเซียนที่ประเทศไทยช่วงสิ้นปีนี้ ส่วนอีก 3 เรื่องที่จะเสนอต่อที่ประชุมประกอบด้วย 1. การสร้างความมั่นใจว่า จะไม่มีสถาบันการเงินขนาดใหญ่ล้มลงในเอเชีย และการพิจารณาการค้ำประกันเงินฝากในระดับที่เหมาะสม 2. การขยายความร่วมมือทางการเงินเพื่อการกู้ยืมเงินภายใต้ความริเริ่มเชียงใหม่ (ChiangMai Initiatives) จาก 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้มีสภาพคล่องในระบบการเงินอย่างเพียงพอ หากสมาชิกมีปัญหา 3. ดำเนินการตามโครงการ Asian Bond New Deal โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเอาเงินทุนที่มีอยู่ในเอเชีย โดยเฉพาะกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง (Sovereign Wealth Fund) มาใช้ในการลงทุนในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ที่ดี และการลงทุนในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เอเชียยังต้องการอีกมากในวงเงินอย่างต่ำ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


 


 


รับปากนักท่องเที่ยวอาเซียนจะไม่มีปิดสนามบินอีก


ไทยรัฐ - นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการประชุมความร่วมมือสามเหลี่ยมเศรษฐกิจไทย-มาเลเซีย-อินโดนีเซีย ที่เมืองบาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย ว่า จากปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบทั่วโลกจึงหันมาสร้างตลาดนักท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องว่าต้องมีปรับเปลี่ยนเรื่องการผ่านแดน การศุลกากร ระบบสาธารณูปโภค และการเชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวก


 


นายวีระศักดิ์ ยังระบุว่าอาเซียนไม่ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองของไทย เชื่อว่านักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียและมาเลเซียจะไม่นำการเมืองไทยเป็นปัจจัยในการตัดสินใจไม่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย เนื่องจากการเมืองภายในของทั้ง 2 ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงและชุมนุมบ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ห่วงคือการชุมนุมปิดสนามบิน ซึ่งได้ชี้แจงว่าขณะนี้มีการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่แล้วเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก


 


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวอีกว่า นักธุรกิจไทยยังมีโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ฮาลาลเพื่อบริการนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและอินโดนีเซียที่เคร่งครัดศาสนาอิสลามได้อีกด้วย


 


 


ต่างประเทศ


อังกฤษยัดหลักสูตรเพศสัมพันธ์ แก้ปัญหาวัยรุ่นท้องเก่ง


มติชน - เทลี่ เทเลกราฟ รายงานเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ว่า ทางการอังกฤษเตรียมจะบรรจุหลักสูตรเพศศึกษาในตำราเรียนสำหรับชั้นประถมและมัธยม เพื่อช่วยลดอัตราการตั้งท้องของเด็กนักเรียนหญิงอังกฤษ โดยรายละเอียดคาดว่าจะเปิดเผยในเร็ว ๆ นี้


 


มาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อเดือนนี้ นายจิม ไนท์ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษบอกว่า มีเด็กนักเรียนหนุ่มสาวจำนวนมากไม่รู้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์อย่างไรให้ปลอดภัย ซึ่งสำหรับเขาแล้วถือว่า มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องแก้ไขปัญหานี้


 


รายงานระบุว่า อังกฤษจัดเป็นประเทศที่มีเด็กนักเรียนหญิงตั้งครรภ์มากที่สุดของยุโรป ขณะที่ทางการตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ปี 1999 ว่า จะลดการตั้งครรภ์ดังกล่วลดครึ่งหนึ่งให้ได้ก่อนปี 2010 โดยในปัจจุบัน โรงเรียนอังกฤษมีเพียงหลักสูตรการสอนเพศศึกษาเพียงผิวเผิน เรื่องแค่ทางชีวกายและการสืบพันธุ์


 


 


สลด!เนปาลบังคับอดีตกษัตริย์จ่ายค่าไฟอ่วม1 ล้านด.


มติชน - สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ว่า นายอาร์จัน การ์กิ หัวหน้าหน่วยงานไฟฟ้าซึ่งรัฐบาลเป็นเจ้าของระบุว่า อดีตกษัตริย์คยาเนนทราของเนปาล และญาติๆ จะต้องจ่ายเงินค่าไฟฟ้าเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ หรือราวกว่า 34 ล้านบาท นับตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งพระองค์ได้ยึดอำนาจเป็นกษัตริย์เนปาลอย่างเบ็ดเสร็จ โดยนายอาร์จัน กล่าวว่า บิลค่าไฟดังกล่าวครอบคลุมอาคารและที่พัก 22 แห่ง ซึ่งจำนวนมากเป็นที่พักส่วนตัวของคเยนทรา และของลูกสาว น้องสาว และญาติลูกพี่ลูกน้อง โดยบริษัทได้ขีดเส้นตายเป็นเวลา 15 วัน หากไม่ปฎิบัติจะต้องถูกตัดไฟ


 


รายงานระบุว่า สำหรับอดีตกษัตริย์คยาเนนทรา ต้องสละราชสมบัติเมื่อเดือน เม.ย.ปี 20085 จากเหตุการณ์การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านการปกครองแบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จของพระองค์ โดยภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รัฐสภาเนปาลซึ่งเต็มไปด้วยส.ส.พรรคลัทธิเหมา ได้ลงมติยุบสถาบันกษัตริย์ และบังคับให้พระองค์ออกจากพระราชวังหลวง


 


ปัจจุบัน อดีตคิงเนปาล อาศัยอยู่ในสถานที่พำนักติดตามกับเมืองหลวงกาฐมาณฑุ และคาดว่าพระองค์จะกลับมาอาศัยยังสถานที่พำนัเดิมที่เขาเคยอาศัยมาก่อนเป็นกษัตริย์เมื่อปี 2001 หลังจากกษัตริย์พิเรนทรา ทรงสิ้นพระชนม์จากเหตุการณ์สังหารหมู่ในพระราชวงศ์ และสถานที่พำนักทั้งสองยังถูกขึ้นบัญชีว่าจะต้องจ่ายค่าไฟ มิเช่นนั้นจะถูกตัดค่าไฟด้วย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net