เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 ระบุเนื้อหาว่า ตามที่ รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่การสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอาจเกิดความรุนแรงก่อให้เกิดการเสียชีวิตเลือดเนื้อขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง นั้น
เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม จึงขอเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
1.การยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง แม้จะผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น ก็ไม่ก่อให้เกิดความชอบธรรมในการสลายผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเสียชีวิตเลือดเนื้อขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและตัวแทนผู้มีอำนาจเต็มของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 1 คน มาร่วมกันสานเสวนาเพื่อหาทางออกให้ประเทศโดยสันติวิธี โดยเครือข่ายสานเสวนาฯ พร้อมที่จะเป็นคนกลางจัดสถานที่และวิธีการสานเสวนาให้
2.ในระหว่างการสานเสวนายังไม่ได้ข้อยุติที่ยอมรับกันได้ ทุกฝ่ายจะต้องไม่สร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น
3.ขอให้ตำรวจและทหารในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ตั้งด่านตรวจค้นอาวุธและปลดอาวุธทุกฝ่ายในทุกจังหวัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง และต้องป้องกันมิให้มีการยิงหรือใช้อาวุธลอบทำร้ายซึ่งกันและกันรายวันอย่างที่ผ่านมา รวมทั้ง ต้องป้องกันมิให้กลุ่มประชาชนผู้ขัดแย้งปะทะกันโดยเจ้าหน้าที่วางเฉย หากเจ้าหน้าที่วางเฉยย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา
เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ขอย้ำว่า ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายใดก็ตามไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่ซับซ้อน มีแต่จะสร้างความร้าวฉานที่ยากจะเยียวยา และเป็นบาดแผลที่ยิ่งลึกและกว้างของสังคมไทย การสานเสวนาและสันติวิถีเท่านั้นที่จะเป็นทางออกของทุกฝ่าย
อนึ่ง เพื่อยืนยันหลักการนี้ สภาพัฒนาการเมือง ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ "ยุติความรุนแรง แสวงสันติด้วยการสานเสวนา" ขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2551 ใน 37 จังหวัดทั่วประเทศ