เมื่อเวลาประมาณ 22.00น. ของวันที่ 11 ม.ค.52 นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ได้รายงานผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. แบบแบ่งเขตแทนตำแหน่งที่ว่าง 22 จังหวัด 26 เขตเลือกตั้ง จำนวน 29 คน อย่างไม่เป็นทางการประกอบด้วย
1. กทม. เขต 10 นาย ณัฎฐพล ทีปสุวรรณ พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 72 , 909
2 . ฉะเชิงเทรา เขต 1 นาย รัชพล ตันเจริญ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้คะแนน 52,451
3 . นครปฐม เขต 1 นาย มารุต บุญมี พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 104,409
4 . นครพนม เขต 1 นาย สุริยา พรมดี พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 48,559
5 . นราธิวาส เขต 2 นาย นิอาริส เจตาภิวัฒน์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 47,931
6 . บุรีรัมย์ เขต 2 นาย จักรกฤษ ทองศรี พรรคประชาราช ได้คะแนน 84,673
บุรีรัมย์ เขต 4 นาย พีระพงษ์ เฮงสวัสดิ์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้คะแนน 66,180
7 . ปทุมธานี เขต 1 นางชนากานต์ ยืนยง พรรคประชาราช ได้คะแนน 86 , 078
8. มหาสารคาม เขต 1 นาย ขจิตร ชัยนิคม พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 74,059
9. ร้อยเอ็ด เขต2 นาย ปิยะรัช หมื่นแสน พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 109,601
10. ราชบุรี เขต 1 นาย ยศศักดิ์ ชีววิญญู พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 144,199
11. ลพบุรี เขต 1 นางสาว มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 104,968
12. ลำปาง เขต 1 นายสมโภช สายเทพ พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 95 ,602
13. ลำพูน เขต 1 นาย ขยัน วิพรหมชัย พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 85,828
14. ศรีษะเกษ เขต 1 นาย สุตา พรมดวง พรรคประชาราช ได้คะแนน 66,402
ศรีษะเกษเขต 2 นางสาว จิรวดี จึงวรานนท์ พรรคประชาราช ได้คะแนน 88,612
15. สมุทรปราการ เขต 1 นางสาวสรชา วีรชาติวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 70,138
16. สระบุรี เขต 2 นาย องอาจ วงษ์ประยูร พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 72,690
17. สิงห์บุรี เขต 1 นาย โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 51,940
18. สุพรรณบุรี เขต 1 นาย นพดล มาตรศรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 137,866
สุพรรณบุรี เขต 1 นาย ชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 132,760
สุพรรณบุรี เขต 1 นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 129,808
สุพรรณบุรี เขต 2 นาง พัชรี โพธสุธน พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 108,451
สุพรรณบุรี เขต 2 นาย เจรจา เที่ยงธรรม พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 103,746
19. อ่างทอง เขต 1 นาย ภคิน ปริศนานันทกุล พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 72,380
20. อุดรธานี เขต 2 นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 83,477
21. อุทัยธานี เขต 1 นาย อดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 81,422
22. อุบลราชธานี เขต 2 นาย อุดร ทองประเสริฐ พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้คะแนน 86,690
อุบลราชธานี เขต 3 นาง อุดร จินตะเวช พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 92,078
โดยจำแนกเป็น พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 10 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 7 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 5 ที่นั่ง พรรคประชาราช 4 ที่นั่ง และพรรคเพื่อแผ่นดิน 3 ที่นั่ง โดยจำนวนผู้มาใช้สิทธิและสถิติบัตรดีบัตรเสีย กกต. จะสรุปผลที่แน่นอนให้ทราบภายในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับคะแนนอย่างเป็นทางการ แต่เบื้องต้นคาดว่ามีประชาชนมาใช้สิทธิประมาณ 50 %
นายอภิชาตกล่าวต่อว่า นับตั้งแต่เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุ การเลือกตั้ง ส.ส. มีการแจ้งเบาะแสทั้งสิน 26 เรื่อง แบ่งเป็นการซื้อเสียง แจกเงินแจกของ 16 เรื่อง เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลาง 2 เรื่อง ใส่ร้ายป้ายสีสองเรื่อง และเรื่องอื่นๆ 6 เรื่อง
นายอภิชาตระบุว่าการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งหากเขตใดไม่มีเรื่องร้องเรียน กกต. จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งงได้ภายในเจ็ดวันทำการ แต่หากมีเรื่องน้องเรียนก็จะพิจารณาโดยเร็วและจะประกาศรับรองผลภายในสามสิบวันนับแต่วันเลือกตั้ง
ลำพูนคะแนนสุดสูสีระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย
บรรยากาศหลังปิดหีบเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำพูน ทุกหน่วยเลือกตั้งต่างสรุปตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์และนับคะแนนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผลการนับคะนนล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น.ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กกต.เขต จังหวัดลำพูน ภายในศาลากลางจังหวัดลำพูน
โดยผลคะแนนช่วงค่ำ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ได้ 33,737 คะแนน นายขยัน วิพรหมชัย หมายเลข 2 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 36,369 คะแนน และสุดท้ายนางอาภาภรณ์ พุทธปวน หมายเลข 3 พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 17,602 คะแนน มีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 213 เสียง และบัตรเสีย 123 เสียง
คะแนนเพื่อไทย-ปชป.เฉือนดุสลับไล่ตามหืดขึ้นคอ
บรรยากาศการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่จ.ลำพูน ล่าสุดแตั้งแต่เวลา 18.30 น.เป็นต้นมา ได้มีกองเชียร์มารอลุ้นผลคะแนนจากหน้าจอโปรเจคเตอร์ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งกกต.เขต ภายในศาลากลางจังหวัดลำพูนอย่างหนาตาขึ้น โดยคะแนนของผู้สมัครหมายเลข 1 นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล พรรคเพื่อไทย ตีคู่มาอย่างขับเคี่ยวกับนายขยัน วิพรหมชัย หมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งซ่อมส.ส.จ.ลำพูน อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฎว่า ผู้สมัครหมายเลข 2 คือ นายขยัน วิพรหมชัย พรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนนำนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย กว่า 1 หมื่นคะแนน ซึ่งผลดังกล่าวถือว่าพลิกความคาดหมาย
ปากน้ำ ปชป.ชนะเพื่อไทยหมื่นกว่า
การนับคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการเขต 1 เป็นดังนี้
ผู้สมัครหมายเลข 1 นางอรุณลักษณ์ กิจเลิศไพโรจน์ พรรคเพื่อไทย -ได้ 55,170 คะแนน
ผู้สมัครหมายเลข 2 น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา พรรคประชาธิปปัตย์ - ได้ 70,138 คะแนน
ผู้สมัครหมายเลข 3 นายโชคชัย ไทยพิชิตบูรพา พรรคสาธารณชน - ได้ 1,224 คะแนน
ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 147,875 คน
เฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์ ได้ 44.22 %
"ณัชพล ตันเจริญ" พรรคเพื่อแผ่นดินเข้าวินที่แปดริ้ว
เมื่อเวลา 18.00 น. หลังเสร็จสิ้นการนับคะแนนหน้าหน่วยเลือกตั้ง ซ่อม ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ฉะเชิงเทรา อย่างไม่เป็นทางการ ล่าสุด จากการรายผลมายังศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา ครอบคลุมพื้นที่การเลือกตั้งครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่การเลือกตั้งแล้วปรากฏว่า นายณัชพล ตันเจริญ ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้คะแนนรวม 52,192 คะแนน นำทิ้งห่างจากคู่แข่งมากถึง 10,179 คะแนน
ขณะที่ นายสิครินทร์ จันทรศร ผู้สมัครหมายเลข 3 จากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนตามหลังอยู่ที่ 42,013 คะแนน ส่วน นางสุธาทิพย์ ตันเจริญ ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคประชาราช มีคะแนนรั้งท้ายอยู่ที่ 5,219 คะแนน ซึ่งถือว่านายณัชพล ตันเจริญ ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้อย่างไม่เป็นทางการด้วยวัยเพียง 26 ปี
โดยนายชูเกียรติ โรจนาภินันท์ ผอ. กกต.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า คาดว่าจะสามารถรวบรวมคะแนนที่ถูกต้องทั้งหมดได้ ภายในเวลา 19.00 น. ซึ่งคาดว่าจะมียอดผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 60 ขณะในพื้นที่เลือกตั้งยังไม่มีเรื่องร้องเรียนใดๆ เกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอผล การเลือกตั้งจากทางอำเภอแต่ละอำเภอส่งยืนยันเข้ามา
ลูกเสี่ยตือยิ้มล่า หลังคว้าชัยชนะเพื่อไทยขาดลอย
หลังจากทางกกต.ได้จัดให้มีการเลือกตั่งซ่อม ส.ส.ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในวันนี้ที่ จ.อ่างทอง ได้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.แทนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย โดยมีผู้สงสมัครรับเลือกตั้ง 3 คนคือ เบอร์ 1 คือนายภคิน ปริศนานันทกุล พรรคชาติไทยพัฒนา ลูกชายคนเล็กของนายสมศักดิ์ ที่ส่งลงแทนตัวเอง เบอร์ 2 น.ส.เพ็ญชิสา หงส์อุปถัมภ์ชัย จากพรรคเพื่อไทย และเบอร์ 3 น.ส สุวภัทร พลกลาง ซึ่งหลังจากมีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงามีผู้มาลงคะแนนใช้สิทธิ์กันบางตา
โดยหลังจากมีการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งปรากฏว่า นายภคิน ได้คะแนน 71,781 คะแนน น.ส.เพ็ญชิสา ได้คะแนน 39,255 คะแนน น.ส สุวภัทร พลกลาง ได้คะแนน 3,036 คะแนน ทำให้ลูกชายคนเล็กของเสี่ยตือ ได้เป็นส.ส.อ่างทองอย่างไม่เป็นทางการ สามารถเอาชนะคู่แข่งของพ่อได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง
"เฉลิม"ขอ 8 เสียงซ่อมส.ส.-ลั่นศึกซักฟอกรัฐบาลลำบากแน่
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวหลังปิดหีบเลือกตั้ง
ร.ต.อ.เฉลิม แถลงว่า การเลือกตั้งปิดหีบลงแล้ว ตนรับหน้าที่หาเสียงในภาคอีสาน 6 จังหวัด ส่งผู้สมัครรวม 7 คน จากผลการปราศรัยมั่นใจว่าน่าจะได้หลายที่นั่ง เพราะประชาชนให้ความสนใจ และพรรคทุ่มเทเต็มที่ ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยและปฏิบัติตามกฎหมาย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชาชนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนรากหญ้า แม้การยุบพรรคที่ผ่านมาจะเสีย ส.ส.ไป 13 คน แต่เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อม พรรคเพื่อไทย ส่งผู้สมัครลงพื้นที่เดิม 11 คน และส่งลงแข่งขันในพื้นที่ใหม่ 8 คน รวม 19 คน ส่วนตัวมั่นใจได้ 8 ที่นั่ง และผลการเลือกตั้งที่จะออกมานั้นหากจะแพ้หรือชนะก็ไม่เป็นไรเพราะทุกคะแนนคือแรงใจที่พรรคได้รับ แต่อีกฝ่ายนั้นกลับมีตัวช่วยเยอะ พรรคจะได้กี่คนก็ดีใจหมดและขอบคุณลงกลางดวงใจประชาชนในเขตที่ได้รับเลือกตั้งและเขตที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
"ที่ผ่านมาสื่อมวลชนถามในเรื่องตัวเลขเยอะมากว่าหากพรรคชนะเยอะ รัฐบาลจะเป็นอย่างไร ผมก็บอกได้ว่ารัฐบาลจะลำบาก ผมเล่นการเมืองมานานแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจฯที่จะมีขึ้นนั้น ฝ่ายค้านเอาชนะรัฐบาลด้วยคะแนนเสียงไม่ได้แต่เรื่องนี้มันอยู่ที่ข้อมูล หากรัฐบาลทำผิดก็อยู่ไม่ได้ เช่นสปก. 4-01 และการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯนั้นฝ่ายค้านจะเสนอข้อมูลที่มั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้แน่นอนและคนในฝ่ายรัฐบาลจะหนักใจที่จะสนับสนุน " ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวและว่าเอกสารบางชิ้นที่ตนมีอยู่นั้น มีการโอนเงินเข้าบางพรรคและรออีกนิดตนจะเปิดเผยแน่นอน
เมื่อถามว่า การเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญจะยื่นอภิปรายฯเลยหรือไม่ ร.ต.อเฉลิมกล่าวว่า ยังไม่ได้คิด ส.ส.บางคนอาจพูดเรื่องนี้กับสื่อมวลชนแต่แกนนำพรรคยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่รัฐบาลที่ขึ้นมาอย่างไม่สง่างามควรพิจารณาตัวเอง พรรคประชาธิปไตยต้องมาจากศรัทธาประชาชน และกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจ้างล็อบบี้ยิสต์โจมตีประเทศนั้น เพียงเท่านี้ก็ผิดแล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ส่งตัวแทนไปยึดทำเนียบฯและสนามบิน โดยเฉพาะนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศปราศรัยด่าประเทศเพื่อนบ้านหยาบคายและชื่นชมการยึดสนามบิน เพียงแค่นี้มันเลวร้ายที่สุดแล้วไม่ต้องจ้างใครมาโจมตี
"วันนี้นายกฯอยู่ลำบากเพราะนางเนียม พันธุ์มณี เสียชีวิตและอ้างใครไม่ได้แล้ว ตนขอท้านายกฯดีเบตทางโทรทัศน์ 2 ชั่วโมง นายกฯคุยโม้ว่าเก่ง จบจากอังกฤษ มาเจอตนเอ็มไอทีไทยแลนด์หน่อยเป็นไร " ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
เมื่อถามว่า หากจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเลือกใครเป็นผู้นำฝ่ายค้าน นายยงยุทธ กล่าวว่าตนไม่มีความเหมาะสมและเงื่อนไขทางกฎหมายนั้นตนก็เป็นไม่ได้อยู่แล้วแต่คิดว่าร.ต.อ.เฉลิม เหมาะสมที่สุดในช่วงวิกฤต แต่เรื่องนี้คิด ว่าอีกไม่นานและรอการปรับโครงสร้างพรรคให้เสร็จก่อน และวันที่ 13 ม.ค.พรรคจะหารือในเรื่องนี้
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ปฏิเสธว่า จะไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่หากจะขอให้ทำหน้าที่นี้หรือรักษาการไปก่อนก็ยินดี
"อภิสิทธิ์"มั่นใจ ปชป.กวาด 7 ที่ซ่อม ส.ส.
เมื่อเวลา 18.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ว่า การเลือกตั้งทั้งผู้ว่าฯ กทม. และเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 26 เขตว่า ขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่ไปลงคะแนนเสียงในวันนี้ ซึ่งถือได้ว่า เป็นการไปยืนยันความหวงแหนในสิทธิ ที่พึงมีในระบอบประชาธิปไตย และกราบขอบคุณประชาชนที่ได้ให้ความไว้วางใจทั้งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในส่วนของผู้ว่า ฯกทม.และ ส.ส. ที่พรรคส่งลงสมัคร 9 เขต ที่คาดว่า จะได้รับการเลือกตั้ง 7 เขต บวกกับคะแนนเสียงที่ กทม.ก็ค่อนข้างชัดว่า พรรคได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า งานในสภาที่ประชาชนได้กรุณาเพิ่มที่นั่ง ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลในสภา มีความราบรื่นขึ้น และเขาจะถือว่า เป็นความไว้วางใจที่เพิ่มความรับผิดชอบของเขา ในการที่จะผลักดันนโยบายต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ ตามความคาดหวังของประชาชน
เมื่อถามว่า ทำให้ปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงจะช่วยลดปัญหาตรงนั้นได้ เพราะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ก็ไม่สามารถลงคะแนนได้
เมื่อถามว่า เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นจำเป็นต้องมีการปรับ ครม.เพื่อเกลี่ยตำแหน่งหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีความจำเป็น เพราะเข้าใจว่า มีการพูดคุยกันแล้วในช่วงที่มีการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่า หลังจากนี้จะไม่มีการปรับ ครม.ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว เขาคิดว่า ขณะนี้เมื่อรัฐบาลตั้งขึ้นมา ก็คงจะเดินหน้าต่อไป ยกเว้นจะมีความจำเป็นในการปรับเปลี่ยน
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคร่วมได้เสียงเพิ่มขึ้น แล้วมาขอต่อรองตำแหน่งกันใหม่ จะพิจารณาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องมาต่อรอง ขอเรียนว่า จริง ๆ แล้ว ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค สัดส่วนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือกระทบกันมากนัก จะมีกรณีของพรรคชาติไทยเดิม ที่เปลี่ยนมาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งตรงนั้นได้มีการประเมินกันไว้ล่วงหน้าแล้ว
ชทพ.เตรียมหารือปรับครม.หลังได้เพิ่ม 10 ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศพรรคชาติไทยพัฒนาภายหลังจากปิดหีบเลือกตั้งส.ส.ว่า เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีแกนนำคนสำคัญของพรรคเดินทางเข้ามาที่พรรคแม้แต่คนเดียว มีเพียง นายกฤต รัตนคามินี หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาและนายกมลวิทย์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนาที่เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคชาติไทยเดิม ซึ่งขณะนี้ได้มีการมีการเตรียมแก้ไขป้ายชื่อพรรคเดิมของพรรคชาติไทยมาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว
โดยนายกฤต กล่าวว่า ล่าสุดตรวจสอบแล้วอย่างเป็นทางการพรรคชาติไทยพัฒนาได้ส.ส.ทั้งหมด 10 คน จากที่ส่งไปทั้งหมด 13 คน พื้นที่ที่ไม่ได้คือจังหวัดอุบลราชธานี ศรีษะเกษ และบุรีรัมย์ ซึ่งก็น่าเสียดายมากในส่วนของ จ.ศรีษะเกษเพราะพรรคชาติไทยพัฒนาหวังไว้ แต่แพ้พรรคประชาราชไป 6,000 คะแนน แต่อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่ลงให้พรรคชาติไทยพัฒนา และเชื่อว่า 10 เสียงที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้มาเพิ่มนั้นก็จะสร้างเสถียรภาพให้กับพรรคชาติไทยมากยิ่งขึ้น
"จากเดิมที่พรรคชาติไทยพัฒนาไม่สามารถเสนอกฎหมายได้เพราะเสียงไม่ถึง 22 เสียงแต่เมื่อมาเพื่ออีก 10 เสียงก็สามารถเสนอกฎหมายเข้าไปได้ จากนี้ไปก็คงต้องรอกกต.รับรองผู้สมัครอย่างเป็นทางการต่อไป" นายกฤตกล่าว
ขณะนี้นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาให้สัมภาษณ์ว่า ถือว่าพรรคชาติไทยพัฒนาได้รับความไว้วางใจจากประชาชนระดับหนึ่ง และพรุ่งนี้( 12 ม.ค.)ก็อาจจะมีการหารือกันภายในพรรค ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีก็คงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง ซึ่งเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำน่าจะเห็นศักยภาพของพรรคชาติไทยพัฒนามากยิ่งขึ้น แต่เชื่อว่าการปรับครม.คงไม่ปรับในทันที แต่คงต้องให้แต่ละคนทำงานต่อไปก่อน และเข้าใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะหารือกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
เรียบเรียงจาก: http://www.komchadluek.com
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)