Skip to main content
sharethis

 









 


21 มี.. 52 - จากที่เครือข่ายคนทำงานด้านเอดส์ เพศศึกษา เยาวชน สตรี และกลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศได้ร่วมกันจัดงาน งาน "เชียงใหม่เกย์ไพรด์ ครั้งที่ 2" เพื่อรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการป้องกันเอชไอวี ปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก ลดอคติ และสร้างความเข้าใจต่อสิทธิของคนกลุ่มน้อยทางเพศ เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2552 ในวันดังกล่าว "กลุ่มเสื้อแดง" ใช้ชื่อว่า "กลุ่มรักเชียงใหม่ 51" ได้เปิดเวทีประณามการจัดงาน และเข้าปิดล้อมพื้นที่ ต่อต้านการเดินขบวนพาเหรดจนไม่สามารถจัดงานได้ เครือข่ายฯ จึงได้ร่วมกันจัดงานเสวนาครบรอบ 1 เดือนจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในวันที่ 21 มีนาคม 2552 และร่วมกันเดินรณรงค์โบกธงสีรุ้ง เรียกร้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเท่าเทียมและความเสมอภาคของคนรักเพศเดียวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


นายกิตตินันท์ ธรมธัช นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย กล่าวในวงเสวนาว่า "รัฐไม่ได้เป็นที่พึ่งของพวกเรา การที่รัฐกดดันจากความรู้สึกไม่เห็นด้วย เป็นการไร้เมนุษยธรรม การปฏิเสธไม่ให้เดินพาเหรด เพราะเชื่อ่า ทำลายวัฒนธรรม เป็นการกล่าวหา มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำลายวัฒนธรรม เพราะเราไม่ได้แก้ผ้า การเกิดเหตุการณ์ถูกปิดล้อม และราชการบอกให้เรายอมเป็นการส่งเสริมให้อีกกลุ่มเหิมเกริม กดดันไม่ให้เกิดการเดินพาเหรด"


พงศ์ธร จันทร์เลื่อน หนึ่งในผู้ร่วมจัดและต้องตกอยู่ในเหตุการณ์ถูกปิดล้อม สะท้อนความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "เราไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นกับผู้กล่าวร้ายต่อเรา หลายคนที่อยู่ที่นั่นยอมให้คนที่เราไม่รู้จักยืนด่าทอ ตอนแรกรู้สึกเจ็บปวดต่อถ้อยคำเหล่านั้น แต่มันทำให้เราได้ฟัง และมีสติกับการฟัง เขาต้องเหนื่อยกับการตะโกนด่าพวกเราที่อยู่ในวงล้อมอย่างสงบ วันนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า มันเลวร้าย เหมือนเราไม่ใช่คน และทำให้ผมรู้สึกสูญเสียความเป็นคนจริงๆ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น"


รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล นักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวความคิดเห็นต่อเหตุการณ์และความรับผิดชอบจากรัฐที่ควรเกิดขึ้นว่า "กลุ่มเสื้อแดง กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ต้องละอายต่อการกระทำ และต้องออกมาขอโทษกับการกระทำที่ทำกับเกย์ไพร์ ไม่อย่างนั้น การเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มเสื้อแดงที่ผ่านมาก็เป็นเพียงโวหาร ดีแต่ปาก นอกจากนี้ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อ 21 กุมภาฯ สะท้อนให้เห็นว่า กลไกรัฐพึ่งไม่ได้ และขอประนามกลไกรัฐ ตั้งแต่ผู้ว่าฯ ไปถึงตำรวจที่รับผิดชอบ นอกจากนี้การเพิกเฉยจากรัฐบาลชุดนี้ยังสะท้อนนัยยะถึงการสนับสนุนความรุนแรง"


กิตติพันธ์ กันจินะ ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์สะท้อนความคิดเห็นจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "ผมคิดว่า เรามีหน้าที่พูดและทำในสิ่งที่ถูกต้อง พวกเราเยาวชนยังไม่หมดกำลังใจที่จะทำ เราเลือกที่จะใช้สันติวิธี เพื่อจะสะท้อนความจริงใจ สิ่งที่ต้องบอกกับสังคม คือ รักเพศเดียวกันเป็นทางเลือกของชีวิต เราต้องมั่นใจและต้องอยู่ได้ เพราะตอนนี้รู้สึกได้ว่า เราอยู่ในความหวาดกลัวมากๆ"


หลังการเสวนาได้มีการจุดเทียนเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ และร่วมกันเดินขบวนรณรงค์ไปตามถนนราชดำเนินไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกล่าวแถลงการณ์ถึงการใช้ความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าสลดใจอย่างยิ่ง  การใช้วัฒนธรรมมาเป็นเหตุผลกระทำรุนแรงและการเพิกเฉยของตำรวจกว่าร้อยนายที่อยู่ในเหตุการณ์เท่ากับอนุญาตให้กลุ่มเสื้อแดงใช้ความรุนแรง ทางเครือข่ายขอทวงถามความเป็นธรรมและจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องทุกเดือน


อนึ่ง ก่อนหน้านี้ (เมื่อวันที่ 14 มี.. 52) กลุ่มเสาว์ซาวเอ็ด ได้ออกแถลงการณ์ "การละเมิดสิทธิ และการใช้ความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ ๕๑ ต่อกลุ่มผู้เดินขบวนงานเชียงใหม่เกย์ไพร์ด"


 







 


แถลงการณ์ของกลุ่มเสาว์ซาวเอ็ด


 


การละเมิดสิทธิ และการใช้ความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ ๕๑


 


ต่อกลุ่มผู้เดินขบวนงานเชียงใหม่เกย์ไพร์ด


 


 


 


งานเชียงใหม่เกย์ไพร์ด" เสาร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์"เป็นงานที่จัดร่วมกันขององค์พัฒนาเอกชน๒๒ กลุ่มจากเครือข่ายผู้ทำงานด้านเอดส์ เพศศึกษา  เยาวชน  สตรี และด้านสิทธิมนุษย์ของชนกลุ่มน้อยทางเพศ วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการป้องกันเชื้อเอชไอวีในหมู่ชายรักชาย สร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิของชนกลุ่มน้อยทางเพศ รณรงค์เรื่องปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก และมุ่งให้มีการลดอคติและการกดขี่ผู้หญิงและผู้ติดเชื้อเอชไอวี


 


ในช่วงเย็นของวันดังกล่าว บริเวณถนนท่าแพ ตรงข้ามจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่อันเป็นจุดนัดพบเพื่อเริ่มต้นขบวนพาเรดนั้น  มีสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่๕๑จำนวนมากใช้รถบรรทุกที่มีเครื่องขยายเสียงดังและสมาชิกจำนวนมากทำการปิดล้อมและกักขังคณะผู้จัดและกลุ่มคนที่เตรียมการเดินขบวนงานเกย์ไพร์อันประกอบด้วยกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน กลุ่มคนข้ามเพศ และเครือข่ายองค์การพัฒนาสังคมที่ทำงานด้านเอดส์ และสิทธิมนุษยชนจากภาคเหนือ ให้อยู่ในตึกพุทธสถาน เป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมง โดยที่ตลอดช่วงเวลาดังกล่าวสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงได้ผลัดกันตะโกนด่า สาปแช่งเกย์และกะเทยด้วยถ้อยคำรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีการกระจายกลุ่มผู้ชายหลายคนไปปิดล้อมวัดอุปคุตอันเป็นช่องทางที่คนสามารถเดินเข้าไปในพุทธสถานได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องการมาร่วมเดินขบวนเข้าไปรวมตัวกับกลุ่มที่ถูกปิดล้อมอยู่ในพุทธสถาน ในการปลุกระดมให้คนมาร่วมกันต่อต้านการทำกิจกรรมนั้น ผู้ที่ใช้เครื่องขยายเสียงและด่าทอได้กล่าวหาว่ากลุ่มผู้เดินขบวนเป็นพวกเสื้อเหลืองและเป็นคนของรัฐบาลส่งให้มาเดินขบวน


 


ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มมีกลุ่มกัลยาณมิตรของคณะผู้จัดงานประมาณ๓๐ คนซึ่งในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติร่วมอยู่ด้วย กลุ่มนี้ตั้งใจจะมาร่วมงานเดินขบวนด้วยแต่เมื่อมาถึงสถานที่ดังกล่าวพบว่าประตูพุทธสถานถูกปิดล้อมโดยสมาชิกกลุ่มเสื้อแดง  คณะที่มาสมทบดังกล่าวจึงได้ร่วมกันนั่งภาวนาที่หน้าวัดอุปคุตเพื่อเป็นประจักษ์พยานไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่ถูกปิดล้อมอยู่ข้างในพุทธสถาน กลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนได้ผลัดเปลี่ยนกันมาด่าว่ากลุ่มที่นั่งภาวนาอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน และในช่วงท้ายสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงที่อยู่บนรถบรรทุกที่ขับผ่านหน้ากลุ่มคนที่นั่งภาวนาได้โยนเศษอาหาร แก้วน้ำและก้อนหินมายังกลุ่มที่นั่งภาวนากันอยู่ มีสมาชิกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากก้อนหินที่ขว้างปาลงมาจากรถบรรทุก


 


ในช่วงระหว่างที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าร้อยนายประจำอยู่ทั้งในและนอกพุทธสถานแต่ไม่ได้กระทำการใดๆที่เป็นการห้ามปรามกลุ่มเสื้อแดงที่กระทำความรุนแรงอยู่ แม้ได้รับการร้องขอจากกลุ่มที่นั่งภาวนาอยู่หน้าวัดอุปคุตให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเพื่อให้ดูแลความปลอดภัยของพวกตน แต่ตำรวจปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลว่ามีกำลังไม่พอ และขอให้กลุ่มคนที่นั่งภาวนาอยู่กลับบ้านไป  ในช่วงหนึ่งผู้จัดงานท่านหนึ่งต้องการเดินผ่านประตูพุทธสถานแต่ถูกกลุ่มเสียงแดงผลักประตูปิดอย่างแรงจนแขนได้รับบาดเจ็บต้องไปหาหมอเพราะแขนมีอาการบวมมาก ใขณะที่เกิดเหตุนี้มีตำรวจอยู่เหตุการณ์ด้วยแต่ไม่ได้ทำการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หรือห้ามปรามกลุ่มเสื้อแดงแต่อย่างใด


 


การปรากฏตัวของตำรวจกว่าร้อยนายที่นอกจากจะไม่ห้ามปรามการกระทำรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงแล้ว ยังไม่ได้ทำการใดๆที่ทำให้คณะผู้จัดงานกว่าหกสิบคนที่ถูกปิดล้อมอยู่ข้างในและกลุ่มเพื่อนๆที่นั่งภาวนาอยู่ข้างนอกได้รับความคุ้มครองและรู้สึกปลอดภัยจากการที่ตำรวจอยู่ที่นั่นเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญตัวแทนตำรวจได้พยายามโน้มน้าวให้คณะจัดงานยอมทำตามเงื่อนไขที่กลุ่มเสื้อแดงต้องการ โดยการขอโทษโดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้เรื่องจบลง


 


คณะผู้จัดงานต้องจำยอมขอโทษกลุ่มเสื้อแดงเพราะเหตุผลว่ามีกลุ่มเยาวชนอายุน้อยจำนวนหลายคนที่ถูกกักขังรวมอยู่ด้วยและมีอาการตื่นกลัวเป็นอันมาก และยังไม่ได้ทานอาหารเย็น เมื่อประตูเปิดกลุ่มกัลยาณมิตรที่อยู่ภายนอกถือเทียนเดินไปสมทบกับคณะที่อยู่ในตึกและร่วมกันทำการภาวนาเมตตาเป็นเวลาสิบนาที อันถือเป็นพิธีจบของงานเกย์ไพร์ดเชียงใหม่ครั้งที่๒


 


ในช่วงท้ายที่คณะผู้จัดงานเดินออกจากพุทธสถานก็ยังมีสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงกว่าห้าสิบคนยืนล้อมอยู่หน้ากำแพงมีการตะโกนด่าตลอดเวลาแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดก็เดินทางออกจากพุทธสถานก่อนคณะจัดงานโดยไม่ได้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่เดินออกมาด้วยความหวาดกลัวและไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง และแม้จะได้รับการร้องขอให้อยู่รอดูคณะจัดงานเดินออกจากพุทธสถานให้หมดก่อนเจ้าหน้าตำรวจก็เพิกเฉย


 


 


การกระทำรุนแรงต่อผู้ร่วมขบวนงานเกย์ไพร์ดมีการปลุกระดมให้เกิด ความเกลียด ความกลัว และความเข้าใจในสังคมอย่างต่อเนื่องโดยคนกลุ่มเสื้อแดง ใช้สื่อวิทยุ 92.5 เมกะเฮิทธิ์ อันเป็นสถานีวิทยุชนชนของคนเสื้อแดงเชียงใหม่ กล่าวโจมตี และด่าทอ พร้อมทั้งปลุกระดมมวลชน ให้ร้ายแก่คณะผู้จัดงาน โดยมุ่งการโจมตีไปที่เกย์และกะเทยเป็นหลัก มีการให้คนฟังโทรศัพท์เข้าร่วมด่าท่อ และระดมมวลชนให้มาร่วมต่อต้านและหยุดขบวนเกย์พาเหรดในวันที่๒๑ 


 


ก่อนหน้าที่จะมีการจัดงานผู้นำของหน่วยงานภาครัฐและรวมถึงผู้นำทางวัฒนธรรมแสดงความคิดเห็นในทำนองที่ไม่เห็นด้วยต่อการจัดงานโดยอ้างเหตุผลของความไม่เหมาะสม และเป็นการทำลายวัฒนธรรมเชียงใหม่ โดยไม่ได้แสดงความเห็นที่ชัดแจ้งว่าการดำเนินงานดังกล่าวเป็นสิทธิอันชอบธรรมทั้งตามกฎระเบียบการใช้พื้นที่สาธารณะ และหลักการแสดงสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ผู้นำของรัฐในเชียงใหม่ไม่เคยแสดงความคิดคัดค้านหรือห้ามปรามกลุ่มเสื้อแดงที่ใช้รถปลุกระดมคนไปตามท้องถนนในตัวเมืองเชียงใหม่ในวันที่๒๐ให้มาต้อต้านการเดินขบวนของกลุ่มเกย์ในวันรุ่งขึ้น


 


นอกจากนี้แล้วการเสนอข่าวของสื่อมวลชนท้องถิ่นที่ไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของการจัดงานแต่มุ่งเน้นการประโคมข่าวความน่าเกลียด ความน่ากลัวต่อเกย์และกะเทยโดยเชื่อมโยงกับข้ออ้างด้านวัฒนธรรมมีผลโดยอ้อมทำให้เกิดความเกลียด ความกลัวและความไม่เข้าใจต่อเกย์กะเทยและการจัดงานเกย์ไพร์ดในหมู่สาธารณะชน และนำไปสู่ความชอบทำของการใช้ความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงโดยอ้างว่าทำเพื่อปกป้องวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่


 


การใช้ความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงต่อกลุ่มผู้ร่วมขบวนงานเกย์ไพร์ดเป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าสลดใจอย่างยิ่ง  การใช้วัฒนธรรมมาเป็นเหตุผลในการใช้ความรุนแรง การมีส่วนร่วมอย่างสงบของตำรวจกว่าร้อยนายที่อยู่ในเหตุการณ์และอนุญาตให้กลุ่มเสื้อแดงใช้ความรุนแรงต่อผู้ร่วมงานอย่างง่ายดาย ตลอดจนการกระพืออคติ ความเกลียด ความกลัวต่อเกย์และกะเทยของกลุ่มเสื้อแดงและสื่อมวลชลท้องถิ่นก่อนหน้าวันจัดงาน เป็นการแสดงออกร่วมกันของผู้นำ และสถาบันสำคัญของเชียงใหม่ที่ไร้วัฒนธรรม ขาดความเมตตากรุณา  และความเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนกลุ่มน้อยทางเพศที่มีอยู่ในสังคมที่กลุ่มตนเองมีอภิสิทธ์และอำนาจมากกว่า


 


ด้วยเหตุดังกล่าวเราจึงขอให้กลุ่ม องค์กร กัลยาณมิตร สื่อมวลชน สถาบันทางสังคมทั้งในเชียงใหม่ ในประเทศไทย และต่างประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำรุนแรงนี้ที่ส่อเค้าว่าจะมีการกะทำรุนแรงต่อกลุ่มเกย์และกะเทยในสังคมนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต มาร่วมกับเราในการรณรงค์ คัดค้านยุติการใช้ความรุนแรง ละความเกลียด ความกลัวต่อกลุ่มคนนี้ในสังคมไทยเพื่อรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทยและหัวใจของระบบการปกครองและวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยที่มีพื้นฐานจากการยึดมั่นในสันติภาพ ความรักความเมตตา การเคารพสิทธิเสรีภาพของคนกลุ่มต่างๆที่มีอัตลักษณ์หลากหลาย


 


เราขอให้ท่านเขียนจดหมายสนับสนุนการทำงานของเราโดยการเขียนจดหมายไปยังผู้ว่าราชการเชียงใหม่  ผู้บังคับการตำรวจเชียงใหม่ สื่อมวลชนท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่  และสำนักงานที่ดูแลด้านวัฒนธรรมเชียงใหม่ ให้ทำการขอโทษอย่างเป็นทางการต่อคณะผู้จัดงาน และเขียนจดหมายเรียกร้องให้สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสถาบันและหน่วยงานอื่นๆที่มีอำนาจในสังคมให้ออกมาทำหน้าที่ของสถาบันตัวเองโดยการแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการใช้ความรุนแรงดังกล่าวเพื่อร่วมกันปกป้องวัฒนธรรมที่ดีงาม สร้างความยุติธรรม และสันติสุขของคนทุกกลุ่มในสังคมไทย


 


 


กลุ่มเสาร์ซาวเอ็ด


 


วัตถุประสงค์ของกลุ่ม


 


1.   ทำงานรณรงค์สร้างความเข้าใจในสังคมเรื่องวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชนกลุ่มน้อยทางเพศ(GLBT) 


 


2.   สร้างเสริมศักยภาพของนักกิจกรรมGLBT


 


3.   สร้างพื้นที่ทางสังคมให้ชนกลุ่มน้อยทางเพศ


 


4.   ทำกิจกรรมสันติวิธีเพื่อให้มีการยุติการใช้ความรุนแรง การควบคุม การมีอคติการสร้างความเกลียด ความกลัวและความเข้าใจผิดต่อวิถีชีวิตของชนกลุ่มน้อยทางเพศ


 


 


 


สมาชิกกลุ่มเสาร์ซาวเอ็ด


 


(ณ. วันที่ ๑๔ มีนาคม๒๕๕๒)


 


1. กลุ่มผู้หญิงข้ามเพศแห่งประเทศไทย


 


2. กลุ่มสะพาน : กลุ่มสร้างสื่อส่งเสริมสิทธิหญิงรักหญิงและความหลากหลายทางเพศ


 


3. ขบวนพัฒนาวัฒนธรรมทางเพศเชิงบวก (Genderman Change)


 


4. คณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนชายที่มีความหลากหลายทางเพศ


 


5. คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.ชาติ)


 


6. คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ ภาคเหนือ (กพอ.เหนือ)


 


7. เครือข่ายความหลากหลายทางเพศ


 


8. เครือข่ายทำงานประเด็นหญิงรักหญิง


 


9. เครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย


 


10. เครือข่ายสุขภาพและการพัฒนา


 


11. เครือข่ายสุขภาพและโอกาศ (HON)


 


12. เครือข่ายสาวประเภทสอง


 


13. โครงการเครือข่าย MSM ชาติ


 


14. โครงการผู้หญิงเพื่อสันติภาพและความยุติธรรม


 


15. โครงการเพื่อชายรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ (เอ็มพลัส)


 


16. ชมรมฟ้าสีรุ้งอีสานใต้


 


17. มูลนิธิเข้าถึงเอดส์


 


18. มูลนิธิรักษ์ไทย


 


19. มูลนิธิพัฒนาเครือข่ายเอดส์ (เอดส์เน็ท) สำนักงานภาคเหนือ


 


20. มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING)


 


21. มูลนิธิศักยภาพเยาวชน (ไทยัพ)


 


22. มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ (Foundation for AIDS Rights)


 


23. มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)


 


24. สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย (RSAT)


 


25. สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย สำนักงานภูมิภาคทะเลใต้


 


26. สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย สำนักงานภูมิภาคล้านนา


 


27. องค์กรชมรมอาสาสมัครบ้านสีม่วง เชียงใหม่


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net