Skip to main content
sharethis

กลุ่ม "สยามสามัคคี" ประณามทักษิณ อ้างละเมิดสถาบันกษัตริย์


วันนี้ (6 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสยามสามัคคี ประกอบด้วย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, พล.อ.ภาษิต สนธิขันธ์, พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ข้าราชการทหารบำนาญ


 


นายสมชาย แสวงการ ส.ว.ระบบสรรหา, นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา, นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา, นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา, นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.เลือกตั้ง จ.ระยอง, น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เลือกตั้ง จ.เพชรบุรี, พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา, ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิร ส.ว.สรรหา


 


ดร.สุจิตรา ธนานันท์ นักวิชาการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช อดีต สนช. นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


 


นพ.สมบูรณ์ ทศบวร แนวร่วมแพทย์ พยาบาลเพื่อประชาธิปไตย นายปริญญา ศิริสารการ นักวิชาการอิสระ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือชื่อเดิมคือนายสนธิญาณ หนูแก้ว นักสื่อสารมวลชน นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ อดีตนายกสมาคมธุรกิจแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แถลงการณ์ประณาม "นช.ทักษิณ" ล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์


 


 


อ้างคำขวัญต่อสู้อำมาตยาธิปไตยเป็นการล่วงละเมิดสถาบัน


โดย นายสมชาย อ่านแถลงการณ์ ว่า การล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ดำเนินการมาต่อเนื่องทั้งทางลับและทางเปิดเผยนับแต่เหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 จากบุคคลบางคนเช่น คอมมิวนิสต์อกหัก และอดีตนักการเมืองที่สูญเสียอำนาจจากเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 มีการสอดประสานการเคลื่อนไหว ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต ใบปลิว และวิทยุชุมชน โดยมีกลุ่มเสื้อแดงเป็นฐานกำลัง ณ วันนี้ได้มีการดำเนินคดี จับกุมผู้กระทำผิด และหลบหนีการจับกุม ดังนี้


 


นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง นายจักรภพ เพ็ญแข นายชาญวิทย์ จริยากุล นายชูชีพ ชีวิสุทธิ์ นางดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล นายบุญยืน ประเสริฐยิ่ง นายวีระ มุสิกพงศ์ นายวราวุธ ฐานังกร นายใจ อึ๊งภากรณ์ คนเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับคดีล่วงละเมิดสถาบัน โดยกลุ่มคนดังกล่าวเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย และต่อสู้เผด็จการ แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้ถ้อยคำหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายว่า "ต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย ที่สืบทอดกันมานับร้อยปี" เพื่อที่จะโค่นล้มโครงสร้างเดิมของสังคมไทย เพราะหากกลุ่มคนดังกล่าว เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้มาตามวิถีทางแห่งความเป็นประชาธิปไตย ก็ควรเรียกร้องต่อรัฐบาลโดยตรง และหากเห็นว่ามีผู้ใดทำผิดกฎหมาย หรือล่วงละเมิดต่อรัฐธรรมนูญก็ควรเรียกร้องตามกฎหมาย


 


นายสมชาย กล่าวว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้โจมตีศาลและกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเรียกร้องให้ประธานองคมนตรีและองคมนตรีลาออก ทั้งที่รัฐธรรมนูญ 2550 ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า "การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรี หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย" ซึ่งเป็นไปตามพระราชอำนาจตามกฎหมาย


 


นายสมชาย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องแกนนำที่ได้กระทำกัน ซึ่งสวนทางกับพฤติการณ์ขณะนี้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวเอง เพื่อให้เกิดสงครามประชาชนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในวันที่ 8 เมษายน เป็นวันแตกหักที่จะรุนแรงกว่า 14 ตุลาคม 2516 และพฤษภาทมิฬ 2535 อีกทั้งยังมีถ้อยคำท้าทาย เช่น "ผมอยากให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่มีอำมาตย์และทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อยากให้พี่น้องมารวมพลังกันให้เต็มที่ เราต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ"


 


ดังนั้น การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงข้ออ้างที่ต้องการให้ตนเองที่เป็นผู้ต้องโทษหลบหนีการจับกุม กลับมามีอำนาจอีกครั้ง การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเล่นการเมืองเป็นนายกฯอีกนั้น หากไม่กลับมารับโทษเสียก่อน จะมีวิธีการอื่นใดหากมิใช่การล้มโครงสร้างเดิมของสังคมไทยลงเสีย แล้วสถาปนาสังคมใหม่ ที่ตนเองสามารถกำหนดกติกาใดๆ ได้ตามใจชอบ


 


"ในอดีตจะพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยขึ้นมาได้ เพราะสัมปทานผูกขาดจากรัฐ ด้วยการอาศัยอำนาจการการปฏิวัติของ รสช.(คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ) ในปี 2534 จนถึงพูดกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้า รสช.ว่าถ้าไม่มีพี่ชายผมคนนี้ ก็คงไม่มีวันนี้ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเคยประกาศว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่เป้าหมายของผม จนต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าสู่การเมือง และใช้อำนาจไม่รู้จักขอบเขตแทรกแซงสื่อ องค์กรอิสระ และทุจริตคอร์รัปชั่นขนานใหญ่ เป็นการใช้อำนาจเผด็จการทุนนิยมสามานย์ที่อาศัยคราบประชาธิปไตย และยังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ชาติ โดยเอาสัมปทานสมบัติของแผ่นดินขายให้ต่างชาติทั้งที่ตัวเองยังเป็นนายกฯ"


 


 


เรียกร้องคนไทยต่อต้านทักษิณและบุคคลที่ได้ร่วมมือ


นายสมชาย อ่านต่อไปว่า โดยกลุ่มสยามสามัคคี จึงขอเรียกร้อง ดังนี้


 


1.พี่น้องประชาชนคนไทยให้ร่วมกันลุกขึ้นต่อต้านและประณาม การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มบุคคลที่ได้ร่วมมือ กระทำการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และเคลื่อนไหวประชาชน โดยเป้าหมายให้เกิดสงครามประชาชน เพื่อต้องการโค่นล้มโครงสร้างเดิมของสังคมไทย โดยไม่นำพาต่อความเสียหายของประเทศชาติที่จะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ เศรษฐกิจของโลกที่กำลังตกต่ำ


 


2.รัฐบาลและกองทัพต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้ล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์


 


3.กระบวนการยุติธรรมจะต้องเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ในความผิดที่ได้กระทำไว้ และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับผู้ต้องหาดังกล่าวที่ได้กล่าวข้างต้นและ


 


4.ส่วนพี่น้องประชาชนคนไทยที่หลงเชื่อ การเคลื่อนไหวและข้อมูลที่คลาดเคลื่อนของพ.ต.ท.ทักษิณ และคณะ ขอได้โปรดใคร่ครวญอย่างรอบคอบว่า การร่วมเคลื่อนไหวนี้เป็นการก้าวลงไปสู่หลุมพรางแห่งการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชนชาวไทยทั้งมวล


 


 


สมเจตน์อ้าง นปช. ชุมนุมถือเป็นสถานการณ์วิกฤตของชาติ


พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดในประเทศ ขณะนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่วิกฤตของชาติ กลุ่มเราจึงได้มาร่วมกันที่จะตรวจสอบสถานการณ์และมีความเห็นว่าตลอดระยะเวลา 9-10 วันที่ผ่านมา การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มีการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อาจทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกมากขึ้น รวมทั้งมีการบิดเบือนสร้างความสับสนให้กระทบกระเทือนไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพของชาวไทยที่เป็นศูนย์รวมใจจิตใจของชนชาวไทยทั้งชาติ เหตุการณ์ที่เกิดเราต้องการชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดเป็นภัยร้ายแรงของ ประเทศชาติ เราจึงร่วมกันหาหนทางให้คนไทยทุกคนต้องเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเสนอให้หลายฝ่ายเข้ามาแก้ปัญหาไม่ให้สู่จุดวิกฤต


 


 


ลั่นตั้งค่าหัวล่าทักษิณ 1 ล้านบาท


พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ขณะนี้นักธุรกิจผู้มีปรารถนาดีต่อประเทศชาติได้เล็งเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษหลบหนีคดีจึงได้มอบรางวัลเงินเบื้องต้น 1 ล้านบาท เพื่อเป็นรางวัลให้กลุ่มบุคคลที่สามารถนำพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินการตามกฎหมาย ได้ ทั้งนี้ ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะขณะนี้มีหลายคนที่แสดงความปรารถนาจะบริจาคให้ทางกลุ่มอีก ยืนยันกลุ่มผู้บริจาคไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองแต่เป็นนักธุรกิจไม่ได้มาจาก หน่วยงานไหน และมีหลายคนเห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศ ที่นำความทุกข์ร้อนมาให้ประชาชนทุกเหล่า จึงคิดว่าหากนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมแล้วปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายลง


 


พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ส่วนเงินรางวัลดังกล่าวจะทันการชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เมษายนหรือไม่ การคิดจะทำอย่าคิดว่าทันหรือไม่ทัน หากคิดว่าจะทำก็ต้องทำ หากคิดแล้วไม่ทำเมื่อไรก็ไม่ทัน จึงขอให้พี่น้องอย่าอยู่เฉยๆ เพราะหากไม่ออกมาต่อต้านคัดค้านประณามการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะอ้างว่าการนิ่งเฉยว่าได้รับความเห็นชอบจากประชาชน ดังนั้น หากเห็นว่าการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณทำร้ายประเทศชาติ พวกเราต้องมาต่อต้านคัดค้านไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีชาติ แผ่นดินและกษัตริย์อยู่คู่แผ่นดินต่อไป


 


"กลุ่มของเราไม่อยากให้เป็นของสีใดสีหนึ่งอยากให้คนทั้งประเทศเป็นสี เดียวกัน คือ สีของธงชาติไทย ในระบอบประชาธิปไตยความคิดแตกต่างสามารถกระทำได้ เพื่อไปสู่ข้อยุติเพื่อประโยชน์ของชาติ แต่ความคิดแตกต่างที่ก่อให้เกิดแตกแยกสองฝ่ายเรายอมรับไม่ได้ ทุกสาขาอาชีพหากไม่เห็นด้วยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าคิดว่าเป็นหน้าที่ของรัฐ กองทัพ แต่ต้องคิดว่าความอยู่รอดประเทศชาติเป็นความรับผิดชอบของประชาชนชาวไทยทุกคน ที่จะต้องร่วมกันออกมาต่อสู้อย่าคิดว่าภัยจะมาไม่ถึง"


 


เมื่อถามว่า การต่อสู้ดังกล่าวจะออกมารูปแบบใด พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เป็นการต่อสู้โดยการออกมาแสดงความคิดเห็นเราไม่คิดว่าจะต้องมารวมกลุ่มหรือ ชุมนุม เพราะขณะนี้แม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิ แต่ประเทศชาติขณะนี้ต้องการความสามัคคีของชนในชาติ ดังนั้น เราต้องมารวมพลังกัน


 


 


คำนูณเชื่อเสื้อแดงอยู่ได้สามวัน จากนั้นจะกลับสงกรานต์


ด้านนายคำนูณ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 เมษายน ว่า ขึ้นอยู่ว่าจะมีคนมามากน้อยแค่ไหน ถ้ารัฐบาลได้รักษากฎหมาย เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นได้เสรีภายใต้กฎหมายปราศจากอาวุธถ้าทำได้เช่น นั้นก็ไม่น่ามีเหตุวุ่นวายได้ และที่ผ่านมาก็มีการชุมนุมเกือบ 200 วันแล้ว หากทั้งสองฝ่ายยึดมั่นโดยสงบ และผู้รักษากฎหมายอดทน ก็เชื่อว่าไม่น่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ส่วนการชุมนุมดังกล่าวจะแตกหักยืดเยื้อหรือไม่นั้นก็สามารถยืดเยื้อได้ 3 วัน เพราะประชาชนจะเดินทางออกต่างจังหวัดไปเทศกาลสงกรานต์แล้ว ดังนั้นการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้จึงประกาศยุติการชุมนุมและกลับมาชุมนุมใหม่อีก ครั้งหลังเทศกาลสงกรานต์


 


เมื่อถามว่า ทางกลุ่มประเมินอย่างไรที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมกดดันที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย นายคำนูณ กล่าวว่า บ้านเมืองเราทุกฝ่ายตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ทุกคนมีบทเรียนไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะขนาดเล็กหรือใหญ่ และหากรัฐบาลจะตั้งรับอย่างไร มันมีสัจธรรมว่าใครใช้ความรุนแรงก่อน ดังนั้นมวลชนที่เข้ามาก็ต้องระมัดระวังให้อยู่ในกรอบสันติ และรัฐบาลต้องอดทน ทั้งนี้ หากดูคำกล่าวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯหลังกลับจากต่างประเทศก็ได้เฝ้าติดตามคำพูดของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พูด เนื้อหากระทบเข้าข่ายความมั่นคงของรัฐ ซึ่งรัฐบาลก็พิจารณาดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการโดยรอบคอบ กลุ่มเราจึงสงวนท่าทีรัฐบาลตรงนี้ด้วย


 


 


สมชาย แสวงการอ้างเสื้อแดงละเมิดสถาบันกษัตริย์


เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯขู่ว่าจะออกมาชุมนุมใหญ่หากกลุ่มเสื้อแดงกระทำการกระทบถึงสถาบันซึ่งอาจเกิดเหตุรุนแรงได้ นายสมชาย กล่าวว่า พันธมิตรฯ เป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสยามสามัคคี สำหรับกลุ่มเราคงไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์นำไปสู่จลาจลหรือไม่ ตนก็ไม่คาดคิดด้วย


 


เมื่อถามว่า ทางกลุ่มมองว่าสถาบันองคมนตรีมีความสัมพันธ์เดียวกันกับสถาบันพระมหา กษัตริย์จึงออกมาเรียกร้องให้หยุดการล่วงละเมิดสถาบันใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า กลุ่มเรามองว่าการชุมนุมมีการละเมิดสถาบัน ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่าองคมนตรีไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น องคมนตรีเป็นคณะที่ปรึกษาตั้งโดยพระมหากษัตริย์ โดยพระราชอำนาจและพระราชอัธยาศัยจึงชัดเจนมาก


 


เมื่อถามว่า แสดงว่า การโจมตีสถาบันองคมนตรีขณะนี้ก้าวล่วงละเมิดสถาบัน นายสมชาย กล่าวว่า ใช่ ละเมิดด้วย ส่วนทางกลุ่มจะมีมาตรการขึ้นต่อไปหากกลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่หยุดโจมตีสถาบัน ทางคณะทำงานเราคงต้องขยายเครือข่ายออกไป โดยจะไปประชุมในแต่ละกลุ่มพร้อมกับประเมินสถานการณ์และเคลื่อนไหวเพื่อ แสดงออกถึงการไม่เห็นด้วย การอยู่เฉยไม่ใช่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกที่ละเมิดสถาบัน แต่กลุ่มเราก็คงจะมีการประเมินเป็นระยะในช่วงวิกฤตขณะนี้ และติดตามการทำงานของรัฐบาลด้วย


 


 


http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=131627


 


ณัฐวุฒิเมินสยามสามัคคีแค่ตลกหน้าม่าน คมช. ใช้เบื้องสูงเป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมือง


ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวระหว่างการแถลงข่าวในช่วงเย็นว่า กรณีที่กลุ่มสยามสามัคคี ประกอบด้วย ข้าราชการบำนาญ กลุ่ม 40 ส.ว. นักวิชาการอิสระ แนวร่วมแพทย์เพื่อประชาธิปไตย และนักธุรกิจ จำนวน 20 คน นำโดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ประกาศตั้งรางวัล 1 ล้านบาทกับผู้ที่สามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยได้ เป็นเพียงตลกหน้าม่าน คมช. พวกตนไม่ให้ความสนใจ ที่สำคัญการแสดงออกของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นใบเสร็จที่ชัดเจนว่า คมช. พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นขบวนการเดียวกัน ที่ชอบใช้สถาบันเบื้องสูงเป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมือง


 


 


พงศ์เทพไม่กังวลกษิตชี้แจงสถานะทักษิณ แนะให้ดูกำพืดสยามสามัคคี


ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุวันนี้ (8 เม.ย.) ว่า ไม่รู้สึกกังวลกับการที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศจะเชิญทูตแต่ละประเทศมารับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องโทษหนีคดี และขอให้ช่วยส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย และเห็นว่า นายกษิตใช้อำนาจของกระทรวงในทางที่มิชอบ อีกทั้งเชื่อว่านานาชาติจะเข้าใจดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และขณะนี้ความจริงก็เริ่มปรากฎออกมาแล้ว ดังนั้น การที่รัฐบาลตั้งนายกษิต เป็น รมว.ต่างประเทศ ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากอยู่แล้ว เพราะการเข้ามาทำงานก็ไม่ได้เน้นที่งาน แต่ตั้งใจใช้อำนาจมุ่งไปที่การนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีมากกว่า


 


ส่วนกรณีที่กลุ่มสยามสามัคคีตั้งรางวัลให้ 1 ล้านบาทแก่ผู้ที่สามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีได้นั้น นายพงศ์เทพ กล่าวเพียงว่า อยากให้ดูคนที่ออกมาเรียกร้องว่าเป็นใครและมีประวัติอย่างไร เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติหรือไม่




 


 


ที่มา: เรียบเรียงจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ [1] ไทยรัฐ [2] โพสต์ทูเดย์ [3]

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net