สัมภาษณ์: ศิลปินเสื้อแดง วิสา คัญทัพ-ไพจิตร อักษรณรงค์

วิสา คัญทัพ และไพจิตร อักษรณรงค์ เป็นสองศิลปินที่ร่วมสร้างสีสันบนเวทีเสื้อแดงมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่มีการชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวง วิสา คัญทัพ ทำหน้าที่คล้ายๆ แม่ทัพด้านงานวัฒนธรรม ซึ่งผลิตทั้งบทกวีและบทเพลงสำหรับใช้ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงจำนวนมาก โดยเฉพาะเพลงที่เป็นเพลงหลักประจำใจของคนเสื้อแดงอย่าง "ความจริงวันนี้" ที่เปิดเมื่อไหร่ มวลชนเป็นต้องคึกคักลุกขึ้นขยับเส้นสายและสะบัดตีนตบกันทีนั้น  ส่วนไพจิตร อักษรณรงค์ คอยทำหน้าที่ขับกล่อมและให้ความเพลิดเพลินด้วยบทเพลงที่หลากหลาย ทั้งเพลงเพื่อชีวิต เพลงลูกทุ่ง ไม่ว่าในช่วงดึกดื่น หรือย่ำค่ำ

ประชาไท นัดสัมภาษณ์ทั้งสองศิลปิน เพื่อถามเหตุผลและราคาที่พวกเขาต้องจ่ายไปในการเข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง นอกเหนือจากการถูกโจมตีว่าได้ประโยชน์จากทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่พวกเขาคุ้นชินเป็นอย่างยิ่ง เขาต้องจ่ายราคาอะไรไปอีกบ้าง และทำไมจึงยอมแลก

 

วิสา คัญทัพ

"เรื่องการต่อสู้เพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องต้องเชื้อเชิญ แต่เป็นเรื่องที่ จริงๆ แล้วไม่มีการเชิญกัน ใครอยากมาก็มา การต่อสู้อยู่ที่ความพร้อมของแต่ละคน เพียงแค่รอว่าเมื่อคุณพร้อมและมีเป้าหมายเพื่อประชาชนเท่านั้นเอง"

ทำไมจึงเข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง

ประเด็นแต่ละคนในการมองความขัดแย้งทางสังคมและวิธีคิด ของคนอื่นเป็นอย่างไรผมไม่รู้นะ แต่สำหรับผม ผมมีตัวตั้งเป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถ้าเราเอาระบอบประชาธิปไตยเป็นตัวตั้งก็หมายความว่าการรัฐประหารไม่ถูกต้อง การยึดอำนาจต้องไม่ถูกต้อง

เมื่อตอนที่เราเป็นเยาวชนอายุ 20 ปี เป็นนิสิตนักศึกษา เราต่อสู้มา เราต้อสู้กับการรัฐประหารของจอมพลถนอม กิตติขจร ที่รัฐประหารตัวเองเสียด้วยซ้ำไป เป็นผู้บัญชาการทหารบก ยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรีชื่อถนอม ทำให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผมเองก็เป็นคนหนึ่งใน 13 กบฏที่เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นผมเรียนที่คณะมนุษยศาสตร์ รามคำแหง ซึ่งเราไปเรียกร้องรัฐธรรมนูญ และอยากจะย่ำให้ชัดเจนเสียด้วยว่า กรณีของคุณธีรยุทธ บุญมี ที่ออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้อยู่ดีๆ ก็ออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แต่มันมีประวัติศาสตร์ เริ่มที่นักศึกษารามคำแหง ถูกลบชื่อ 9 คน ซึ่งตอนนั้นเป็นสถานการณ์ที่มีการยึดอำนาจรัฐประหารไปแล้ว แล้วนักศึกษารามคำแหงทำหนังสือแล้วมีข้อความที่ไปกระทบกระเทือนต่อชนชั้นปกครองในยุคนั้น ซึ่งข้อความบอกแค่ว่า สาภาสัตว์ป่าแห่งทุ่งใหญ่มีมติให้ต่ออายุสัตว์ป่าอีกหนึ่งปี เนื่องจากสถานการณ์ภายในและภายนอกไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ...นักศึกษาจึงถูกลบชื่อ และพี่ก็เป็นหนึ่งใน 9 นักศึกษานั้น จากนั้นจงมีการชุมนุมกันมากที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยมีข้อเรียกร้องเพียง 2 ข้อในตอนแรก คือ 1 ขอให้ ดร.ศักดิ์ ผาสุกนิรันดร์ ซึ่งเป็นอธิการบดี ม.รามคำแหงพ้นจากตำแหน่งไป และ 2 คือ ให้นักศึกษากลับเข้าไปเรียนโดยไม่มีความผิด ครั้งแรกมีข้อเรียกร้องเพียงเท่านี้  แต่ประเด็นมันขยายออกมาว่ารัฐธรรมนูญล่ะ เราจึงจำเป็นต้องเพิ่มข้อเรียกร้องข้อที่ 3 ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือน จากจุดนี้ต่างหากที่ทำให้ขบวนการนิสิตนักศึกษาเกิดขึ้น ซึ่งทำให้คุณธีรยุทธ บุญมี คุณประสาร มฤคพิทักษ์ คุณบุญส่ง ชเลธร ฯลฯ มาตั้งกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญ....

ทั้งหมดที่พูดมาก็เพื่อให้เห็นภาพว่า เยาวชนหรือตัวผมเองเคยสู้กับการรัฐประหารเข้าใจแจ่มแจ้งอยู่แล้วว่าระบอบประชาธิปไตยต้องมีรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญไม่ดี ก็ต้องแก้ไขกันตามระบบระบอบ รัฐธรรมนูญมีข้ออ่อนตรงไหน ก็แก้ไขกันตามกระบวนการทางรัฐสภาได้ หรือถ้าแก้ไขทางรัฐสภาไม่ได้ก็สามารถที่จะมีสิทธิชุมนุมประท้วงคัดค้าน และจริงๆ การชุมนุมประท้วงคัดค้านที่เกิดขึ้นในยุคนายกทักษิณนั้น ทักษิณก็ถอยร่นไปตามกระบวนการมากมายก่ายกองแล้ว รวมทั้งจะถึงวสาระทีจะมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าหากว่าประชาชนพิสูจน์แล้วว่าพรรคไทยรักไทยมีข้ออ่อนหลายๆ ประการตามที่หลายฝ่ายเสนอก็สามารถพ้นจากอำนาจไปโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญได้อยู่แล้ว แต่เหตุการณ์มันไม่เป็นอย่างนั้น มันกลายเป็น คมช. มายึดอำนาจ ทำรัฐประหาร เพราะฉะนั้นประเด็นแค่นี้ประเด็นเดียว ยังไม่ต้องพูดไปถึงอำนาจอำมาตยาธิปไตยที่ไม่เคยปล่อยให้ชาติบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมาตลอดตั้งแต่การเปลี่ยนแปลง 2475 ด้วยซ้ำไป มันไม่ถูกอยู่แล้ว

แต่ที่ผ่านมา การต่อสู้เพื่อโค่นทักษิณก็ตั้งอยู่บนฐานการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐธรรมนูญก็ถูกฉีกอยู่แล้วโดยทักษิณ เพราะทักษิณใช้อำนาจในทางที่ผิด ปัญหาทางการเมืองช่วงที่ผ่านมาจึงซับซ้อนกว่าแค่เรื่องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ

มันซับซ้อนอย่างไรก็ตาม ก็ยังสะท้อนออกมาในขอบเขตของเสรีภาพที่มีอยู่ได้ เราต้องยอมรับความจริงอยู่ว่า ภายใต้การปกครองของไทยรักไทยที่มีทักษิณเป็นเป็นผู้นำ เรามีเอเอสทีวีไหม มี สื่อสารมวลชนส่วนใหญ่เอาเข้าจริงแล้ว ถูกจำกัดเสรีภาพหรือเปล่า หรือว่ายังวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างกว้างขวาง เราต้องมาเปรียบเทียบกัน สังคมบางทีก็ฟังไป ก็คิดว่าผู้พูดมีชื่อเสียง มีอาวุโส หรือเป็นผู้ที่เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาก่อน บางทีก็เชื่อไป ซึ่งไม่เป็นไร เรื่องเหล่านี้เชื่อไปก่อนได้ แต่เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ ว่าจริงๆ แล้วเสรีภาพในยุครัฐบาลไทยรักไทยกับเสรีภาพในยุคประชาธิปัตย์มันต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร

เสรีภาพในยุครัฐบาลทักษิณมีมาก มากเสียจนกระทั่งมีการชุมนุมที่ใช้ถ้อยคำหยาบคายรุนแรง หรือแม้แต่ในรัฐบาลต่อมาที่มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เราก็จะเห็นว่ามาตรการที่รัฐทำมันไม่ได้ใช่ความรุนแรงอะไร เพราะฉะนั้นเมื่อมีการต่อสู้กันมันก็จะค่อยๆ พิสูจน์ข้อเท็จจริงของสังคมได้เป็นลำดับ

คิดอย่างไรต่อบาทบาทของศิลปินในการการเคลื่อนไหวประชาชนที่ผ่านมาและทีเป็นอยู่ในปัจจุบัน

งานด้านวัฒนธรรม ในความเป็นจริงพี่อยากจะย้อนกลับไปก่อนที่จะมีการชุมนุมก่อนที่จะมีการชุมนุมเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ผมคิดว่างานด้านวัฒนธรรมของการเคลื่อนไหวนี้มีบทบาทเข้มข้นอยู่แค่ช่วงยุคก่อน 14 ตุลา เท่านั้นที่ถือว่าเป็นกระแสการต่อสู้ในทิศทางที่ถูกต้อง ตอนนี้พอออกจากป่ามาแล้วผมคิดว่ากลุ่มที่เป็นศิลปินเพื่อประชาชนอะไรที่มีชื่อเสียงแล้ว ผมไม่คิดว่าเนื้อหา หรือจุดยืนทางความคิดของเขานั้นทำเพื่อประชาชน เพราผมคิดว่าสิ่งเหล่านั้น บางครั้งเรารับใช้ผลประโยชน์ เพื่อชีวิตมึงหรือเพื่อชีวิตกู เพื่อชีวิตที่ไปรับใช้สินค้า หรือการทำร้ายอาหารมากมายที่เป็นการทำประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะฉะนั้นผมไม่คิดว่าเพื่อชีวิตในยุคหลังการออกจากป่า จะต้องเป้ฯเพื่อชีวิตแบบเดียวกับยุคต้น ตอนหลังนี้เราจำเป็นต้อจำแนกแล้วทั้งจำแนกคนและจำแนกงาน เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถจำแนกเพราะสื่อที่ช่วยโปรโมท ทั้งสินค้าที่ต้องการขายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ไม่ใช่วัฒนธรรมที่เป็นการต่อสู้อย่างแท้จริง

เข้ามาร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง เพื่อนน้อยลงไหม

ผมเองไม่ได้อยู่ในสังกัดกลุ่มพวก คือผมเองอาจจะรู้จักกันมาก่อน แต่ผมไม่ได้สังกัดกลุ่ม และนอกจากที่เขาจะตั้งกลุ่มหรือเกาะกลุ่มกัน เขายังสร้างลักษณะที่ค่อนข้างคับแคบของการผูกขาดความเป็นเจ้าของอุดมการณ์ ความดี มีการจับกลุ่มเป็นพรรคเป็นพวกกัน มีการเมืองครอบคลุมเข้าไปภายในกลุ่มของศิลปินแห่งชาติ เข้าไปมีบทบาทในการจัดงานย่อย่อง สดุดีบุคคลที่เป็นนักต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ หรือกุหลาบ สายประดิษฐ์ ก็จะคัดเอาเฉพาะกลุ่มพวกพ้องของตนเอง ซึ่งจริงๆ การสดุดีบุคคลเหล่านั้นเป็นงานที่เป็นสาธารณะ ผู้เข้าร่วมควรเป็นคนจากทุกฝักฝ่ายที่รัก ศรัทธาในการต่อสู้ แต่ที่ผ่านมามันมีลักษณะผูกขาด แบ่งแยก พี่เองเดินคนละฝ่ายกับกลุ่มศิลปินเหล่านั้นมาอยู่แล้ว พี่ก็อยู่มาโดยที่อยู่ได้โดยที่ไม่ได้อยู่ดีอะไร ก็อยู่พอรอดตัวไป อดมื้อกินมื้อ หิวโหยบ้างเป็นเรื่องธรรมดา พี่เองโดยพื้นฐานก็มีความคิดขัดกับเพื่อนศิลปินคนอื่น ถูกโดดเดี่ยวอยู่แล้ว บางคนมองว่าพี่วิสา พี่หงา ทำไมคิดไม่เหมือนกัน ก็มันต่างกันมาตั้งแต่ออกจากป่าแล้ว ผมเองก็ต่างจากแอ๊ด คาราบาวมาตั้งนานแล้ว  เวลาสื่อให้ไปพูดก็คิดต่างกัน ฉะนั้นจุดยืนของผมก็คือจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาอำมาตยาธิปไตย สถานการณ์ตอนนี้มันเป็นภาพรวมคนเข้าใจง่าย แต่คนที่เป็นเผด็จการเราก็ต้องชี้ว่าใคร และที่เรามาชี้ได้ชัดเจนก็คือยุคนี้เอง เราไปเอาหัวหน้าอำมาตยาธิปไตย คือพลเอกเปรม มาเปิดให้คนเห็นอย่างชัดเจนขึ้น

คุณคิดว่าทิศทางของการเคลื่อนไหวของประชาชนต่อปัญหาการเมืองไทยวนกลับไปที่เดิมไหม หรือมีทิศทางที่ดีขึ้น

ทิศทางการต่อสู้ของประชาชนเดินเข้าสู่เป้าที่ถูกต้องยิ่งขึ้น ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่ประชาชนคนธรรมดาเดินดินที่เสียภาษีอากร และเป็นคนส่วนใหญ่ตื่นตัวขึ้นมาเป็นลำดับ ในยุค 14 ตุลา เป็นเรื่องของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ที่ติดอาวุธทางความคิดแล้วก้าวหน้าขึ้นมาเป็นพลังนำ มาถึงวันนี้มันไม่ใช่แล้ว แต่เป็นประชาชนที่เดือดร้อนกับผลกระทบด้านการบริการการปกครองที่มากระทบกับชีวิตเขาด้านเศรษฐกิจ ด้านความเป็นอยู่ เพราเขามีข้อเปรียบเทียบจากนายกที่มาจากการเลือกตั้งแล้วนำนโยบายที่ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น เพราะเราต้องยอทมรับว่าก่อนที่จะมีรัฐบาลไทยรักไทย ไม่เคยมีพรรคการเมืองไหนที่เอานโยบายมาปฏิบัติได้อย่างเป็นจริง นอกจากหาเสียงกันไป เมื่อเข่าไปเป็นรัฐบาลแล้วก็ไปคดโกง คอร์รัปชั่น ไม่ได้ทำงานที่เป็นรูปธรรมที่ช่วยชีวิตผู้คนในทุกๆ ด้าน รัฐบาลไทยรักไทยจึงเป็นรัฐบาลแรกที่ทำให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า 30 บาท รักษาทุกโรคได้ โอท็อป ปราบยาบ้า ทุกอย่างมันโดนหมด แล้วเมื่อโดนแล้ว ปัญหาที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งต้องเจอก็คือระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ไม่ต้องการให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเติบโตเสีย ก็ทำด้วยวิธีการสารพัด ตรงนี้ถ้าถามทพี่ พี่ก็ตอบว่าเป้าหมายชัดขึ้น พลังมวลชนตื่นตัวขึ้นอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นทิศทางในอนาคตเป็นทิศทางที่จะได้รับชัยชนะอยู่แล้ว

ศิลปินเมืองไทยโฟกัสเรื่องความดี-ชั่ว และธรรม-อธรรม คุณไม่คิดเรื่องนี้หรือ

ผมนี่ยิ่งโฟกัสเรื่องนี้นะ ถามว่าทำไมเพลงความจริงวันนี้ถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ นี่แหละคือการโฟกัสเรื่องธรรมะ โดยเฉพาะธรรมะพื้นฐานง่ายๆ ที่ว่า "สัจจังเว อมัตตา" วาจาจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ก็คือคำถามว่าคุณโกหกเขาหรือเปล่า ที่กลุ่มพันธมิตรฯ โดยคุณสนธิทำขบวนมาทั้งหมดน่ะ แท้ที่จริงเนื้อหาที่คุณต่อสู้เป็นสัจจะหรือเปล่า หรือว่าคุณเคยปล้นเงิน เคยคบกับทักษิณเคยหาผลประโยชน์จากเขา คุณเคยได้แล้วพอคุณไม่ได้ คุณก็เลยออกมาเคลื่อนไหวแล้วโกหกคนหรือเปล่า ทั้งหลายทั้งปวงก็ถามไปถึงอำมาตยาธิปไตยด้วยว่าที่พูดว่า 75-76 ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครองมา คุณได้ปล่อยให้อำนาจเป็นของประชาชนจริงหรือเปล่า หรือคุณโกหกเขามาตลอด "โกหกเขามาเนิ่นนาน  นานนมนานมาหลายปี ทั้งใส่ร้ายและป้ายสี"....คุณใส่ร้ายปรีดี พนมยงค์หรือเปล่า คุณใส่ร้ายป๋วย อึ๊งภากรณ์หรือเปล่า แล้วคุณใส่ร้ายทักษิณ ชินวัตร แบะคนอื่นๆ อีกหรือเปล่า นี่แหละคือธรรมะ นี่แหละคือสัจจะ ตัวพี่ใช้ธรรมะในการต่อสู้อยู่แล้ว เพราธรรมะคือความถูกต้อง ธรรมะ คือธรรมดา ธรรมะคือธรรมชาติ คือสิ่งที่คุณกระทำอยู่ และมันเป็นธรรมชาติ เพียงแต่คนจะรู้ไหมว่า แผ่นดินจะไหว ฝนจะตก ภูเขาไฟจะระเบิดนะ ตอนี้มันถึงวาระแล้วที่แผ่นดินจะไหว ภูเขาไฟจะระเบิด มันห้ามไม่ได้

กับมวลชนเสื้อแดงที่เข้าร่วมซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นชาวบ้าน ถูกมอมเมาโดยผลประโยชน์ของทักษิณ ขาดข้อมูลที่ถูกต้อง คุณคิดอย่างไร

อันนี้แหละเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสงสัยคนในฝ่ายขบวนการที่เคยก้าวหน้ามาก่อนตลอดเวลาว่า วันหนึ่งคุณเคยเข้าป่า คุณเคยใช้คำว่าเชื่อมั่นในมวลชน แล้วไม่คิดว่าประชาชนโง่เขลา เหมือนที่นานผีเขียนว่า "เขาซื่อสิว่าเซ่อ" มวลชนซื่อไม่ได้หมายความว่ามวลชนเซ่อ ถ้ามวลชนซื่อ มวลชนอาจจะหลงเชื่อไป หรือไม่มีข้อเท็จจริง หรือไม่รู้ แต่ไม่ใช่โง่ เอาล่ะโดยความคิดพื้นฐานแบบนี้เราก็มาคิดต่อไปมวลชนฉลาดขึ้นทุกวันไหม มวลชนเมื่อก่อนสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆ เขารู้เรื่องประชาธิปไตยหรือเปล่า เขารู้จริงหรือไม่รู้จริง แล้วกว่าที่เขาจะรู้จริง ฝ่ายอำมาตย์หลอกล่อเขา บิดเบือน ให้ประชาธิปไตยเป็นระยะๆ เหมือนยุคก่อน 14 ตุลา คุณก็รัฐประหารกันเป็นระยะๆ แม้คุณมีอำนาจแล้ว คุณก็ยังกลัว ส.ส. ฝ่ายซ้ายในสภาเปิดโปง คุณก็ยึดอำนาจตัวเองแบบถนอม ประชาชนเรียนรู้มาเป็นลำดับไหม ผมว่าเขาเรียนรู้มาเป็นลำดับ ที่คุณว่าประชาชนโง่ เมือก่อนแจกรองเท้าข้างหนึ่ง ให้มารับอีกข้างหนึ่ง ประชาชนเคยโดนมาแล้ว แต่ถามว่าวันนี้ให้รองเท้าข้างหนึ่ง เขาเอาไหม เขาไม่เอาแล้ว ถามว่าเอาเงินให้เขาเลือกเอาไหม เขาก็เลือก แต่ถ้าให้เลือกกับอีกคนที่ให้เงินเหมือนกัน แต่มีนโยบายที่ดีด้วย ประชาชนเขาก็พัฒนา เขาก็ฉลาด ประชาชนเขาไม่ได้อยู่ที่เดิมนะ เพราะฉะนั้นมวลชนไม่ได้โง่เลย มวลชนเรียนรู้และมีความก้าวหน้า ถามว่าทุกวันนี้พรรคการเมืองไปแข่งกันแจกเงินไหม ก็แจกเหมือนกัน แต่แค่แจกเงินพอไหม ไม่พอ คุณต้องมีนโยบาย ทั้งเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ เงินอุดหนุน นี่พอจะตอบได้ไหมว่ามวลชนไม่ได้โง่ แถมจะต้องถามนักต่อสู้ที่เคยอยู่ในป่าว่าเมื่อก่อนคุณเคยว่านักวิชาการบทหอคอยงาช้าง คำถามคือนักวิชาการหรือคนที่เคยต่อสู้กับประชาชนวันนี้คุณขึ้นไปอยู่บนหอคอยงาช้างแล้วหรือเปล่า ที่เห็นว่าผู้ต่ำต้อยด้อยค่าต้องโง่ ต้องถูกหลอก ฉะนั้นการที่พวกอำมาตยาธิปไตยหรือพวกที่ทำตัวอยู่ข้างอำมาตย์จะรับรู้ได้ดีที่สุดก็คือการส่งคนมาฟังเสียเถอะ มาดูมวลชนเสื้อแดงจริงๆ เสียเถิดว่าเขามาด้วยหัวจิตหัวใจอะไร แล้วก็จะได้ข้อมูลที่เป็นจริงมากกว่าการรายงาน เอาใจเจ้านายของเจ้าหน้าที่ราชการ

ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมของคนเสื้อแดง แต่งเพลงมาเยอะไหม

เยอะนะ เพราะเริ่มมาตั้งแต่ยุคต้นๆ ของการชุมนุม จริงๆ ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ค่อยมีแรงแล้วนะ เพราะเมื่อไม่มีสถานการณ์การต่อสู้มานาน พลังเราก็อ่อนไปด้วย

ก่อนหน้านี้เงียบไปนาน

ความจริงพี่ไม่ได้เงียบ แต่สื่อชอบเอาไมค์ไปสัมภาษณ์โดยที่ไม่รู้อะไรจริงอะไรไม่จริง เขานึกแต่ว่าต้องหงา คาราวาน ต้องแอ๊ด คาราวบาว หรือปู พงษ์สิทธิ์ ซึ่งไม่รู้เรื่อง 14 ตุลาเลย สังคมเรา สื่อเราชอบยกย่องคนที่ไม่รู้อะไรจริงเกี่ยวกับการต่อสู้ในประวัติศาสตร์ของประชาชนเลย ในช่วง 14 ตุลานั้น  แม้แต่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ยังเขียนกลอนรักหวานแหววอยู่เลย ฉะนั้นทัศนะวิธีการคนที่ต่อสู้อย่างเป็นจริง ก็ลองคิดดูเถอะว่ามันจะต่างกันอย่างไร

ทำไมคนเข้าป่าที่เป็นปัญญาชน ต้องไปใช้แรงงาน ไปจับจอบ ไปรดน้ำผัก ทำงานแบบแรงงานเพื่อหล่อหลอมจิตใจว่ามันเจ็บ มันลำบาก คุณรู้ไหมว่าผู้ใช่แรงงานเหนื่อยขนาดไหน การดัดแปลงหล่อหลอมซึ่งบางคนไม่ได้ผ่านประสบการณ์แบบนั้น เขาอาจจะมีชีวิตสุขแล้วก็ได้ พี่อาจจะมีชีวิตเหมือนเดิม หัวใจการต่อสู้ก็เลยยังไม่เปลี่ยน เพราะถ้าพี่ร่ำรวยเป็นเศรษฐีพี่อาจจะเปลี่ยนก็ได้ ก็อาจจะเป็นโชคดีที่ผม..ฟ้าดินให้ลำบาก ให้ต้องต่อสู้

ช่วงที่เงียบไป ดำรงอยู่อย่างไร

ผมก็เขียนเพลง ตามจริงแล้วเพลงหลายๆ เพลงที่เอามาใช่มันทำไว้นานแล้ว บางคนนึกว่าทำใหม่ๆ ในบางเพลง นอกนั้นก็ไปเล่นดนตรีบ้าง เอาซีดีไปขายเองบ้าง และอยู่ได้ด้วยเพื่อนที่เข้าใจชีวิตและจิตวิญญาณของเรา ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลให้การสนับสนุน

ทุกวันนี้ถือเป็นแกนหลักของฝ่ายวัฒนธรรมของกลุ่มเสื้อแดงได้ไหม

ไม่ใช่แกนหลักหรอก เพียงแต่อาวุโสแล้วคนที่เป็นน้องนุ่งเขาก็เกรงอกเกรงใจ แต่ไม่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมหรืออะไร มันก็เป็นเพียงว่าผมมีแนวทางอะไรที่จะเสนอ มีแนวคิดอะไรดีๆ ก็จะบอก อย่างเช่นปรากฏการณ์ที่นักเขียนนักเขียนอย่างที่คุณวัฒน์ วัลยางกูร หรือพี่คำสิงห์ ศรีนอก ไม้หนึ่ง ก.กุนที มาแถลงบทเวที เขาก็คิดกันนานแล้ว เขาก็รอดูจังหวะที่เหมาะสม ผมก็เป็นเพียงตัวประสานให้พวกเขาได้มาแสดงเจตนารมณ์ จริงๆ พวกนี้เขาโดดเดี่ยวจากสื่อและสังคมพอสมควร จริงๆ มีอีกเยอะ กลุ่มศิลปินเหล่านี้มีแนวโน้มจะขยายขึ้นอยู่แล้ว จริงๆ ตอนนี้หลายคนเขาไม่ออกมา แต่เขาก็เห็นด้วยกับทิศทางการต่อสู้ เขาเพียงแต่รอจังหวะที่เหมาะสม ผมไม่ได้ไปเชื้อเชิญใคร เรื่องการต่อสู้เพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องต้องเชื้อเชิญ แต่เป็นเรื่องที่ จริงๆ แล้วไม่มีการเชิญกัน ใครอยากมาก็มา การต่อสู้ที่อยู่ความพร้อมของแต่ละคน เพียงแค่รอว่าเมื่อคุณพร้อมและมีเป้าหมายเพื่อประชาชนเท่านั้นเอง

 

000

 

ไพจิตร อักษรณรงค์

"พี่ไม่เอาเผด็จการ จะอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าใครมาตามกฎกติกาประชาธิปไตยพี่ก็อยู่ข้างนั้น"

ทำไมมาเป็นศิลปินให้คนเสื้อแดง

หลักๆ คือพี่ไม่เอาเผด็จการและรัฐประหาร เพราะในครอบครัวของพี่ก็ต่อสู้กับเผด็จการมาโดยตลอด ก็เลยซึมซับ ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา ซึ่งพี่ยังเด็กอายุแค่ 11-12 แต่ครอบครัวพี่ก็ไปร่วมเคลื่อนไหว คุณพ่อของพี่ไปร่วมชุมนุมตลอด ยังเคยโนแก๊สน้ำตาที่หน้าเฉลิมไทย พอพฤษภาทมิฬ พี่ก็เข้าร่วม พอมามีคนเสื้อแดง พี่ก็มีโอกาสปราศรัย ขึ้นเวที ภาพก็เลยชัดขึ้น แต่จริงๆ ก็สู้กับเผด็จการตลอด คนอาจจะติดภาพว่าพี่ร้องเพลงรักหวานๆ แต่นิสัยส่วนตัวพี่จะห้าวๆ นะ

นอกจากร้องเพลงแล้ว ทำอะไรบ้างในการเคลื่อนไหว

ก็บริจาคเงิน ช่วยเหลือด้านอื่นๆ แต่โดยหน้าที่เราเป็นศิลปิน แรกๆ ในยุคสนามหลวง เขาไม่มีศิลปินเลย พี่ก็เลยไปขึ้นร้องเพลงให้เวทีสนามหลวง

บทบาทของศิลปินสำคัญอย่างไรต่อมวลชน

ศิลปินก็สำคัญนะคะ เพราะว่าศิลปินมีแฟนเพลง แฟนคลับอยู่  แต่เมื่อเขาเห็นศิลปินในดวงใจ หรือคนที่เขาชื่นชอบไปอยู่บนเวทีมันก็จะมีคำถามตามมาว่าทำไมขึ้นเวทีเสื้อแดง อย่างพีเอง แฟนเพลงพี่ที่เป็นพวกเสื้อเหลืองก็เยอะ ตอนหลังเราก็บอกเหตุผลเขา ไม่ได้ไปยุแหย่เขา แต่บอกเขาให้ฟังทั้งสองฝ่ายแล้วลองใช้วิจารณญาณของคุณเองว่าฝ่ายไหนเขาทำได้ดีที่สุด

มองมวลชนเสื้อแดงอย่างไร

พี่อาจจะไม่ทราบว่าเขามีการจัดตั้งหรือการว่าจ้างกันมาหรือเปล่า แต่เฉพาะในกลุ่มของพี่จำนวนไม่น้อย หลายพันคน ไม่มีใครได้รับค่าจ้าง มีแต่ช่วยเหลือเอื้ออาทรกัน และอย่างพี่มาเคลื่อนไหวพี่ก็ต้องควักเงินตัวเองนะ ไม่ได้ไปรับเงินรับทองจากใคร ไม่ได้เงินเลยยืนยันให้ตายต่อหน้าเลยว่าไม่เคยได้รับเงินใดๆ ทั้งสิ้น

แล้วมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างไรบ้างกับการที่มาร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง

ถ้าคนที่เป็นพันธมิตรฯ จ๋าเลยเขาก็จะด่า แต่พี่ก็ไม่ใส่ใจ เพราะเรารู้ว่าเราทำเพื่ออะไร เรามีหลัก มีจุดยืนของเรา มีคนด่าว่าพี่เป็นขี้ข้าทักษิณ รับเงินทักษิณ แต่เรารู้ตัวเราว่าเราทำอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ไปสนใจกับสิ่งรอบข้างคอยด่าเรา กล่าวหาเราอย่างนั้นอย่างนี้

เขาอาจจะเห็นว่าเราไม่เท่าทันความซับซ้อนของการเมืองไทยหรือเปล่า เพราะทักษิณอาจจะมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องการคอร์รัปชั่น ทั้งการใช้อำนาจในทางที่ผิด

คือพี่ไม่เอาเผด็จการ จะอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าใครมาตามกฎกติกาประชาธิปไตยพี่ก็อยู่ข้างนั้น เอาอย่างงี๊แล้วกัน ทักษิณเขามาตามกฎกติกาประชาธิปไตย ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้ชอบคุณทักษิณ แต่ไปๆ มาๆ พี่รักและศรัทธาเขานะ เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็อยู่ข้างประชาชน เพราะติดตามผลงานเขามาตลอด พี่ติดตามมาหลายรัฐบาล แต่ละรัฐบาลเขาก็เอาพวกนโยบายมาแอบอ้างกับประชาชน แต่ว่าทำไม่ได้จริง เวลาไปหาเสียงกีบประชาชนก็บอกว่าจะทำนั่นทำนี่ แต่พอได้รับเลือกแล้ว ได้ตำแหน่งแล้ว คุณไม่ได้ทำอะไรให้ประชาชนเลย แต่ในทางกลับกันเมื่อคุณทักษิณรับปากอะไรกับประชาชน ในทางปฏิบัติเขาทำได้

ชักชวนเพื่อนศิลปินมาบ้างไหม

ก็มากันนะแต่บางคนก็ไม่กล้าเปิดเผยตัว เพราะเขาต้องทำมาหากิน เพราะมันก็สุ่มเสี่ยง อย่างพี่เนี่ยบอกตรงๆ เลยว่าตั้งแต่มาเวทีเสื้อแดงนี่พี่ตกงานนะ ห้องอาหารต่างๆ ที่เคยจ้างเราไปร้อง เขาก็เลิกจ้างนะ มันก็เสี่ยง แต่ว่าชีวิตพี่มันก็ลำบากมาตลอดอยู่แล้ว บอกตรงๆ นะเกือบ 4 ปีนี่ลำบากนะ โดยเฉพาะ 2 ปีแรก คือกินเงินเก็บเลยน่ะ เพิ่งมาเริ่มคิดขายเสื้อผ้า 2 ปีหลังนี่เองนะ เพราะเราไม่ได้มีหัวธุรกิจ จนมีคนแนะนำให้เอาซีดี เอาเสื้อ เอาหนังสือบทกวีมาขายในที่ชุมนุมด้วย เพราะตอนแรกเราแค่ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง เพราะเรามีใจน่ะ ตอนนี้รายได้จากการขายเสื้อ ขายหนังสือ และซีดี ก็ทำให้ไม่ต้องกังวลมากนัก ไม่เหมือน 2 ปีแรก ที่มาร่วมชุมนุมนี่ เราก็ไม่ได้ไปนั่งหลังเวที ไม่ใช่แกนนำ เขาอยากให้เราร้องเพลงเมื่อไหร่ เขาก็โทรมาเรียกตอนนั้น เราก็วิ่งไป เราเพียงแต่เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ เขาเรียกเมื่อไหร่ เราก็ไป ไม่ได้กำหนดว่าเราต้องขึ้นเวลานั้นเวลานี้

ตอนนี้ไม่สามารถไปร้องเพลงตามห้องอาหารได้เลยหรือ

ไม่มีสิทธิเลย เพราะเขาจ้างคนที่ร้องเพลงอย่าลืมว่าเขาต้องจ้างคนที่ไม่มีภาพชัดเจนทั้งเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง เพราะมันจะกระเทือนกับธุรกิจเขา เราก็เข้าใจเขานะ ไม่ได้โกรธเขานะ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท