Skip to main content
sharethis

 

การเมือง

 

'ธานี'ลั่นไม่มีการจับแพะคดียิงสนธิคืบหน้าแต่ไม่พูด

ASTV ผู้จัดการรายวัน - "ธานี สมบูรณ์ทรัพย์" ยึดคติ"ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" ในการคลี่คลายคดีลอบสังหาร"สนธิ ลิ้มทองกุล" ลั่นไม่มีการจับแพะแน่ ระบุคดีมีความคืบหน้าพอสมควร แต่ไม่สามารถพูดได้ เพราะอาจถูกสงสัยเป็นพวกเดียวกับโจร ขณะที่คดีทุบรถนายกรัฐมนตรี ยืนยันชัด "อภิสิทธิ์"อยู่ในรถจริง เตรียมขอสอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย ส่วนคดี 7 ตุลา เตรียมเรียก "สุชาติ เหมือนแก้ว"มาสอบปากคำเช่นเดียวกัน

 

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า พนักงานสอบสวนสืบสวนทุกคนพยายามทำคดีด้วยความรอบคอบ จึงอาจเกิดความล่าช้าอยู่บ้าง ซึ่งได้มอบนโยบายว่าอย่าทำแบบลวกๆ สักแต่ว่าจะออกหมายจับให้ได้ เพราะไม่เกิดประโยชน์ที่จะไปออกหมายจับรูปภาพ ออกหมายจับเศษกระดาษ

 

เมื่อ ถามว่า ที่ผ่านมาการสืบสวนคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าพยานหลักฐานมีน้อย ทั้งๆ ในที่เกิดเหตุมีพยานหลักฐาน โดยเฉพาะปลอกกระสุนตกอยู่เป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ปลอกกระสุนทั้งหมดยังไม่สามารถตอบข้อสงสัย หรือสาวไปถึงตัวคนร้ายได้ มันต้องมีขั้นตอนอื่นๆ อีกมาก เพราะปลอกบางปลอกตรวจสอบที่มาที่ไปได้ บางปลอกตรวจสอบไม่ได้ ส่วนที่ตรวจสอบได้ตำรวจก็ต้องไปไล่ต่ออีกว่าผลิตที่ไหน เมื่อไหร่ จ่ายไปให้หน่วยงานใดกี่นัด ลงไปถึงใครบ้าง ซึ่งขั้นตอนในการตรวจสอบดังกล่าวนั้นได้ประสานไปยัง ผบ.ทบ.อย่างไม่เป็นทางการ และได้รับคำตอบมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุแล้ว

 

"ขอ เวลาให้ตำรวจทำงานก่อน อย่าเพิ่งสรุปกันเองว่าใครเป็นคนทำ หรือตำรวจเจอตอ ตำรวจต้องสืบสวนไปตามขั้นตอน ตามพยานหลักฐาน ซึ่งต้องใช้เวลา ไม่ใช่เหตุเกิดวันนี้แล้วพรุ่งนี้ตำรวจต้องตอบให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ ตำรวจก็เป็นคนธรรมดาไม่ใช่ผู้วิเศษ"พล.ต.อ.ธานี กล่าว

 

ผู้ สื่อข่าวถามต่อว่า คดีนี้มีผู้ใหญ่หรือใครให้ความช่วยเหลือหรือไม่ ถึงทำให้มือปืนสามารถลอยนวลอยู่ได้ พล.ต.อ.ธานี มีอาการนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วๆ ว่า ไม่รู้สิ

 

พล.ต.อ .ธานีกล่าวต่อว่า ในขณะนี้ทีมสืบสวนสอบสวนทุกคนก็เร่งทำงานกันอยู่ และมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ที่เห็นว่าคดีไม่คืบนั้นเป็นเพราะว่า ตนไม่พูด เพราะไม่อยากพูดมาก ถ้าพูดมากเดี๋ยวก็จะถูกสงสัยอีกว่า เป็นพวกโจรหรือไม่ ถึงได้ตอบหมดเลยว่าตำรวจจะต้องทำอะไรบ้าง

 

เมื่อ ซักว่า เมื่อไหร่ตำรวจถึงจะมีหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาได้ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า คงตอบว่าวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ถ้าวันนี้ได้หลักฐานดี มะรืนนี้ก็ได้แล้ว แต่ถ้าพรุ่งนี้พยานหลักฐานไม่พอก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งตนขอยืนยันว่าการทำงานในคดีนี้หลักฐานต้องแน่นนอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีการจับแพะ จับแกะ และถ้าออกหมายจับแล้วต้องให้ได้คน ไม่ใช่ได้แค่ชื่อ ได้แค่กระดาษ เหมือนหลายๆ คดีใหญ่ที่ตำรวจทำแล้วไม่ได้หวังผลจะได้ตัวคนร้าย ทำไปแค่ให้ครบกระบวนการ ตนไม่ชอบ มันไม่มีประโยชน์

 

ผู้ สื่อข่าวถามต่อว่ามีวี่แววว่าจะได้ตัวคนร้ายก่อนที่ท่านจะเกษียณหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี ตอบว่า ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 4 เดือน พร้อมกับกล่าวว่า แล้วทำไมต้องมาเป็นตน ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมี พล.ต.อ.เป็นโหล

 

วัน เดียวกัน ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ธานี เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การเข้าพบในครั้งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับคดีทุบรถนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย และมาประสานเรื่องการสอบปากคำนายกฯในคดีดังกล่าว ซึ่งคงต้องรอให้นายกฯว่างเสียก่อน ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน เมื่อนายกฯว่างจะเป็นผู้แจ้งมาเอง

 

"ยัง มีเวลา ท่านเป็นผู้ใหญ่ ก็คงต้องมาสอบปากคำที่ทำเนียบ ในส่วนของการสอบสวนก็ได้มีการ สอบนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปแล้ว"พล.ต.อ.ธานีกล่าว

 

พล.ต.อ .ธานียืนยันในการตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงประเด็นที่นายกรัฐมนตรีอยู่ในรถหรือ ไม่ว่า ประเด็นไหนนายกฯก็อยู่ในรถ ใครบอกว่า นายกฯไม่ได้อยู่ ยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์จริงทั้งหมด ในส่วนของสำนวนมันมีอยู่แล้ว เพียงแต่มาสอบเพิ่มในรายละเอียด ซึ่งในส่วนของสำนวนมีข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ซึ่งมาสอบในฐานะที่นายกฯเป็นผู้เสียหาย

 

รอง ผบ.ตร.ผู้นี้ ยังตอบคำถามในประเด็นต่างๆโดยระบุว่า คดีอาจจะเสร็จสิ้นก่อนเดือนมิ.ย.นี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ไม่ได้เป็นพยานรายสุดท้าย อีกทั้งคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเสื้อสีน้ำเงิน โดยคดีที่เกิดขึ้นในระหว่างการประกาศใช้พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินนั้นมีถึง 101 คดี

 

ก่อน หน้านี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนสืบสวนคดี 7 ต.ค.2551 ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง โดยพล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ได้เรียกพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดี 7 ต.ค.2551 มาประชุม เพื่อตรวจความคืบหน้าของคดี เนื่องจากพึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนสืบสวนแทน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยคดีทั้งหมดมี 19 คดี ทำเสร็จส่งอัยการไปแล้ว 2 คดี เหลืออีก 17 คดี รวมถึงคดีที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จึงได้สั่งการให้ผู้ที่รับผิดชอบในแต่ละคดีดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้ แล้วเสร็จต่อไป แต่ยกเว้นคดี พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ สารวัตรจ๊าบประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์, แกน นำเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดบุรีรัมย์ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ ภาคอีสาน ที่สละชีพในเหตุระเบิดรถยนต์จี๊ปเชอโรกี บริเวณหน้าพรรคชาติไทย ถนนพิชัย กรุงเทพฯ ในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬ 2551 คดี น.ส.อังคณา ประดับปัญญาวุฒิ อายุ 27 ปี (น้องโบว์) ที่เสียชีวิตในวันสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา และคดีภาพรวมวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งมีปัญหาในเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานที่ต้องรอการพิจารณาว่าจะดำเนินการ อย่างไร แต่ขอเวลาในตนกลับไปอ่านสำนวนทั้ง 3 คดีก่อน

 

"เท่า ที่วิเคราะห์ปัญหาที่มีอยู่ในขณะนี้น่าจะเป็นเรื่องการบริหารงานบุคคล ที่มีชื่อผู้ปฏิบัติงานในคณะพนักงานสอบสวนสืบสวนเยอะ แต่มีคนทำงานน้อย"

 

ผู้ สื่อข่าวถามว่า ความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนชุดนี้ต้องทำคดียึดสนามบินดอนเมืองด้วยหรือ ไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า คดีดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดชอบ แต่ก่อนหน้านี้เกิดความเข้าใจผิดว่าต้องดำเนินการด้วย เนื่องจากการแบ่งมอบหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา โดยให้ตนรับผิดชอบ บช.น.แล้วจะต้องทำด้วยเพราะสนามบินดอนเมืองก็อยู่ในพื้นที่นครบาล แต่ปรากฎว่าสำนวนคดีสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิหัวหน้าพนักงานสอบสวน สืบสวนยังคงเป็น พล.ต.ท.วุฒิ เหมือนเดิม เปลี่ยนความรับผิดชอบเฉพาะคดีพันธมิตรฯ เท่านั้น

 

พล.ต.อ.ธานี กล่าวอีกว่า กรณี 7 ต.ค. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.เป็นผู้กล่าวหา ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเชิญมาสอบสวนเพิ่มเติม แต่คงไม่มีปัญหาในเรื่องที่ พล.ต.ท.สุชาติ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลในเรื่องเดียวกัน เนื่องจากเป็นคนละส่วน คดีที่ตำรวจทำเป็นคดีอาญาของ ป.ป.ช. เป็นเรื่องความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ

 

อย่างไร ก็ตาม พนักงานสอบสวนชุดนี้ได้พยายามเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด อยู่แล้ว แต่ที่ติดขัดอยู่คือ คำให้การเพิ่มเติมของผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ส่งให้พนักงานสอบสวน คาดว่าในเร็วๆ นี้คดีอีก 14 คดีก็จะสามารถส่งอัยการได้

 

"40ส.ว.-ภาคปชช."เดิมพันรถเมล์4พันคันไม่ล้ม-รัฐบาลล้มแน่

เว็บไซต์คมชัดลึก - 40 ส.ว.เปิดเวทีชำแหละโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ย้ำตั้งโครงการเพื่อสะสมเสบียงรับเลือกตั้ง เรียกร้องรัฐบาล"มาร์ค"อย่ายอม ขณะที่ภาคปชช.ยันปชช.ไม่ได้กินแกลบ คนบุรีรัมย์ตั้งคำถามรมว.คมนาคมแต่ก่อนไม่มีอะไร พอมาเป็นนักการเมืองกลับรวยมหาศาล

 

พท.งดประชุมใหญ่เลือกหน.พรรคอ้างไม่เร่งด่วน

เว็บไซต์คมชัดลึก - เพื่อไทย มีมติงดประชุมใหญ่วิสามัญฯ 31 พ.ค.นี้ ล้มวาระเลือก หน.พรรคฯใหม่ อ้างไม่มีจำเป็นเร่งด่วน รอกติกาใหม่ หลัง นายกฯทุกฝ่ายส่งสัญญาณแก้ไขรัฐธรรมนูญ ช่วงปิดสภา อ้างต้องฟังเสียง ส.ส.-สมาชิกพรรคแสนคน ปัดหาตัวไม่ได้ เปิดโอกาส ส.ส.หาเสียง ชิง หน.พรรคฯ ลั่นคุณบัติต้องเป็นนายกฯดีกว่า มาร์คพร้อมมีมติส่ง 2 ผู้สมัครลงซ่อม 2 เขต พล.อ.อ.สุเมธอ้าแขนรับหน.พรรคพท.หากทักษิณไฟเขียว

 

อานันท์ชี้พรรคพันธมิตรเป้าหมาย"การเมืองใหม่"

เว็บไซต์คมชัดลึก - นาย อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดการตั้งพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่าถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับสังคม แต่การที่กลุ่มคนส่วนใหญ่เห็นชอบให้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ เห็นด้วยจะไม่มี ซึ่งการชูแนวคิดว่าเพื่อสร้างการเมืองใหม่ถือเป็นเป้าหมายที่เด่นชัดและทุก ฝ่ายอยากเห็น อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากจะฝากไปถึงคือจะต้องตอบให้ได้ว่าเป้าหมายดังกล่าวจะ มีแนวทางไปให้ถึงได้อย่างไร ต้องจีโจทย์ให้แตก นอกจากนี้พธม.ยังจะต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นผู้ตรวจสอบคนอื่นมาโดยตลอด แต่หากอนาคตจะตรวจสอบตัวเองจะมีใคร

 

จุด เด่นของพธม.คือมีเป้าหมายที่ถูกต้อง แต่การจะเดินไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร นี่ถือเป็นการบ้านที่ฝากไป การเป็นนักการเมืองต้องตีโจทย์ให้แตก เพราะเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดว่าการเมืองสะอาด อะไรคือความสะอาด แล้วจะนำไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร การมีสโลแกนอยากได้การเมืองใหม่ ใครก็อยากมี ตอนนี้เป้าหมายมีแล้วแต่ช่องทางที่จะไป ไปอย่างไร หนทางที่จะไปอาจมีหลากหลาย ได้ 4-5 ทางในเป้าหมายเดียวกัน หากต่างคนมุ่งเป้าหมายเดียวกันจะเป็นแรงผลักดันไปสู่เป้าหมายได้

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าพธม.จะเข้าไปสู่การเมืองในระบบแล้ว แต่เชื่อว่าการเมืองนอกสภายังคงมีอยู่ ซึ่งพธม.เองจะมี 2 บทบาทหรือไม่ในขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ คงต้องติดตามต่อไป ส่วนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น สามารถทำได้ ในต่างประเทศมีการแก้มาหลายหนเช่นกัน หากวิเคราะห์รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540และ 2550 ยอมรับว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่ แต่ปัญหาในขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ ตัวรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่ผู้ใช้อำนาจมากกว่า

 

นอกจาก นี้นายอานันท์ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่สื่อว่า สื่อทำได้แค่จุดประกายประเด็น แต่จะออกคำสั่งหรือบงการให้ใครคิดตามไม่ได้ อย่าคิดว่าเป็นสื่อแล้วเราจะถูกทุกอย่าง จุดนั้นจะอันตราย อย่าหลงตัวเอง

 

ถาวรเชื่อบึ้มยะลาแค่ก่อกวนสร้างข่าวให้คนสนใจ

เว็บไซต์คมชัดลึก - “ถาวรหนุนคำพูด ผบ.ทบ.บึ้ม ยะลาเป็นแค่ก่อกวน สร้างข่าวคนจะได้สนใจ ยัน รบ.ตั้งใจทำงานเต็มที่ ใช้การเมืองนำการทหาร นายกฯอภิสิทธิ์เผยอีก 1-2 สัปดาห์ปรับทิศทางเชิงนโยบายดับไฟใต้ใหม่ ยอมรับแนวนโยบายดีแต่ยังขับเคลื่อนได้ไม่เต็มที่

 

 

คุณภาพชีวิต

 

สมเกียรติเผย เตรียมเสนอปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง

เว็บไซต์แนวหน้า - ที่ กระทรวงแรงงาน นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติในหลักการปรับเพิ่มการจ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ ลูกจ้าง ที่จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จากเดิมที่กองทุนจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันตั้งแต่ 120 วัน ถึง 3 ปี ในอัตรา ร้อยละ 30 ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 3 ปี ถึง 6 ปี ในอัตรา ร้อยละ 60 เท่าของ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปรับเพิ่มเป็นลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกัน 120 วัน ถึง 3 ปี ได้รับเงิน 30 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 3 ปี ถึง 10 ปี ได้รับเงิน 60 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และ 10 ปี ขึ้นไป ได้รับเงิน 90 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเสนอเรื่องต่อนายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ลงนาม ก่อนที่จะแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงขั้นตอนในการขั้นตอนในการขอรับเงิน ช่วยเหลือจากกองทุนให้รวดเร็วขึ้น จากเดิมที่มีขั้นตอนยุ่งยากและใช้ระยะเวลากว่า 3 เดือน ให้ลดระยะเวลาเหลือ 2 เดือน

 

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เงินในกองทุนมีอยู่กว่า 300 ล้านบาท โดยงบประมาณที่นำมาใช้ในกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้มาจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งในปีนี้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤตเศรษฐกิจถูกนายจ้างเลิกจ้าง และไม่จ่ายค่าชดเชย จึงได้อุดหนุนงบประมาณให้อีก 50 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่าเงินในกองทุนจะเพียงพอในการช่วยเหลือลูกจ้าง ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค.2551 กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้จ่ายเงินช่วยเหลือ 3,356 คน คิดเป็นเงิน 22.5 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบการจ่ายเงินสงเคราะห์ลูกจ้างในเดือนเม.ย.ปี 2551 เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.2552 มีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายเท่า โดยในเดือนเม.ย.2551 มีลูกจ้างได้รับเงิน 25 คน จ่ายเงินไปทั้งสิ้น 129,397 บาท ขณะที่ในเดือนเม.ย. 2552 กองทุนต้องจ่ายเงินให้ลูกจ้างมากถึง 683 คน เป็นเงินกว่า 4.3 ล้านบาท

 

เห็น ได้ชัดว่าลูกจ้างที่ตกงานที่ขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีจำนวนมาก ขึ้น เนื่องจากได้รับวิกฤตเศรษฐกิจ นายจ้างเลิกจ้างปิดกิจการ ไม่จ่ายค่าชดเชย บางรายก็ปิดกิจการหนี ทำให้เจ้าหน้าที่มาสามารถที่จะตามทวงหนี้ได้ ที่ผ่านมาเราทวงหนี้จากนายจ้างได้เพียง 40 ล้านบาท จาก 210 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ” นายสมเกียรติ กล่าว

 

หารือกรรมการพิจารณาดาวเทียม

เว็บไซต์ เดลินิวส์ - ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวภายหลังหารือร่วมกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ว่า กระทรวงไอซีที และ กทช. มีแนวคิดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อหาแนว ทางจัดหาดาวเทียมทดแทนดาวเทียมไทยคม 1 และดาวเทียมไทยคม 2 ที่กำลังจะหมดอายุ ในปี 2553 จึงต้องเร่งพิจารณาว่า จะให้ต่าง ชาติเข้ามาร่วมทำดาวเทียม หรือจะใช้วิธีเช่า ดาวเทียมต่างประเทศ และวงโคจรดาวเทียมของไทยที่มีอยู่ถ้าบริษัทต่างประเทศขอเช่าใช้จะได้หรือไม่

 

กระทรวง ไอซีทีรับผิดชอบเรื่องของดาวเทียมที่ยิงขึ้นฟ้า ขณะที่ กทช.รับผิดชอบเรื่องการเช่าช่องคลื่นสัญญาณ จึงต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งการตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องดาวเทียมต้องดูประโยชน์ของประเทศและ ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก โดยเบื้องต้นไอซีทีคงทำดาวเทียมคนเดียวไม่ได้ต้องมีผู้มาร่วมลงทุนด้วย แต่จะเป็นใครขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลรมว.ไอซีที กล่าว

 

นาย สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการ กทช. กล่าวว่า ดาวเทียมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับหน่วยงานระหว่างประเทศ ซึ่งไอซีทีต้องเป็น เจ้าภาพ และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตก่อนที่ดาวเทียมไทยคม 1 และดาวเทียมไทยคม 2 จะหมดอายุ

 

สำหรับดาวเทียมไทยคม 1 และดาวเทียมไทยคม 2 เป็นดาวเทียมรุ่นแรกของโครงการดาวเทียมไทยคม มีอายุการใช้งาน 15 ปี โดยเป็นดาวเทียมรุ่น HS-376 ผลิต โดยบริษัท ฮิวจ์ แอร์คราฟท์ ประเทศสหรัฐอเมริกาหรือบริษัทโบอิ้งในปัจจุบัน พื้นที่การให้บริการครอบคลุมประเทศไทย ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น และชายฝั่งตะวันออกของประเทศจีน ใช้เป็นดาวเทียมเพื่อการแพร่ภาพและกระจายเสียง

 

กทช.สั่งสบท.ศึกษาหาทางกำจัดขยะเอสเอ็มเอส

เว็บไซต์ไทยรัฐ - เผย บอร์ดอนุมัติหลักเกณฑ์วิทยุชุมชน แต่ต้องแก้ไขทางเทคนิค และเพิ่มเวลาทดลองออกอากาศจาก 90 วัน เป็น 300 วัน ส่วนเรื่อง 3 จี มิ.ย.นี้ เซ็นสัญญากับบริษัทที่ปรึกษาชัวร์...

นาย สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด กทช.ได้มอบหมายให้สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)ไปทำการศึกษากรณีมีการส่งข้อความขยะไปยังโทรศัพท์มือถือ หรือเอสเอ็มเอสสแปม อาทิ ข้อความชวนเชื่อ ให้ซื้อสินค้า หรือ การพนัน ดูดวงฟรี เป็นต้น ทำให้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือเดือนร้อน โดยรายงานผลศึกษาให้กทช.ทราบภายใน 30 วัน

 

ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับการส่งเอสเอ็มเอสขยะ ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ส่งเอสเอ็มเอสสแปมไปยังผู้ใช้ โทรศัพท์มือถือ ขณะที่บางประเทศได้เริ่มออกมาตรการลงโทษบ้างแล้ว อาทิ ฮ่องกง จึงเห็นว่า กทช.ควรเริ่มออกกฎหมายเข้ามาควบคุมดูแลเพราะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน อาทิ กฎหมายการพนัน มาตรฐานสัญญาการให้บริการ รวมถึงบทลงโทษ ซึ่ง สบท.ต้องศึกษาข้อมูล

 

นาย สุรนันท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักเกณฑ์วิทยุชุมชน โดย กทช.ได้ให้ไปแก้ไขเพิ่มเติม ทางด้านมาตรฐานทางเทคนิค และเพิ่มระยะเวลาทดลองออกอากาศเป็นระยะเวลา 300 วันก่อนได้รับใบอนุญาตชั่วคราวจากเดิมได้กำหนดไว้ 90 วัน และในวันที่ 28 พ.ค.นี้จะนำร่างหลักเกณฑ์ประกาศขึ้นบนเว็บไซต์ กทช.( www.ntc.or.th) เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล และคาดว่าประมาณ ก.ค.นี้จะสามารถประกาศบังคับใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวได้

 

เลขาธิการ กทช. กล่าวด้วยว่า ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ ชั่วคราว (กิจการโทรทัศน์ที่มีการบอกรับสมาชิก ) เข้าสู่การประชุมบอร์ดในสัปดาห์หน้า ส่วนเรื่องที่ปรึกษาโครงการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์มือถือ 3 จี นั้น คาดว่า ประมาณปลาย พ.ค.นี้น่าจะได้ข้อสรุป เพราะอยู่ระหว่างต่อรองราคา และเรื่องสัญญากับบริษัทผู้เชี่ยวชาญ และประมาณเดือนมิ.ย.นี้น่าจะเซ็นสัญญากับบริษัทที่ปรึกษา 3 จี ได้

 

กม.ลูกพรบ.ภาพยนตร์เสร็จไม่ทัน 2 มิ.ย.

เว็บ ไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ได้ชี้แจง ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ความล่าช้าในการร่าง กฎกระทรวงประกอบพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งไม่ทันประกาศใช้ภายในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและปรับแก้ข้อความ ในเบื้องต้นทราบว่ากฤษฎีกาพิจารณาเสร็จแล้ว 4 ฉบับ เหลือเพียงร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ประเภทภาพยนตร์ ยังต้องมีข้อความบางส่วนที่ต้องปรับแก้ให้ชัดเจน

 

 

เศรษฐกิจ

 

BOIชี้เม็ดเงินตปท.วูบ7หมื่นล.

ASTV ผู้ จัดการรายวัน - เผยเม็ดเงินต่างชาติยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 4 เดือนแรกปีนี้ลดลงกว่า 6.9 หมื่นล้านบาทเหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ยังคงติดลบที่ระดับ 12.84% โดยติดลบน้อยลงต่อเนื่องถือเป็นสัญญาณที่เริ่มฟื้นตัว ส่วนศูนย์พยากรณ์หอการค้าฯชี้นักธุรกิจกลัวปัญหาการเมืองในประเทศมากกว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลก เหตุทำให้ไม่กล้าลงทุนและขยายธุรกิจ

 

รายงาน ข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ แจ้งว่า 4 เดือนแรกของปี 2552 (ม.ค.-เม.ย.) การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ(FDI) มี ทั้งสิ้น 186 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 21,672ลดลงทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุนจากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยจำนวน โครงการลดลง 123 โครงการหรือคิดเป็นการเปลี่ยนแปลงลดลง 39.8% ขณะที่เงินลงทุนลดลง 69,837 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนที่ลดลง 76.3%

 

ทั้งนี้ จำนวนโครงการจากต่างชาติที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนคิดเป็น 63.3 %ของจำนวนโครงการทั้งสิ้นที่ยื่นขอส่งเสริม (294 โครงการ) ปริมาณเงินลงทุนคิดเป็น 15.8 %ของปริมาณเงินลงทุนทั้งสิ้นที่ยื่นขอส่งเสริม (137,072 ล้านบาท) อุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติยื่นขอส่งเสริมและมีปริมาณเงินลงทุนสูงสุด คือ กิจการบริการและสาธารณูปโภคในภาคอุตสาหกรรม รองลงมาคือกิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง

 

สำหรับ ประเทศที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่ยื่นขอรับฯสูงสุด โดยยื่นขอ 71 โครงการลดลง 41.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าลงทุน 10,148 ล้านบาท ลดลง 47.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาเป็นการลงทุนจากยุโรปมีทั้งสิ้น 46 โครงการมูลค่า 5,660 ล้านบาท มูลค่าลดลงคิดเป็น 77.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ส่วน การลงทุนจากกลุ่มประเทศอาเซียนมีโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมฯ 31 โครงการลดลง 15 โครงการมูลค่าเงินลงทุน 19,69 ล้านบาท ขณะที่จีนยื่นขอ 5 โครงการเงินลงทุน 357 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1โครงการ ส่วนสหรัฐอเมริกามีโครงการยื่นขอส่งเสริมฯ 18 โครงการเพิ่มขึ้น 4 โครงการมูลค่าลงทุน 1,764 ล้านบาทหรือมูลค่าเพิ่มขึ้น 471ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 แหล่ง ข่าวกล่าวว่า การลงทุนที่ลดลงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวประกอบกับขนาดการลงทุน ของต่างชาติส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดกลางและเล็กมีมูลค่าการลงทุนเฉลี่ยไม่ เกิน 100 ล้านบาทหรือคิดเป็น 78% ของโครงการที่ต่างชาติยื่นขอเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ได้มีการลงทุนไปแล้ว ค่อนข้างมาก ดังนั้นทิศทางการลงทุนในปีนี้หากมีการยื่นขอลงทุนในระดับ 4 แสนล้านบาทก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจและหากเศรษฐกิจโลกถึงจุดต่ำสุดจริง คาดว่าการลงทุนใหม่จะทยอยเข้ามาในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2553

 

นาย อาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)และรองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม)เดือน เม.ย.52 ยังติดลบ -12.84% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี โดยอยู่ที่ระดับ 146.66 ดัชนีผลผลิต (มูลค่าผลผลิต) อยู่ที่ระดับ 141.49 ลดลง -16.52% จากระดับ 169.49 ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 140.69 ลดลง -16.69% จากระดับ 168.88ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 102.49 ลดลง -5% จากระดับ 107.88 ขณะที่ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 207.98 เพิ่มขึ้น 18.51% จากระดับ 175.49 ดัชนีอัตราส่วนสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 224.50 เพิ่มขึ้น 11.41% จากระดับ 201.50 ดัชนีผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 146.54 เพิ่มขึ้น 0.63% จากระดับ 145.62 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 51.41 %

 

 

ต่างประเทศ

 

ศาลสูงแคลิฟอร์เนียกลับลำ ห้ามกลุ่มเกย์แต่งงาน

เว็บไซต์ ไทยรัฐ - ศาลฎีการัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ อนุมัติคำสั่งห้ามการสมรสของกลุ่มรักร่วมเพศ หลังมีการลงมติในที่ประชุมด้วยคะแนน 6 ต่อ 1 เสียง สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มชาวเกย์เตรียมยื่นอุทธรณ์..

 

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานวานนี้ (27 พ.ค.) ว่า ศาลฎีการัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ อนุมัติคำสั่งห้ามการสมรสของกลุ่มรักร่วมเพศ หลังมีการลงมติในที่ประชุมด้วยคะแนน 6 ต่อ 1 เสียง สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มชาวเกย์ที่มาชุมนุมบริเวณด้านนอก และเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลกลางสหรัฐฯ ให้พิจารณากฎหมายมาตรา 8 รัฐแคลิฟอร์เนียว่าด้วยการแต่งงานระหว่างชายกับหญิง เพราะถือว่าละเมิดสิทธิคุ้มครองความเสมอภาค ส่วนคู่ที่เข้าพิธีจดทะเบียนหลังออกกฎหมายบังคับใช้ครั้งแรกเมื่อ 17 มิ.ย.ปีก่อน ทั้ง 18,000 คน จะได้รับการยกเว้น

 

ด้าน นาย อาร์โนลด์ ชวาเซเนเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ตนเชื่อว่า ต่อไปจะมีคนยอมรับการแต่งงานในหมู่ชาวเกย์มากขึ้น อนึ่ง ปัจจุบันในสหรัฐฯที่ชาวเกย์จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายได้เฉพาะรัฐแมซซาชูเซต ส์ ไอโอว่า เมน เวอร์มอนต์ และคอนเนคติกัต

 

โอบามาจี้พม่าปล่อยตัวซูจี

เว็บไซต์ สยามรัฐ - วอชิงตัน - ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านพม่าในทันที อีกทั้งยังประณามการกระทำของรัฐบาลทหารพม่าด้วยว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการ และไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่คณะกรรมาธิการต่างประเทศของไทย เตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือเพื่อกำหนดบทบาทรัฐสภาไทยในการ ผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชนในพม่า หลังรัฐบาลทหารพม่าประกาศจะควบคุมตัวนางซูจีออกไปอีก 3 - 5 ปี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net