Skip to main content
sharethis

 

บรรยากาศในการจัดงานรำลึก 40 วัน ความรุนแรงที่มัสยิดอัลฟุรกอนที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาสเป็นไปอย่างคึกคัก มีคนเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ห้องประชุมไม่สามารถรองรับได้เพียงพอทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งแสดงอาการไม่พอใจที่ไม่สามารถเข้ามาในงานได้

ผู้ถูกเชิญมาแสดงความคิดเห็นก็มีมากมายหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มภาคประชาสังคม นำโดย พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม ประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ กลุ่มการเมืองโดยนายแพทย์แวมะฮะดี แวดาโอ๊ะ ฝ่ายความมั่นคงนำโดย พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผบ.พตท. และกลุ่มนักศึกษา มีผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสมาร่วมรับฟังด้วยการแสดงความเห็นล้วนมุ่งตรงไปที่การโจมตีกฎหมายพิเศษคือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เพิ่งถูกประกาศต่ออายุไปอีก 3 เดือน รวมไปถึงการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ส่งผลกระทบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน

มีข้อสังเกตว่า ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ชาวบ้านรายหนึ่งจากบ้านไอร์ปาแยบอกว่า ชาวบ้านจากหมู่บ้านอันเป็นสถานที่เกิดเหตุที่ต้องการเดินทางมาร่วมงานถูกด่านของทหารสกัดไม่ให้เดินทางเข้าสู่เมืองนราธิวาสจำนวนมาก ผู้ชายในหมู่บ้านถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ หลายคนจึงเลือกที่จะอยู่ที่หมู่บ้านตนเองและรำลึกถึงการจากไปของญาติพี่น้องของตนเองอย่างเงียบๆ

ชาวบ้านอีกคนเล่าว่า ทหารที่ด่านบอกว่า ถ้าเดินทางเข้ามาในตัวเมืองนราธิวาสจะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เมื่อนำเรื่องดังกล่าวมาเล่าให้นายทหารรายหนึ่งที่ติดตาม ผบ.พตท.มาในงาน นายทหารรายนั้นถึงกับแสดงอาการไม่พอใจและบอกว่า ทหารต้องรับรองความปลอดภัยให้ประชาชน ถ้าเห็นว่าไม่ปลอดภัยก็ต้องดูแลให้ปลอดภัย ไม่ใช่บอกประชาชนไปอย่างนั้น พร้อมรับปากว่าจะไปดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้

พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม ประธานจัดงานรำลึก 40 วัน ความรุนแรงที่มัสยิดอัลฟุรกอน กล่าวว่าตนเองได้รับโทรศัพท์จากชาวบ้านไอร์ปาแยว่าชาวบ้านออกจากหมู่บ้านมาร่วมงานนี้ไม่ได้ เพราะถูกเจ้าหน้าที่ทหารไปข่มขู่ว่าไม่ได้ออกมาจากพื้นที่ ถ้าใครฝืนคำสั่งจะถูกจดชื่อและขึ้นบัญชีดำ เจ้าของรถที่ขนชาวบ้านออกมาก็จะถูกบันทึกหมายเลขทะเบียนทำให้ไม่มีใครกล้านำรถขนคนออกมาร่วมงาน

พล.ต.ต.จำรูญเปิดเผยอีกว่า เมื่อคืนตนก็ได้รับโทรศัพท์จากชาวบ้านไอร์ปาแยเล่าให้ฟังว่า มีคนในหมู่บ้านมาบอกในลักษณะข่มขู่ว่าถ้าใครออกนอกหมู่บ้านจะถูกขึ้นบัญชีดำ ตนไม่สามารถช่วยชาวบ้านได้มากกว่านี้ จะไปรับด้วยตนเองก็มีภาระเกี่ยวกับเวที จึงรู้สึกไม่สบายใจที่ชาวบ้านต้องมาประสบกับเรื่องเช่นนี้ อยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบโดยด่วนที่สุด เพราะงานครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อรำลึกถึงคนตาย และเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็น ไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างอื่นที่เจ้าหน้าที่รัฐตั้งข้อสงสัย

ส่วนเยาวชนรายหนึ่งจากบ้านไอร์ปาแยที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะเดินทางมาร่วมงานตั้งแต่ช่วงเช้าเปิดเผยความรู้สึกว่า ตนเสียใจมากที่มีคนในพื้นที่เองซึ่งเป็นคนศาสนาเดียวกันที่เข้ามาข่มขู่พวกชาวบ้าน ไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวมีจุดประสงค์อันใดหรือมีผลประโยชน์อื่นแอบแฝงอย่างไร แต่ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากรวมทั้งตนเองรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 
ยังมีผู้เปิดเผยอีกว่า เมื่อวานนี้ในการละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดอัลฟุรกอน ผู้ใหญ่บ้านได้พูดคุยกับผู้ไปร่วมละหมาดว่าไม่อยากให้ชาวบ้านเดินทางมาร่วมงานนี้ที่ตัวเมืองนราธิวาส เพราะเกรงจะส่งผลต่อความปลอดภัยของชาวบ้านส่วนใหญ่ในไอร์ปาแย โดยผู้ให้ข้อมูลดังกล่าวยังระบุอีกว่า ผู้ใหญ่บ้านแสดงอาการกังวลอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนการพูดคุยบนเวที พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) กล่าวว่า เรามีทั้งตำรวจ ทหารลงมาเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน จำนวน 2 ล้านคน ให้มีอนาคตที่ดี มีชีวิตที่ดี ไม่ถูกข่มขู่ ในส่วนของการไปจัดการหรือการดูแลชุมชน เป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับการดูแลชีวิตพี่น้องประชาชน เรื่องนั้นเราเชื่อว่าเป็นคนส่วนน้อย มีไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนตามตัวเลขที่เปิดเผยออกมา
 

 


 

“สิ่งที่ทหารทำเลยเถิดไปมันก็มีอยู่บ้างอันนี้ยอมรับ แต่มันก็น้อยมาก เรื่องงบไม่ได้เกิดปัญหาเฉพาะในพื้นที่นี้อย่างเดียว แต่เกิดทั่วประเทศ เราพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด มีงบลงไปในหมู่บ้านเยอะ ผู้นำชุมชน ชาวบ้านต้องเป็นหูเป็นตาว่าเอางบลงไปใช้ทำอะไร เราต้องสร้างภาพโปร่งใสให้เกิดขึ้นตลอดเวลา”

ส่วนคดียิงคนที่มัสยิดอัลฟุรกอน ผบ.พตท.เปิดเผยว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับไปแล้ว 1 คน ได้ไปคุยกับ ผบ.ตำรวจในพื้นที่ ถามว่าทำไมต้องใช้เวลานานนัก เพราะพี่น้องประชาชนรออยู่ ตำรวจบอกว่า ต้องให้มีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ เพราะเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน เร็วๆ นี้คงจะจับได้ และจะเอามาแถลงข่าวให้พี่น้องได้รับทราบ
ในขณะที่ นพ.แวมะหะดี แวดาโอ๊ะ ส.ส.นราธิวาส กล่าวว่า กรณีที่ไอร์ปาแยตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือฆ่า ที่แน่ๆ ตนคิดว่าเป็นโจรแน่นอน เหมือนที่ยิงสนธิ ลิ้มทองกุลก็เป็นโจร เป็นใครก็ไม่รู้ แต่เป็นโจรอย่างแน่นอน เหมือนที่ รมต.กลาโหมบอกว่าไม่มีนโยบายให้ยิงผู้บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นใครไปกระทำผู้บริสุทธิ์ก็เป็นโจร ที่ตนถูกอุ้มถูกซ้อมทรมานก็เพราะฝีมือโจร

“ถ้าความจริงปรากฏ ความเท็จย่อมมลายไป ผมไม่สามารถพูดได้ทั้งหมดในสภา เพราะเคยถูกอุ้ม โดนอุ้มมาแล้ว ถูกซ้อมและถูกจับคุก 2 ปี ใช้เวลา 2 ปีในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองได้ทำให้รู้ว่าคนที่ทำผมเป็นโจร ผมดีใจที่รัฐส่งกองกำลังพิเศษ 300 คนไปไล่ล่าโจรที่ไอร์ปาแย หวังว่าวันหนึ่งจะจับโจรได้ เพราะผมยังชื่อมั่นในความยุติธรรม”

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net