Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

             ความดีนั้น ใคร ๆ ก็อยากได้ยิน อยากเอ่ยถึง (แต่อยากทำหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) แม้แต่คนไม่ดีก็อยากพูดเพื่อให้ตนดูดี นี่จึงเป็นข้อพึงสังวร หาไม่อาจถูกลวงให้เสียหายได้

             คุณธรรมและจริยธรรมเป็นคำลื่นหูที่ใคร ๆ ก็อยากพูดหรืออยากฟังเพราะทำให้รู้สึกว่าตลบอบอวลไปด้วยความดีงาม ทำให้ทั้งผู้พูดและผู้ฟังดูดีไปด้วย แต่เราไม่อาจงมงายกับสิ่งฉาบหน้าเพราะบางคนอาจอ้างคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อละเมิดกฎหมายหรือประกอบอาชญากรรมได้
 
คนทำดีแต่เป็นอาชญากร
             บางคนดูคล้ายมีคุณธรรม แต่มักละเมิดกฎหมาย! มีคนทำดีมากมายแต่ประกอบอาชญากรรมอยู่เป็นนิจ บริษัทพัฒนาที่ดินบางแห่งอาจดูประสบความสำเร็จ ทำบุญทำกุศลมากมาย เจ้าของก็ดูมีชื่อเสียง ไม่เคยถูกสื่อมวลชนติติง แต่กลับ ‘รีดเลือดกับปู’ ต่อผู้รับเหมา ทำผิดสัญญาก่อสร้างล่าช้าเกินทน หรือส่งมอบบ้านที่ไม่มีคุณภาพ ก่อสร้างแบบสุกเอาเผากินให้ลูกค้า
 
             อีกกรณีหนึ่งสถาบันการเงินบางแห่งอาจเป็นผู้อุปถัมภ์งานมรดกของชาติที่ยิ่งใหญ่หรือทำสาธารณประโยชน์มากมาย แต่ภายในสถาบันการเงินนั้นกลับเละเทะ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้บริหารโกงสถาบันการเงินของตัวเอง พนักงานเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะกับผู้มาขอกู้ ผู้บริหารให้สินเชื่อเครือญาติโดยไม่มีหลักประกันจนกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สุดท้ายสถาบันการเงินแห่งนั้นก็ล้มไป
 
             ในวงการบริหารธุรกิจ รัฐกิจหรือแม้แต่ในครอบครัวทั่วไป ยังมีคนประเภท ‘มือถือสาก ปากถือศีล’ อยู่มากมาย คนเหล่านี้ทำความดีเพียงเพื่อเป็นเครื่องมือการทำธุรกิจ เพื่อการไต่เต้า หรือเพื่อการทำงานการเมืองโดยไม่คำนึงถึงการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดทำนองคลองธรรม แต่น่าเสียดายกรณีเช่นนี้ ส่วนมากไม่ค่อยได้รับการตรวจสอบ สังคมและเจ้าหน้าที่ของรัฐยังปล่อยให้คนเหล่านี้ประกอบอาชญากรรมอย่างนี้เรื่อยมา
 
ใช้คุณธรรมก่ออาชญากรรม
             บางคนอาศัยความแยบยลก่ออาชญากรรมด้วยการเอาคุณธรรมบังหน้า กรณีตัวอย่างเบื้องต้นก็ได้แก่ธุรกิจ ‘พุทธพาณิชย์’ ทั้งหลาย หรือในกรณีที่รัฐบาลนำสินค้าราคาถูกออกมาขายให้ประชาชน ประชาชนก็ชุลมุนซื้อ โดยไม่ทันสังเกตว่านี่เป็นช่องทางการช่วยระบายสินค้าของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้โอกาสขายแบบ ‘ยกเข่ง’ จำนวนมาก แถมไม่ต้องเสียค่าโฆษณาสักบาท รัฐบาลก็ไม่ ‘มากเรื่อง’ เหมือนห้างสรรพสินค้าใหญ่ กล่าวคือรัฐบาลก็ไม่สั่งให้ผลิตสินค้า House Brand แต่อย่างใด การเข้าถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจ จึงเป็นข้อได้เปรียบเช่นนี้
 
             ในงานเฉลิมฉลองสำคัญของชาติในประเทศต่าง ๆ ก็อาจมีการผลิตเสื้อผ้าเฉพาะหรือเสื้อสีเฉพาะ ผู้ประกอบการรายใหญ่รายใดได้สิทธิในการผลิต ก็คง ‘รวยไม่รู้เรื่อง’ ไปเลย และแน่นอนว่าผู้ประกอบการเหล่านี้มี ‘ตำนาน’ การทำความดียาวเหยียด แต่เชื่อว่าการประมูล (อย่างตรงไปตรงมา) ก็คงไม่มีอยู่กระบวนการการนี้เช่นกัน
 
             บ้างก็อ้างคุณธรรมว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่ควรมีบ่อนถูกกฎหมาย มีซ่องถูกกฎหมาย มีหวยบนดิน แต่ก็มีบ่อน ซ่องและหวยเกลื่อนเมือง ควบคุมโดยสีเขียว สีกากี หรือสีอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความสัมพันธ์กับข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการประจำที่กุมอำนาจ อาจมีข้าราชการดี ๆ ที่คิดปราบ แต่ก็ปราบไม่หมด เพราะอาชญากรกับผู้มีคุณธรรมอาจสมคบกัน ทำให้รัฐขาดภาษีจากกิจการเหล่านี้ ซึ่งนำมาใช้เพื่อการพัฒนาประเทศ แต่กลับไหลเข้ากระเป๋าของผู้มีคุณธรรมและอาชญากร!
 
คุณธรรม จริยธรรมและกฎหมาย
             คุณธรรม จริยธรรม และกฎหมายถือเป็นเนื้อเดียวกัน แยกออกจากกันไม่ได้ ขัดกันไม่ได้ ย่อมไม่มีภาวะที่ ‘ถูกกฎหมายแต่ผิดจริยธรรม’ หรือ ‘มีคุณธรรมแต่ละเมิดกฎหมาย’ สิ่งที่ถูกต้องก็คือ ‘ถูกกฎหมายคือมีจริยธรรมและคุณธรรม’ ‘มีคุณธรรมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย’ เป็นต้น ส่วนการทำบุญถือเป็นการอาสาบำเพ็ญประโยชน์ หรือการเสียสละตามกำลังตามใจสมัคร ซึ่งไม่ใช่วิสัยที่จะไปกะเกณฑ์อะไร และเป็นสิทธิของผู้ที่จะทำบุญโดยเฉพาะว่าจะทำหรือไม่
 
             คำพูดที่ว่า ‘เราควรใช้คุณธรรมและจริยธรรมนำหน้า’ นั้นฟังดูดี แต่ต้องใช้วิจารณญาณให้ดีเช่นกัน เพราะสมัยนี้มีผู้คนมากมายที่ ‘หน้าเนื้อใจเสือ’ อาศัยการทำดีฉาบหน้าเพื่อปกปิดการทำผิดกฎหมายของตน ทางที่ดีเราพึงสังวรไว้ก่อนว่า คนที่พูดถึงความดีงามบ่อยหรือมากเป็นพิเศษนั้นอาจเป็นผู้ต้องสงสัยได้ว่าเป็นคนที่มีเลศนัยบางประการหรือไม่ เพราะโดยทั่วไปคนทำดีมักถ่อมตน ไม่ ‘ยกหาง’ ตัวเอง
 
เริ่มต้นที่การปฏิบัติตามกฎหมาย
             กรณีที่กฎหมายมีช่องโหว่อยู่บ้าง เราก็ควรแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยอยู่เป็นระยะ ๆ หากข้อกฎหมายไม่ค่อยได้รับการแก้ไข ก็เท่ากับว่าเราส่งเสริมการทำผิดกฎหมาย เปิดช่องโหว่อยู่ร่ำไป เช่น ในวงการประเมินค่าทรัพย์สิน มีการจัดสอบและจัดการศึกษาให้บริษัทประเมินอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นการทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ช่องโหว่ที่ไม่ได้แก้ก็คือ การปล่อยให้บริษัทมหาชนว่าจ้างบริษัทประเมินกันเอง ซึ่งย่อมมีโอกาสเกิดการประเมินค่าทรัพย์สินตามใจชอบอันอาจทำให้ประชาชนผู้ถือหุ้นเสียประโยชน์ได้ นี่จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าหากเรา ‘ปลื้ม’ กับการทำดีในระดับหนึ่ง (จัดสอบและจัดการศึกษา) แต่ละเลยสาระสำคัญคือ การอุดช่องโหว่ ก็เท่ากับเราเปิดโอกาสให้เกิดการฉ้อฉลอย่างน่าสลดใจ
 
             เราจะหวังให้กฎหมายสมบูรณ์แบบ ไร้ช่องโหว่คงไม่ได้ บางคนอาจอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัวบ้าง แต่กรณีนี้ก็เกิดขึ้นได้น้อยมาก และคงต้อง ‘ยกประโยชน์ให้จำเลย’ ไป เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นความผิด และกฎหมายทั้งหลายก็มักไม่มีผลย้อนหลัง อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนมากที่เกิดขึ้นก็คือ การที่ผู้รักษากฎหมายร่วมมือตีความกฎหมายอย่างบิดเบี้ยวเพื่อฉ้อฉลมากกว่า เช่น การสร้างอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ต้องห้ามบางบริเวณตามผังเมือง ด้วยการหลีกเลี่ยงไปสร้างเป็นบ้านเดี่ยวที่ดูคล้ายอาคารพาณิชย์โดยแต่ละหลังห่างกันแค่คืบเดียว กรณีเช่นนี้ถือว่าผิดกฎหมายชัดเจน แต่ผู้รักษากฎหมายคงตีความส่งเดช หรือ ‘เอาหูไปนา เอาตาไปไร่’ มากกว่า
 
             ข้อพึงสังวรประการสำคัญก็คือเราจะให้ใครมาละเมิดกฎหมายที่มีอยู่ไม่ได้ หาไม่ก็จะเป็นการยอมรับอาชญากรรมไป ดังนั้น เราจึงต้องเริ่มต้นที่การทำให้ถูกต้องตามตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ก่อนเพื่อให้เกิดการยึดถือปฏิบัติตามกติกาที่ชอบธรรม ผู้ไม่ยึดถือกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ย่อมไม่ถือเป็นผู้มีคุณธรรมหรือมีจริยธรรมอย่างเด็ดขาด เพราะการละเมิดกฎหมายถือเป็นการล่วงเกินหรือเอาเปรียบบุคคลอื่น เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้สังคมโดยรวม
 
สรุปย้ำ ทำถูกกฎหมายคือทำดี
             การที่เราไม่โกงผู้มีส่วนได้เสียของเรา ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น คู่ค้า คู่แข่ง ลูกค้า สังคมในสำนักงาน โรงงานหรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเรา ตลอดจนการไม่ทำร้ายสังคมโดยรวม ถือได้ว่าเรามีจริยธรรมและเราไม่ทำผิดกฎหมาย การที่เราโกงผู้มีส่วนได้เสียข้างต้น ย่อมเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญา กฎหมายผังเมือง หรือกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ฯลฯ
 
             การที่เราทำถูกต้องตามกฎหมาย ก็คือการที่เรามุ่งหวังคงอยู่อย่างยั่งยืน เข้าทำนอง ‘ซื่อกินไม่หมด คดคิดไม่นาน’ โดยเคร่งครัด ในทางตรงกันข้ามหากเราละเมิดกฎหมาย เราก็อาจติดคุกหรือเสียค่าปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งการเสียชื่อเสียง ทำให้ยี่ห้อของสินค้าของเราด้อยค่าลง การทำถูกต้องตามกฎหมายจึงไม่ใช่การอาสาบำเพ็ญประโยชน์ ไม่ใช่การทำตามคำสอนทางศาสนา แต่เป็นกติกาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และถือเป็นการลงทุนสำคัญประการหนึ่งในการสร้างมูลค่าให้แก่ชื่อเสียงของกิจการของเราด้วย
 
             อย่าลืมว่า ความดี จริยธรรมและคุณธรรม ไม่ใช่สิ่งแปลกแยกไปจากการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่าเป็นคนมือถือสาก ปากถือศีล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net