Skip to main content
sharethis

'ยิ่งลักษณ์' โพสต์เฟสบุ๊กชี้ครบรอบ 2 ปีรัฐประหารสิทธิและเสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอนแนะเร่งแก้ปัญหาปากท้อง อดีต รมว.พลังงาน ซัด 2 ปีรัฐประหารชาติเสื่อมถอยทุกด้าน เศรษฐกิจเติบโตต่ำสุดในอาเซียน

 
22 พ.ค. 2559 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี การทำรัฐประหารของ คสช. โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
วันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปีรัฐประหาร ที่รัฐบาลดิฉันถูกยึดอำนาจไป
 
แต่แท้จริงแล้ว อำนาจ สิทธิและเสรีภาพคือของประชาชนต่างหากที่ถูกลิดรอน โดยใช้เหตุผลว่า รัฐบาลของดิฉันทำงานไม่ได้ จึงเข้ามายึดอำนาจ เพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดอง สร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่ายและเพื่อต้องการปฏิรูปประเทศ
 
ดิฉันก็คงได้แต่หวังว่า คสช. คงจะไม่ลืมสัญญา และขอฝากคำถามว่า ความสามัคคีปรองดอง สร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย ได้เกิดขึ้นในทิศทางที่ถูกต้องหรือเปล่า รวมทั้ง เร่งรัดในการปฏิรูปไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตามโรดแมปที่ได้สัญญาไว้
 
เพราะวันนี้ประชาชนกำลังจะเผชิญกับความยากลำบาก จากปัญหาปากท้อง ความยากจน รวมถึงปัญหา สังคม ยาเสพติดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
 
จึงอยากให้เร่งคืนความสุข ที่เป็นการคืนอำนาจ สิทธิ อิสรภาพ และ เสรีภาพ รวมทั้งการแก้ไขความขัดแย้งแทนการคืนความสุขบนความอึดอัดด้วยการกดไว้เพราะจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่มากกว่า เพื่อให้ประชาชนนั้นได้มีโอกาสเลือกหนทางชีวิต ด้วยตัวของเขาเอง นั่นคือหนทางออกที่ดีที่สุด
 
ก็จะทำให้สองปีที่ผ่านมานั้น... เป็นสองปีที่ไม่สูญเปล่า
 
ซึ่งดิฉันอยากจะคิด และหวังให้เป็นอย่างนั้นค่ะ
 
อดีต รมว.พลังงาน ซัด 2 ปีรัฐประหารชาติเสื่อมถอยทุกด้าน เศรษฐกิจเติบโตต่ำสุดในอาเซียน
 
ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่านายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงวาระครบรอบ 2 ปีการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ว่า ผ่านมา 2 ปีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศรู้สึกได้ว่าประเทศเสื่อมถอยในทุกด้านอย่างชัดเจน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเติบโตต่ำสุดในอาเซียนติดต่อกันทั้ง 2 ปีหลังการรัฐประหารปี 2557 ที่เติบโตเพียง 0.7% และ 2.8% ในปี 2558 แม้การขยายตัวในไตรมาสแรกของปี 2559 จะโต 3.2% ก็ถือว่ายังต่ำมาก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แถมยังมองได้ว่าเป็นการเติบโตแบบไม่ยั่งยืน ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐกว่าแสนล้าน และการส่งออกทองคำ การส่งคืนยุทโธปกรณ์มาช่วยเท่านั้น ส่วนการส่งออกที่แท้จริงยังติดลบ และการลงทุนยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เชื่อว่าในไตรมาสต่อๆ ไปก็ยังคงดูไม่ดีนัก และทั้งปีจะโตได้ไม่ถึง 3.7% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน
       
“ปัญหาหลักอยู่ที่ความเชื่อมั่นของต่างประเทศ ส่งผลทำให้การลงทุนจากต่างประเทศหายไปถึง 90% ในปี 2558 - 59 อาจจะโตขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับภาวะปกติ และการส่งออกทั้งปีนี้จะยังคงติดลบต่อเนื่อง ประชาชนยังลำบากกันอย่างมากเพราะมีรายได้ลดลงกันถ้วนหน้า” นายพิชัย กล่าว
       
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ความเชื่อมั่นของต่างประเทศยิ่งน่าเป็นห่วงเมื่อไทยถูกตำหนิในเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนอย่างหนักในช่วงหนักทั้งจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สหภาพยุโรป (อียู) รวมทั้งสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สับสน เพราะไม่เข้าใจว่าในขณะที่รัฐบาลและ คสช.เรียกร้องให้ประชาชนเคารพกฏหมายที่รัฐบาลและ คสช. ร่างและกำหนดขึ้นมาเอง แต่รัฐบาลและคสช. กลับไม่ปฏิบัติตามกฏบัตรสหประชาชาติ และกติกาสากลที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีปัญหาทางภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในสายตาของชาวโลกมากขึ้น นอกจากนี้ปัญหาความแตกแยกของประชาชนที่เป็นโจทย์ใหญ่กลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาปัญหาและความล้มเหลวยังมากมายขนาดนี้ หากยังคงดำเนินต่อไปความเดือดร้อนของประชาชนจะยิ่งเพิ่มขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้นำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงโดยเร็ว
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net