Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2559 ที่ศาลทหาร มีนัดสอบคำให้การเงินคูณ หนึ่งในจำเลยที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ใน ‘เครือข่ายบรรพต’ โดยเงินคูณรับสารภาพและศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี รับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุก 5 ปี

“ผมอยากต่อสู้คดี เพราะรู้สึกว่าโดนพ่วงมาแบบไม่น่าจะเป็นประเด็นได้เลย แต่ตอนนี้มันก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองก็ไม่น่าจะคลี่คลายโดยเร็ว ผมประเมินว่าอีกหลายปีกว่าจะมีเลือกตั้ง แล้วผมก็ต้องถูกขังค้างเติ่งอย่างนี้ ผมพยายามสู้แล้วไม่ใช่ไม่สู้ โดยยื่นเรื่องว่าควรต้องพิจารณาคดีที่ศาลอาญา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ ตอนยื่นเรื่องศาลบอกขอเวลา 15 วัน หลังจากนั้น 8   เดือนผมไม่ถูกเบิกตัวมาศาลอีกเลย 15 วันกับ 8 เดือนมันคนละเรื่อง ผมจึงคิดว่าผมควรยอมรับสภาพและรู้แน่ชัดว่าตัวเองต้องติดกี่ปี” เงินคูณกล่าว

ทั้งเงินคูณและศิวาพร เป็น 2 คนในจำนวน 12 คนที่ขอต่อสู้คดี จึงถูกแยกคดีออกมาฟ้องใหม่ (สำหรับคดีของ 10 คนที่เหลืออ่านที่นี่) จากนั้นจำเลยทั้งสองส่งให้ศาลตีความว่าคดีดังกล่าวควรจะอยู่ในอำนาจศาลอาญาหรือไม่ ซึ่งทั้งศาลอาญาและศาลทหารเห็นตรงกันว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร ต่อมาเงินคูณกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ ขณะที่ศิวาพรยังคงยืนยันขอต่อสู้คดี ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะนัดคดีเมื่อใดเนื่องจากอัยการต้องทำคำฟ้องใหม่อีกครั้ง

นอกจากนี้ยังมีจำเลยในเครือข่ายบรรพตที่ถูกแยกฟ้องคดีตั้งแต่แรกอีก 2 คนคือ อัญชัญ และธารา คดีของทั้งคู่ยังอยู่ระหว่างการสืบพยานในศาลทหาร ทั้งเงินคูณ ศิวาพร อัญชัญ และธารา ถูกคุมขังในเรือนจำตั้งแต่วันจับกุมเมื่อราวเดือนม.ค.-มี.ค.2558

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net