สำนักนโยบายยุทธศาสตร์การค้าเผยอัตราเงินเฟ้อ พ.ย. 2559 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 23 เดือน โดยขยายตัวร้อยละ 0.60 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธปท.เผยเศรษฐกิจ ต.ค.โตชะลอลงตามท่องเที่ยว สภาผู้ส่งสินค้าฯ คาดส่งออกปีนี้หดตัวร้อยละ 0.8 พาณิชย์เตือนข้าวแกงอย่าขยับขึ้นตามค่าแรง
1 ธ.ค. 2559 พิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. 2559 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 23 เดือน โดยขยายตัวร้อยละ 0.60 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อครั้งนี้เป็นผลมาจากราคาอาหารสด ทั้งผักสด ไข่ไก่ และเนื้อสุกร ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดน้อยลง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ทำให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาขยายตัวเป็นบวก ทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 11 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวร้อยละ 0.10 ซึ่งยังอยู่ในกรอบคาดการณ์ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0 – 1 และในช่วงที่เหลือของปีอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงสิ้นปีจากภาครัฐ ทำให้ภาคครัวเรือนมีการใช้จ่ายมากขึ้น
ส่วนอัตราเงินเฟ้อปี 2560 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 – 2 จากสมมติฐานที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวถึงร้อยละ 3.5 และราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ในช่วง 45-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนคาดการณ์ว่าจะอยู่ในช่วง 35.50 – 37.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่าลงเล็กน้อย
ธปท.เผยเศรษฐกิจ ต.ค.โตชะลอลงตามท่องเที่ยว
ขณะที่วานนี้ (30 พ.ย.59) ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า มาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวหักลดหย่อนภาษีเพิ่มเป็น 30,000 บาทที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวานนี้เป็นมาตรการที่ออกมาถูกเวลา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี เพราะการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมายและการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการทำ Visa on arrival ส่งผลนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยชะลอลงถึงร้อยละ 16 ในเดือน ต.ค. 2559 ขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศลดลงเช่นกัน เพราะประชาชนไม่อยู่ในอารมณ์ของการท่องเที่ยว ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม ภัตตาคาร การขนส่งผู้โดยสาร และการใช้เชื้อเพลิงชะลอลงด้วย ทำให้เศรษฐกิจไทยเดือน ต.ค. 2559 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ดอน กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย ซึ่งเกรงว่าอาจจะมากกว่าที่ประเมินไว้ จากเดิมคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะลดลง 200,000 คนในปีนี้ และ 100,000 คนในปี 2560 ซึ่งหากผลกระทบยืดเยื้อนานเกิน 3-6 เดือน อาจจะมีผลกระทบต่อประมาณการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีหน้า ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะมีการทบทวนคาดการณ์จีดีพีปี 2559 และ 2560 ใหม่ ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ แต่ยังมั่นใจว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.2 เพราะรัฐบาลมีมาตรการช้อปช่วยชาติออกมากระตุ้นการบริโภคช่วงปลายปีจะมีผลกระตุ้นการบริโภคได้พอสมควร เพราะเป็นการดึงเม็ดเงินในอนาคตมาใช้ ซึ่งเคยเห็นผลดีมาแล้วจากการใช้มาตรการช้อปช่วยชาติเมื่อปลายปี 2558 และช่วงสงกรานต์ปี 2559
ดอน กล่าวว่า แม้การท่องเที่ยวจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง แต่ยังมีความหวังที่การส่งออกในช่วงปลายปีมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากการส่งออก 10 เดือนที่ผ่านมาหดตัวร้อยละ 1.5 โดยทิศทางการส่งออกในหลายอุตสาหกรรมดีขึ้น เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรรวม เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศในภูมิภาคที่การส่งออกเริ่มฟื้นตัว โดยจากการสอบถามผู้ประกอบการส่งออก พบว่าหลายอุตสาหกรรมมีการผลิตเพื่อสตอกสินค้ารอคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาในอนาคต ทำให้คาดว่าการส่งออกปีนี้จะหดตัวน้อยกว่าร้อยละ 2.5 ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ สอดคล้องกับการนำเข้าที่ขยายตัวถึงร้อยละ 7.4 จากการนำเข้าสินค้าทุนที่กลับมาขยายตัวดี ส่วนการลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคการก่อสร้างยังขยายตัวต่ำ ซึ่งคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเมื่อโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐเริ่มในปี 2560
คาดส่งออกปีนี้หดตัวร้อยละ 0.8
พาณิชย์เตือนข้าวแกงอย่าขยับขึ้นตามค่าแรง
วิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตลาดสายเนตร เขตคันนายาว พบว่า แนวโน้มราคาสินค้าอาหารสดโดยรวมเริ่มลดลง เนื่องจากสภาพอากาศดีขึ้นโดยเฉพาะราคาของเนื้อหมู ซึ่งขณะนี้ราคาจำหน่ายปรับลดลงมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 130 บาท สอดคล้องกับราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มกิโลกรัมละ 60 บาท และมีโอกาสที่จะปรับลดลงอีก โดยได้กำชับให้เขียงหมูปรับลดราคาลงใกล้เคียงกับราคาต้นทุน ขณะที่ผักใบ เช่น กะหล่ำปลี และถั่วฝักยาว ราคาเริ่มปรับลดลงตามสภาพอากาศที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ภาครัฐได้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปีมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าโดยเฉพาะร้านข้าวแกงไม่ควรฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาตามค่าแรง เพราะใช้แรงงานไม่มาก ประกอบกับ ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น 5-10 บาทรอบนี้มีผลต่อต้นทุนราคาสินค้าโดยรวมไม่ถึงร้อยละ 0.1 ซึ่งกลุ่มที่อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง คือ กลุ่มโรงงาน เช่น โรงงานหมูและโรงงานไก่ที่มีแรงงานจำนวนมาก ขณะเดียวกันการปรับขึ้นค่าแรงจะส่งผลให้แรงงานมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและผู้ประกอบการมียอดขายดีขึ้น ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูกลง ดังนั้น ผู้ประกอบการควรตรึงราคาไว้ในระดับเดิม
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)