event อิสระที่ใครๆ สามารถร่วมรำลึก 60 วัน แห่งการจากไป ชัยภูมิ ป่าแส และ ระดมทุนสานฝันจะอุ๊ ในการสร้างบ้านพักพิงสร้างสรรค์สำหรับเด็กลาหู่และชนเผ่า
ด้วยการ live และแชร์กิจกรรม โพสและแชร์ภาพถ่าย เขียนและแชร์สเตตัส ที่ไหน เมื่อไร อย่างไรก็ได้ ในหน้า event นี้ เพื่อร่วมรำลึก 60 วัน ชัยภูมิ ป่าแส คืนความจริง คืนความเป็นธรรม สานฝันจะอุ๊ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 10-17 พฤษภาคม 2560
พร้อมร่วมบริจาคเงินตั้งแต่บาทเดียวจนถึงเท่าไรก็ได้ เพื่อเป็นการระดมทุนสานฝันจะอุ๊ ให้เกิดบ้านพักพิงสร้างสรรค์สำหรับเด็กๆ ลาหู่และชนเผ่า ต่อไป
โดยโอนเงินเข้าบัญชี กองทุนเราทุกคนคือบิลลี่ ธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก-ห้วยขวาง บัญชีเลขที่ 091-0-28585-3
ช่วยโพสสลิปโอนเงินในหน้า event นี้ด้วย เงินมากน้อยไม่สำคัญเท่ากับการมีส่วนร่วมและแสดงออกในการทวงคืนความจริง คืนความเป็นธรรมและสานฝันของจะอุ๊ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เพื่อนๆ จะมาร่วม live ร่วม share ร่วม post ผ่าน event นี้
เราจะไม่เงียบอีกต่อไป
ติดแฮชแท็ก
#ชัยภูมิป่าแส
#สานฝันจะอุ๊
ทุกครั้งที่ร่วม live share post ใน event นี้
(ความเป็นมา)
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 เดือนมีนาคม 2560 ร้อย ม.2 ควบคุมที่ 1 ฉก. ม5 ร่วมกับ ชสท.ที่ 9 กองกำลังผาเมือง ได้ปฏิบัติภารกิจที่ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้วิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนชาวลาหู่ โดยแจ้งข้อหา มียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวน 2,800 เม็ด ขัดขืนการจับกุม และ พยายามใช้อาวุธระเบิดทำร้ายเจ้าพนักงาน ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียดายนักกิจกรรมลาหู่ที่เป็นความหวังของหมู่บ้านและเยาวชนชนเผ่าพื้นเมือง และความเคลือบแคลงสงสัยต่อเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมที่เกิดขึ้น ต้องการให้ความจริงปรากฏ คืนความเป็นธรรมให้กับชัยภูมิ ป่าแส และครอบครัว
มาบัดนี้ ครบรอบ 60 วันแห่งการจากไปของ ชัยภูมิ ป่าแส กองทุนเราทุกคนคือบิลลี่ ร่วมกับ สโมสรพื้นที่นี้...ดีจัง และ กลุ่มรักษ์ลาหู่ จึงได้ร่วมกันจัด สัปดาห์สานฝันจะอุ๊ รำลึก 60 วัน ชัยภูมิ ป่าแส คืนความจริง คืนความเป็นธรรมขึ้น ในระหว่างวันที่ 10 - 17 พฤษภาคม 2560 โดยมีจุดประสงค์สำคัญคือ
(1) คืนความจริง คืนความเป็นธรรม
สองเดือนผ่านไป เรายังไม่ได้รับการเปิดเผยข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ของเหตุการณ์วิสามัญ ขณะที่ฝ่ายรัฐตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาลงมาถึงเจ้าหน้าที่ควบคุมการสอบสวน ให้ข้อมูลต่อสาธารณะที่มีลักษณะกล่าวหาให้ร้ายและขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน
ในอีกด้าน พยานบุคคลจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ให้ปากคำต่อสื่อมวลชนว่ามีการซ้อม ทำร้ายร่างกาย และ ไล่ยิงโดยที่ชัยภูมิ ป่าแส ปราศจากอาวุธ เช่นระเบิดมือ ดังที่กล่าวหา พยานภาพถ่ายที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ทำให้เห็นว่าชัยภูมิให้ความร่วมมือในการตรวจค้นและไม่มีทีท่าขัดขืนหรือหลบหนี ตลอดจนความไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีขนยาเสพติดผ่านด่านตรวจถาวรซึ่งเป็นที่รับรู้กันในพื้นที่ และมีเส้นทางที่สามารถหลบเลี่ยงด่านตรวจได้อีกมากมาย
รถคันที่ถูกยึดเมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดดังที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง กระทั่งกระแสเงินที่หมุนเวียนในบัญชีก็ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ามาจากไหน เป็นหลักแสนดังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงหรือไม่ ขณะที่ประจักษ์พยานฝ่ายชัยภูมิสามารถชี้แจงแหล่งที่มาส่วนใหญ่ของเงินหมุนเวียนในบัญชีได้ว่ามาจากการทำธุรกิจออนไลน์ต่างๆ
ในวาระ 60 วันการจากไปของชัยภูมิ จึงเป็นวาระที่ต้องติดตามความคืบหน้าการทำสำนวนส่งฟ้องอัยการของคณะเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ และ การพิจาณาของอัยการที่จะส่งสำนวนฟ้องศาลต่อไป ให้เป็นไปโดยโปร่งใส ยุติธรรม เป็นการคืนความจริง คืนความเป็นธรรมให้กับชัยภูมิ ป่าแส และครอบครัว
(2) สานฝันจะอุ๊
พร้อมกันนี้ หลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่ควรให้ความตายของจะอุ๊-ชัยภูมิ ป่าแส ต้องสูญเปล่า เด็กหนุ่มชาวลาหู่ผู้พาตัวเองจากห้วงชีวิตที่ยากลำบากและมืดมน ไร้สัญชาติ มาสู่นักกิจกรรมที่ทำงานกับชุมชน หวังให้เด็กและเยาวชนชนเผ่าได้มีอนาคตที่ดีกว่าเดิม ภาคภูมิใจในตัวตน และ ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มีคุณค่าทั้งตัวเองและผู้อื่น
นายชัยภูมิเป็นแกนนำเยาวชนที่มีผลงานและพัฒนาการโดดเด่นในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสร้างสุขภาวะสำหรับเด็กและเยาวชนโดยมีผลงานที่ประจักษ์ ได้แก่
ผลงานด้านการแต่งเพลงและเล่นดนตรี นายชัยภูมิ ป่าแส ได้ชักชวนเยาวชนลาหู่เล่นดนตรีและเขียนเพลงเพื่อบอกเล่าเรื่องราววิถีวัฒนธรรมของเด็กชนเผ่า และ คนไร้สัญชาติ จนได้รับการสนับสนุนให้บันทึกเสียงและเผยแพร่สู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง เช่น เพลง “จงภูมิใจ” ที่สะท้อนความรู้สึกคนไร้สัญชาติ ปลุกปลอบให้มีความหวังก้าวต่อไปด้วยความภาคภูมิใจตนเอง
ผลงานด้านการผลิตภาพยนตร์สั้น นายชัยภูมิ ป่าแส ได้ร่วมกับเครือข่ายทีมงานผลิตภาพยนตร์ที่สะท้อนวิถีชีวิตและสภาพปัญหาของเด็กชายขอบ ชายแดน จนได้รับรางวัลช้างเผือกพิเศษดีเด่น ในเทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 16 โดยมูลนิธิหนังไทย จากภาพยนตร์เรื่อง “เข็มขัดกับหวี” และได้รับรางวัลชมเชย รัตน์ เปสตันยี ในเทศกาลเดียวกัน จากภาพยนตร์เรื่อง “ทางเลือกของจะดอ”
ผลงานด้านการผลิตสารคดี นายชัยภูมิ ป่าแส ได้ร่วมกับกลุ่มเยาวชนรักษ์ลาหู่ผลิตสารคดีเพื่อบอกเล่าวิถีชีวิตของคนลาหู่ และได้รับการเผยแพร่ออกอากาศทางโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง เช่น ในช่วงรายการ นักข่าวพลเมือง รายการบ้านเธอบ้านฉัน ทางสถานีโทรทัศน์ช่องไทยพีบีเอส
ผลงานด้านการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม นายชัยภูมิ ป่าแส ได้เป็นแกนนำเยาวชนกลุ่มรักษ์ลาหู่ ที่ทำกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนในชุมชนรวมตัวกันทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ มีคุณค่าเพื่อห่างไกลจากสิ่งชั่วร้ายและอบายมุขต่าง ๆ โดยร่วมกันฟื้นฟูการเต้นแจ่โข่ของชาวลาหู่จนได้รับการยอมรับทั้งในหมู่บ้านกองผักปิ้งและหมู่บ้านใกล้เคียง นอกจากนี้ได้ร่วมกับศิลปินญี่ปุ่นจากโอซากา ทำนิทานเพลงเรื่อง “ขนมออฟุและตำนานภาษาลาหู่” เพื่อออกไปแสดงในที่ในที่ต่าง ๆ เป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมภาษาลาหู่
ผลงานในด้านสังคม นายชัยภูมิ ป่าแส เป็นหนึ่งในแกนนำเยาวชนที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในการร่วมรณรงค์ เรียกร้องการแก้ปัญหาภาวะไร้สัญชาติของคนชาติพันธุ์ เป็นแกนนำเยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองได้รับเลือกให้เป็นประธานเครือข่ายต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ด้วยความเป็นจิตอาสาและความรับผิดชอบที่ดี โดยเป็นตัวแทนเข้าร่วมเวทีการประชุมสัมมนาในระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักและชื่นชม ในแวดวงคนทำงานด้านเยาวชนและสิทธิมนุษยชน
จะอุ๊ - ชัยภูมิ ป่าแส นอกจากโดยส่วนตัวอยากเรียนจบปริญญาเพื่อมาเป็นครูสอนหนังสือให้เด็กๆ ในหมู่บ้าน ยังมีความฝันและความหวัง ที่จะสร้างบ้านพักสำหรับเด็กๆ ลาหู่ผู้ยากไร้ และเด็กๆชนเผ่าตามแนวชายแดนไทย-พม่า เพื่อพักพิง ดูแลความเป็นอยู่ เช่น เปิดร้านตัดผม ให้การศึกษาทั้งในระบโรงเรียนและกศน. จัดกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมเพื่อการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ และเยาวชน
การรำลึก 60 วันแห่งการจากไปของชัยภูมิ ป่าแส จึงหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นของการสานฝันจะอุ๊ ในการจัดตั้งบ้านพักของเด็กๆ ลาหู่และชนเผ่า เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ตามที่จะอุ๊เคยแสดงเจตจำนงค์ไว้