Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ภาคเอกชนเชียงใหม่ กะเทาะวิกฤติน้ำมัน
หวั่นระยะยาวส่งผลกระทบธุรกิจทั้งระบบ
ฉายภาพทางออก-วางแผนตั้งรับหลายมิติ

สุธิดา สุวรรณกันธา

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงต่อเนื่อง และมีความผันผวนจากการเก็งกำไร
เป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะไม่คลี่คลายในช่วงปี 2547 นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์ ยอมรับว่าประเด็นวิกฤตน้ำมันจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจบ้าง

ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 14 วัน ร้อยละ 0.25 เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น

จากวิกฤตการณ์ดังกล่าว หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดเสวนาติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ "วิกฤตน้ำมัน : ผลกระทบและทางออก" เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ร่วมรับฟังผลกระทบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องมาตรการที่รัฐบาลออกมาแก้ปัญหาการปรับตัวของภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่และประเด็นที่ภาคธุรกิจต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ

ตลาดท่องเที่ยวในประเทศซึม
เมล์เขียวกระอัก-ลดจำนวนเที่ยว

นายบุญเลิศ เปเรร่า นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของภาคธุรกิจท่องเที่ยว มองเป็น 2 ส่วนคือ ต้นทุนด้านขนส่ง อาจกล่าวได้ว่ายังไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากต้นทุนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล

ซึ่งรัฐบาลยังตรึงราคาในส่วนของน้ำมันดีเซลไว้ จึงยังไม่มีการปรับราคาบริการ แต่อีกส่วนหนึ่งราคาน้ำมันจะมีผลกระทบต่อปริมาณของนักท่องเที่ยวคนไทย ที่ส่วนใหญ่นิยมเดินทางโดยรถส่วนบุคคล

ประเด็นนี้อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางทางไกล และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงการเดินทางไปสถานที่ที่ใกล้มากกว่าเดิมทำให้ประมาณการได้ว่าการท่องเที่ยว 60% ซึ่งเป็นตลาดคนไทยที่เที่ยวภายในประเทศ
จะมีการขยายตัวที่ลดลง

เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวคนไทยในเชียงใหม่ในสัดส่วนที่สูงมาก เนื่องจาก
มีปัจจัยสายการบินราคาถูกและหมีแพนด้า แต่ขณะนี้ทั้งสองปัจจัยไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งไม่มีแรงดึงดูดให้คนไทยเดินทางออกมาเที่ยวแน่นอน

ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศคาดว่าในระยะสั้นจะมีผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากระบบการท่องเที่ยวจะทำสัญญาข้ามปี จึงไม่ส่งผลกระทบด้านต้นทุนและมีการจองล่วงหน้าแล้ว จึงคิดว่าช่วงไฮย์ซีซันปีนี้ตลาดต่างประเทศจะไม่กระทบมากนัก

นายสมชาย ทองคำคูณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด สะท้อนว่า รถเมล์เขียวได้รับผลกระทบมาก ในความเป็นจริงราคาน้ำมันดีเซลควรอยู่ที่ระดับ 13.73 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและอยู่ได้ แต่ปัจจุบันรัฐบาลตรึงราคาไว้ที่ 15.16 บาทต่อลิตร ขณะนี้ทางบริษัทฯ ต้องใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ยประมาณ 700,000 ลิตรต่อเดือน หรือเฉลี่ยประมาณ 1,000,000 บาทต่อเดือน และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายรวม 12 ล้านบาท

ทั้งหมดคือต้นทุนภาระที่บริษัทฯต้องแบกไว้ ขณะที่เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ลงทุนซื้อรถใหม่จำนวน 30 คัน วงเงิน 50 ล้านบาท และภายในปี 2548 จะลงทุนเพิ่มอีก 5,000,000 - 6,000,000 บาทสำหรับการจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์

แนวทางแก้ไขปัญหาของบริษัทฯในเบื้องต้นคือ ลดจำนวนเที่ยววิ่งลง ซึ่งมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งเดือดร้อน
แต่ก็จำเป็นต้องเลือกทางแก้ไขเช่นนี้เพื่อความอยู่รอดของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากรัฐบาลจะลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลก็ควรมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย

ขนส่งต่างประเทศครวญกระทบแน่
หนุนรัฐผุดรถไฟรางคู่-Container Yard

นางสาวอุดมรัตน์ อัครชิโนเรศ ประธานชมรมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าต่างประเทศ ภาคเหนือ กล่าวว่า ปัจจุบันการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศใช้การขนส่งใน 3 ส่วนหลักคือ รถ เรือ และเครื่องบิน ซึ่งวันนี้ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นมีผลโดยตรงกับการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เพราะผู้รับภาระขนส่งต่าง ๆ จะมีต้นทุนสูงขึ้นทันที ในส่วนการส่งออกพืชผักผลไม้และหัตถกรรมในพื้นที่จังหวัดลำปาง เชียงราย และเชียงใหม่ ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากรัฐบาลยังคงตรึงราคาน้ำมันอยู่

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าต่างประเทศ ภาคเหนือ ได้เตรียมการแก้ปัญหาไว้แก้ปัญหาเตรียมไว้คือ จะรวมกันขนส่งสินค้าเพื่อลดต้นทุน แม้ในระยะสั้นจะยังไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ทางผู้ประกอบการก็เห็นตรงกันว่า ระยะกลาง รัฐบาลควรมีการส่งเสริมการขนส่งทางรถไฟ เช่น รถไฟรางคู่ขนส่งสินค้าเฉพาะจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือและส่วนของภาคเหนือ โดยมีโบกี้ขนส่งสินค้าโดยเฉพาะไปท่าเรือแหลมฉบังและที่ลาดกระบังโดยตรง

ส่วนในระยะยาวต้องการให้รัฐบาลสร้าง Container Yard สำหรับการส่งสินค้าส่งออกทั้งภาคเหนือเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง

ตลาดรถยนต์ยอดขายตก
ค้าปลีกร้องรัฐตรึงดีเซล

นางสุวรรณา ศิริรัตน์ กรรมการชมรมผู้ค้ายานยนต์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ผู้ประกอบการค้ายานยนต์ในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมาก ยิ่งไตรมาสที่สามราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ดอกเบี้ยขึ้น ส่งผลต่อการจัดสินใจซื้อรถยนต์ในช่วงนี้ ทำให้ภาพรวมของตลาดยอดขายตกไปประมาณ 20% โดยในช่วงไตรมาสที่สี่หลาย ๆ บริษัทจะกระตุ้นให้บริษัทแม่ออกแคมเปญใหม่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับคืนมา ซึ่งหากเป็นไปได้อยากเสนอให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันต่อไป เพื่อที่ว่าต้นทุนจะไม่ขยับไปมากกว่านี้

ขณะเดียวกันรัฐบาลควรชดเชยการตรึงราคาน้ำมันเบนซิน เนื่องจากการเติบโตของรถยนต์ เป็นดัชนีส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลก็เก็บภาษีสรรพสามิตค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ดังนั้น รัฐบาลควรจะชดเชยราคาน้ำมันทั้งสองส่วน

นายกิตติ อ๋องประกิต จากห้างคาร์ฟูร์ เชียงใหม่ กล่าวในประเด็นนี้ว่า ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในลักษณะของห้างฯ จะบริหารในเรื่องลอจิสติกส์ อนาคตหากภาครัฐไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ได้ก็จะกระทบแน่นอน ทั้งนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ของห้างฯ ครึ่งหนึ่งเป็นอุปโภคบริโภค หากค่าขนส่งมากขึ้น ก็จะกระทบกับประชาชนในเรื่องการซื้อสินค้า ภาครัฐควรหามาตรการตรึงราคาน้ำมันไว้ต่อไป

ด้านนายไพโรจน์ ภัสสรภิญโญสกุล กรรมการผู้จัดการห้างริมปิงซุปเปอร์สโตร์ กล่าวว่า ราคาพลังงานที่แพงจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ ค่าใช้จ่าย 60% เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งผลกระทบของห้างฯ มี 2 ส่วนคือต้นทุนสินค้าและต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแล้ว อีกส่วนคือต้นทุนเรื่องเงินเดือนและพลังงานไฟฟ้า การลดพลังงานจะทำให้การทำธุรกิจมีต้นทุนลดลง

หวั่นระยะยาวกระทบ
เร่งหาพลังงานทดแทน

นายจุมพล ชุติมา ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องมองภาพรวมในหลายมิติครบวงจร และความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ เช่น การให้ความสำคัญของระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อที่จะช่วยลดการใช้รถส่วนตัว ประการสำคัญคือ การเตรียมแผนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องระบบขนส่งมวลชที่มีประสิทธิภาพและการรณรงค์สร้างจิตสำนึกการประหยัดพลังงานอย่างเข้มข้นสม่ำเสมอ

นายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตน้ำมันเป็นปัญหาค่อนข้างใหญ่ แม้สถานการณ์จะเกิดขึ้นทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยมีผลกระทบในเรื่องต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้านการเกษตร ประมง เกษตรอุตสาหกรรม โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตร คาดว่าจะได้รับผลกระทบระยะยาว ขณะเดียวกันแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่น่าจะลดลง เพราะผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่มีไม่กี่แห่ง ขณะที่มีผู้ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณอันตราย แม้ว่าผลกระทบต่อการท่องเที่ยวระยะสั้นจะยังไม่มี แต่เชื่อว่าต้นทุนในอนาคตจะสูงขึ้นแน่นอน

นายพุทธวรรษ วิลัยหงษ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า อย่างไรก็ตาม จำเป็นที่จะต้องมีมาตรการระยะยาว ควรมีการคิดเรื่องพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และรณรงค์ประหยัดพลังงาน.

รายงานโดย : ศูนย์ข่าวประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net