สงขลา - 11 ต.ค.47 เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. ที่ศาลาสนามฟุตบอลบ้านโคกสัก ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) สะกอม เปิดประชุมสภาตำบล เพื่อลงมติเรื่องที่ดินวะกัฟ (ที่ดินซึ่งเจ้าของยกให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ตามหลักศาสนา) ของ ต.สะกอม ตามที่โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียขอแลกเปลี่ยนกับที่ดินของโครงการฯ โดยมีสมาชิกอบต.ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ที่ดิน และปลัดอำเภอเข้าร่วมประชุม

นายมูนิน หวะหลำ ประธานสภาอบต.สะกอม กล่าวว่าการประชุมสภาเมื่อวันที่5 ต.ค.ที่ผ่านมาอบต.สะกอม ได้รับหนังสือจากทางอำเภอจะนะ ให้ประสานผู้ใหญ่บ้านและประชาชนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่ดินและปลัดอำเภอเข้าประชุมร่วมกัน เพื่อแสดงความคิดเห็นและลงมติเรื่องที่ดินดังกล่าว

นางสุรางรัตน์ ลีเดย์ ตัวแทนสำนักงานที่ดินอำเภอจะนะ กล่าวว่า ทางที่ดินรับฟังปัญหาของประชาชนและคิดมาตลอดว่าจะไม่ทำร้ายประชาชน แต่ขอให้เข้าใจบทบาทว่าที่ดินเป็นข้าราชการซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เมื่อบริษัททรานส์ไทย-มาเลเซียมาซื้อที่ดินก่อตั้งโรงแยกก๊าซ และมีที่ดินสาธารณะอยู่ในโรงแยกก๊าซ การแลกเปลี่ยนย่อมขึ้นอยู่กับท้องถิ่นว่าอนุญาตหรือไม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก หากประชาชนเดือดร้อนรัฐก็จะไม่อนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยน

ด้านนายรอหีม สะอุ ผู้นำศาสนาในชุมชนกล่าวว่า จะยอมให้มีการแลกเปลี่ยนที่ดินวะกัฟไม่ได้อย่างเด็ดขาดเพราะตามหลักการศาสนาไม่สามารถทำได้

"ผมเป็นคนสอนศาสนาผมต้องพูดอย่างนี้ แต่หากรัฐบาลจะทำก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ทางศาสนาถือว่าเป็นเรื่องผิดทำไม่ได้ และในหลักศาสนากำหนดไว้ว่า ถ้าผู้หนึ่งคนใดปฏิเสธหลักการจะตกศาสนาไป" นายรอหีมกล่าว

ด้านนายสุไลมาน หมัดยูโส๊ะ ตัวแทนบ้านตลิ่งชันลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ที่ตรงนั้นเป็นที่ดินทางศาสนา ไม่มีผู้ใดบังอาจที่จะยกที่ดินดังกล่าวให้บริษัทได้แน่นอน ที่ผ่านมานายอำเภอเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการวัดที่ดินสาธารณะ โดยไม่มีตัวแทนจากชาวบ้านเข้าร่วมแต่อย่างใด

นายสุไลมานกล่าวต่อว่า สิ่งที่เห็นได้ชัดคือข้าราชการทำตัวไม่น่าเชื่อถือและรับใช้กลุ่มทุน โรงไฟฟ้ากำลังจะเกิดขึ้นมาอีก โรงงานอุตสาหกรรมและท่าเทียบเรือก็กำลังจะตามมา ทั้งที่ภาครัฐเคยรับปากบอกว่าจะไม่มีสิ่งเหล่านี้ตามมา อย่างนี้จะให้ประชาชนไว้วางใจรัฐบาลได้อย่างไร

หลังจากนั้นจึงมีการร่วมลงมติ ผลปรากฏว่าไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ลงมติให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างที่ดินวะกัฟและที่ดินของบริษัทก่อสร้างท่อส่งก๊าซ โดยผู้เข้าร่วมประชุมได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อยืนยันว่าได้เข้าร่วมประชุมและรับรู้การลงมติการแลกเปลี่ยนที่ดินวะกัฟ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐบางคนถึงกับแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก

การประชุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐได้เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่เมื่อมีการลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน เจ้าหน้าที่บางคนกลับไม่ยอมลงชื่อและรีบเดินทางกลับโดยไม่ยอมให้เหตุผล

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์
ประชาไทรายงาน