วุฒิฯ เสนอชะลอแผนท่อเรือท่อก๊าซฯ ใต้

สงขลา-29 ต.ค.47 "หากเป็นไปได้อยากจะเสนอแนะว่า ขอให้มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ตรวจสอบการถือครองเอกสารสิทธิ์ให้แล้วเสร็จเสียก่อนว่า ที่ดินที่จะใช้สร้างท่าเทียบเรือชั่วคราวนั้นเป็นที่สาธารณหรือไม่" นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา ระบุ

วันนี้ กมธ.วุฒิสภา นำโดย นพ.นิรันดร์ เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านกลุ่มคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯไทย-มาเลเซียร้องเรียนว่า บริษัทเอกชนบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์เพื่อดำเนินโครงการท่อก๊าซฯ

การเดินทางมาในครั้งนี้ของคณะกรรมาธิการฯ ก็เพื่อต้องการคำตอบใน 4 ประเด็นก็คือ เรื่องของการออกเอกสารสิทธิ นส.3 ทับที่สาธารณะ ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่ามีคำพิพากษาของศาลระบุชัดเจน ,ประเด็นเรื่องการจะใช้ที่ดินริมทะเลในการสร้างท่าเทียบเรือชั่วคราว ซึ่งทาง อบต.สะกอมยืนยันว่าไม่อนุมัติให้ใช้ที่ดินริมทะเล, เรื่องป่าพรุ ที่มีการถมป่าพรุเพิ่มเป็น 3 จุดสุดท้ายก็คือ ประเด็นที่ดินบริจาคตามหลักศาสนา หรือที่ดินวะกัฟฮ์

ประธานกมธ.พัฒนาสังคมเห็นว่า หากปล่อยให้มีการดำเนินการไปก่อนแล้วผลของการพิสูจน์พบว่า มีการบุกรุกที่สาธารณะ จะทำให้ที่ดินนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

ด้านนายสุเทพ โกมลภมร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่า สำหรับในเรื่องของที่ดินวะกัฟฮ์ นั้นมีเอกสารยืนยันมาจากสำนักจุฬาราชมนตรีแล้วว่าการที่มีการร้องเรียนเรื่องที่ดินสาธารณะในพื้นที่ก่อสร้างโรงแยกก๊าซฯนั้นไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นที่ดินบริจาคตามหลักศาสนาอิสลามหรือที่ดินวะกัฟฮ์แต่อย่างใด

สำหรับในเรื่องของที่ดินที่มีการถือครองเอกสารสิทธิ์ นส. 3 จำนวน 98 ไร่เศษและกลุ่มคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯระบุว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินสาธารณะนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่ในเบื้องต้นได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาอำเภอจะนะ ว่าการได้มาซึ่ง นส.3 บนที่ดิน 98 ไร่นั้นถูกต้องตามระเบียบ ตามกฎหมายทุกขั้นตอน ส่วนจะทับที่สาธารณะหรือไม่นั้นทางนายอำเภอและ อบต.จะต้องร่วมกันตรวจสอบต่อไป หากพิสูจน์ได้ว่าที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะจริงเอกสารสิทธิ์ที่มีการถือครองอยู่ก็จะต้องถูกเพิกถอนไป

นอกจากนั้นทางกรรมาธิการฯ ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐพิจารณาว่า มีความจำเป็นหรือไม่ในการใช้กำลังตำรวจพร้อมอาวุธมาตรึงประจันหน้ากับชาวบ้าน และขอให้ราชการเปลี่ยนแนวคิดหันมาดูแลประชาชนแทนที่จะไปคุ้มครองบริษัทเอกชน และหากเป็นไปได้การสร้างท่าเทียบเรือชั่วคราวนั้นหากย้ายไปทำที่อื่นที่ไม่มีปัญหาน่าจะดีกว่า

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท