หาดใหญ่- 4พ.ย.47 "ทุกคนเห็นว่าสื่อในบ้านเราไม่ยอมเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมด ชาวบ้านจึงเลิกสนใจและหันไปรับชมติดตามข่าวสารจากสถานีโทรทัศน์ช่อง3 จากประเทศมาเลเซีย รวมทั้งรวมทั้งหนังสือพิมพ์มาเลเซียที่เข้ามาทำข่าวในวันดังกล่าวแทน" นายอรุณไทยสนิท อดีตประธานสภาเทศบาล ต.ตากใบ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกล่าวในงานเสวนาวิชาการเรื่อง "สันติสุขของคนใต้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร" จัดโดยกลุ่มนักวิชาการเพื่อสันติ ที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 คน

นายอรุณให้ข้อมูลด้วยว่า ช่วง10 นาทีแรกของการสลายผู้ชุมนุมเป็นไปด้วยความรวดเร็วและรุนแรง โดยยืนยันว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตมีมากกว่า6ศพในที่เกิดเหตุ รวมทั้งมีผู้สูญหายหลังจากการปะทะกันอีกราว80 ราย

"ผมไม่ต้องการเห็น 3จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเหมือนกับกบฏมินดาเนา ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่เกิดจากความความแตกต่างที่เมืองหลวงคือกรุงมะนิลาทิ้งให้มีความเจริญห่างกันถึง 25ปี เช่นเดียวกับกลุ่มกบฏอาเจะห์ ในอินโดนีเซีย ที่คนจากเมืองหลวงคือจาการ์ตาร์ มาดึงเอาความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของอาเจะห์ไปใช้จนหมดสิ้น ทำให้ทุกคนลุกขึ้นต่อสู้ ซึ่งแตกต่างจาก 3 จังหวัดที่ทุกฝ่ายต่างพยายามช่วยเหลือและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าร่วมมือแก้ไขปัญหา" นายอัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการสันติวิธีกล่าว

ด้านนางสาวนัยนา สุภาผึ้ง ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่ลงมาตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรงที่อำเภอตากใบ จ.นราธิวาส กล่าวว่า หลังจากลงพื้นที่คณะกรรมการสิทธิฯ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอข้อคิดเห็นและแนวทางแก้ปัญหา โดยเสนอให้สอบสวนหาผู้รับผิดชอบ เยียวยาความเสียหายและความบอบช้ำของผู้ได้รับผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งทบทวนปรับเปลี่ยนนโยบายให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงโดยเร็ว

ขณะที่ศ.สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ เมธีวิจัยอาวุโสด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้กล่าวว่า รัฐต้องเข้าไปดูแลว่าปัญหาเรื่องคำสอนของคัมภีร์อัลกุรอานในสถานศึกษาแต่ละแห่งถูกต้อง และเป็นไปในทางเดียวกันหรือไม่ ซึ่งทำได้โดยผู้รู้ศาสนาอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้กลุ่มวัยรุ่นเข้าร่วมกับผู้ก่อการ

ประชาไทรายงาน