นับแต่ที่ได้มีการยุบศอบต.และพตท.43 เมื่อสองปีก่อน การใช้ยุทธการใบไม้ร่วงเพื่อปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ การใช้กำลังทหารจับตาย 36 ศพ ณ มัสยิดกรือเซะและในท้องที่ข้างเคียงอื่นๆ รวม 108 ศพ เมื่อวันที่ 28 เดือนเมษายนที่ผ่านมา จนกระทั่งล่าสุดในเหตุการณ์ที่ตากใบ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวม 85 ศพ แทนที่เหตุการณ์จะลดความรุนแรงลงด้วยวิธีการปราบปรามดังกล่าว สถานการณ์กลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกที จากที่ไม่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกลอบฆ่าทำร้ายเลยเมื่อสองปีก่อน กลับมีผู้ถูกสังหารรายวัน จากที่มีคนเสียชีวิตเพียงวันละราย เป็นวันละนับสิบราย จากผู้ก่อการความไม่สงบที่รัฐบาลแถลงว่าเป็นเพียงโจรกระจอกในตอนแรกมาเป็นการแบ่งแยกดินแดนในปัจจุบัน ปรากฏการณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนอย่างยิ่งว่า นโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรอ้างมาโดยตลอดว่า ได้ดำเนินการมาถูกแนวทางแล้ว แท้จริงเป็นแนวทางที่ผิดพลาดโดยสิ้นเชิง
ประวัติศาสตร์ของสังคมโลกยุคใหม่ได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นสัจจธรรมมาโดยตลอดว่า การแก้ไขปัญหาเพื่อนร่วมชาติซึ่งมีอุดมการณ์ชาติที่แตกต่างกัน ไม่สามารถทำได้ด้วยความรุนแรง การกำเนิดของประเทศบังคลาเทศแยกออกจากปากีสถาน การเกิดขึ้นของประเทศติมอร์จากอินโดนีเซีย สงครามกลางเมืองเพื่อแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มขบวนการพยัคฆ์ทมิฬอีแลมในศรีลังกา ฯลฯ ล้วนพิสูจน์ให้เห็นว่าการแก้ไขด้วยความรุนแรงโดยไม่แยกแยะคนดีออกจากผู้ก่อความไม่สงบ การไม่ยึดหลักนิติธรรม แต่ใช้ความอคติต่อเพื่อนร่วมชาติเป็นเครื่องตัดสินความผิดถูก รังแต่จะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งๆขึ้น
ชมรมเพื่อนชาวมหิดล ในฐานะที่เป็นหน่วยเล็กๆหน่วยหนึ่งของสังคม ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลกลุ่มหนึ่ง มีความตระหนักและห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างยิ่ง เพราะการใช้ทัศนะคติกระแสชาตินิยมที่คับแคบ การใช้อคติต่อเพื่อนร่วมชาติที่แตกต่างทั้ง ชาติพันธุ์ ภาษา วัฒนธรรม และศาสนา ในสถานการณ์อันล่อแหลมในปัจจุบัน ยิ่งจะทวีความรุนแรงให้ปัญหานี้ทรุดหนักและวิกฤตยิ่งขึ้น กระทั่งอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด ชมรมเพื่อนมหิดลขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและวิงวอนเพื่อนร่วมชาติชาวไทย ทุกชาติพันธุ์และทุกศาสนาดังนี้
1. ขอให้รัฐบาลใช้ขันติธรรมแก้ปัญหาของเพื่อนร่วมชาติด้วยสันติวิธี และเคารพในสิทธิของประชาชนทุกคนในทุกกรณี พึงกระทำต่อประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันตามกฎหมายและสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เราขอประณามการใช้ความรุนแรงทั้งจากฝ่ายรัฐและผู้ก่อความไม่สงบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
2. การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยไม่ดำเนินการตามตัวบทกฎหมายอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นการตอกย้ำว่าประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดเป็นพลเมืองชั้นสองของประเทศ ซึ่งยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เพื่อนร่วมชาติหันเหไปในทางที่จะสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมากยิ่งขึ้น
3. เราเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา การบิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้น รังแต่จะทำให้บาดแผลทางใจต่อเพื่อนร่วมชาติในสามจังหวัดดังกล่าวรุนแรงและยากที่จะเยียวยายิ่งขึ้น การที่ประชาชนนอกพื้นที่รับข้อมูลเพียงด้านเดียว และไม่ใช้วิจารณญานเพื่อแยกแยะระหว่างผู้ก่อความไม่สงบและประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรมอย่างสันติ ไม่แยกแยะคนดีและคนร้าย แต่ใช้วิธีคิดแบบเหมารวมไปหมด เท่ากับเป็นการผลักดันให้พลังเงียบซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ในสามจังหวัด ไปสนับสนุนผู้ก่อความไม่สงบ เป็นการทำให้คนดีกลายเป็นคนร้าย
4. เราเรียกร้องให้ประชาชนชาวไทยร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริง รับฟังข้อมูลจากทุกๆฝ่ายแม้ว่าข้อมูลนั้นจะแตกต่างจากของรัฐบาลก็ตาม และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม มีส่วนร่วมกันแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาของชาติอย่างมีสติปัญญาด้วยสันติวิธี เราเรียกร้องให้ผู้ใฝ่สันติไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ความรุนแรง กล้าแสดงตัวเพื่อคัดค้านการใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหาทั้งจากฝ่ายบ้านเมืองและจากฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ
ประวัติศาสตร์ยุคใหม่แสดงให้เห็นว่า การที่คนดี คนมีความรู้ของสังคมไม่ร่วมใจกันต่อต้านต่อผู้ที่ใช้ความรุนแรง หรือการใส่ร้ายป้ายสีแบบสาดโคลนต่อผู้เปิดเผยความจริงต่อสังคม เป็นหนทางที่นำไปสู่อวิชชา ซึ่งจะทำให้สังคมเต็มไปด้วยความรุนแรงยิ่งขึ้น
โดยความรักและห่วงใยต่อประชาชนเพื่อนร่วมชาติและผืนแผ่นดินไทยอย่างแท้จริง
ชมรมเพื่อนชาวมหิดล
27 พฤศจิกายน 2547
ประชาไทรายงาน