กรุงเทพฯ-7 ธ.ค.47 "ประเทศไทยมีการกระจุกรายได้เพียงแค่คนกลุ่มเดียว โดยใน 20 % แรกมีรายได้รวมมากว่า 50 % ในประเทศไทย และใน 20 % สุดท้ายมีรายได้รวมเพียงแค่ 5 % ของทั้งหมดเท่านั้นเอง ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้วทั้งสองกลุ่มนี้มีรายได้ที่แตกต่างกันอย่างมาก "

ศ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวในการโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "ระดมภูมิปัญญา ขจัดปัญหาความยากจน" ซึ่งจัดโดยเครือข่ายสิทธิเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สำนักงานสิทธิมนุษยชนศึกษาและการพัฒนาสังคม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาสังคม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และองค์การแอ็คชันเอด ประเทศไทย ในหัวข้อปัญหาความยากจนกับความไม่เป็นธรรมของสังคม

โดยกล่าวว่า ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมซึ่งเป็นสาเหตุของความจน เนื่องมาจากความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน น้ำ ป่าไม้ และพื้นที่สื่อสาธารณะ และได้เสนอแนวทางการขจัดปัญหาความยากจนไว้คือ ต้องมีการกระจายรายได้ตามความเป็นจริง โดยมาตรการการเก็บภาษี อาทิเช่นภาษีที่ดิน สร้างความมั่นคงในสวัสดิการของประชาชน ป้องกันมิให้เกิดอำนาจผูกขาดในตลาด และทำให้กลุ่มคนที่ไม่มี หรือคนจน มีอำนาจต่อรองทางการเมือง

นอกจากนี้ตัวแทนชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจน เครือข่ายสลัม 4 ภาคสภาเครือข่ายผู้ป่วยจาการทำงาน และเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคใต้ ยังได้สะท้อนปัญหาความยากจนว่าเกิดขึ้นจากการขาดปัจจัยการผลิตที่สำคัญคือ ที่ดิน ที่ถูกถือครองโดยกลุ่มนายทุน และรัฐเองก็ไม่ได้มีมาตรการในการจัดการที่จริงใจกับประชาชน และเมื่อมีการตรวจสอบการถือครองที่ดินโดยมิชอบของนายทุนโดยความร่วมมือของรัฐโดยภาคประชาชน ประชาชนก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง เพราะรัฐกับนายทุนเป็นกลุ่มคนเดียวกัน ซึ่งทางออกที่ดีที่สุด คือการปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้ประชาชนได้ถือครองที่ดินในการทำกิน

ประชาไทรายงาน