ประชาไท-9 ธ.ค. 47 นาง อุษา เลิศศรีสันทัด ผู้อำนวยโครงการมูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า สถาน
การณ์เรื่องการค้ามนุษย์ในประเทศไทยยังอยู่ในระดับเลวร้ายเหมือนเดิม แต่เนื่องจากไม่มีข่าวให้คนทั่วไปรับรู้ ซึ่งประเทศไทยมีสถานะทั้งประเทศต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องค้ามนุษย์คนยังมองถึงแค่เรื่องการค้าบริการทางเพศเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมีมากกว่านั้นและปัญหายังไปรวมกับเรื่องการย้ายถิ่น ซึ่งต้องการความเข้าใจมากกว่านี้ในการแก้ไขปัญหา

ช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมา (7-8 ธ.ค.) พันธมิตรสากลต้านการค้าหญิง(The Global Alliance Against Traffic in Women : GAATW) ซึ่งมีสมาชิกอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก จัดการประชุม "การค้ามนุษย์และสิทธิมนุษยชนกบความท้าทายรูปแบบใหม่" ในโอกาสการประชุมสมัชชาใหญ่ ครบรอบ10 ปี ที่กรุงเทพฯ

"การแก้ปัญหาในปัจจุบันไม่ถึงไหนเนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีความมุ่งมั่น หลังจากที่ประกาศเรื่องการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เช่น กองทุนฟื้นฟูผู้หญิงที่จะแบ่งจากเงินของกองสลากปีละ 100 ล้านบาท ซึ่งมีการพูดมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมก็ยังไม่มีอะไร มีเพียงการรับเรื่องร้องเรียนที่ต้นสังกัดรับเรื่องมากขึ้น แต่ยังต้องไปติดตามและกลไกต่างๆยังไม่พร้อม" ผู้อำนวยโครงการ มูลนิธิผู้หญิง

นางธนียา รุญเจริญ ผู้จัดการโครงการประเทศไทย โครงการอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้าเด็กและหญิง กล่าวว่าในกรณีที่เป็นประเทศปลายทางยังมีการช่วยเหลือได้เพียงกลุ่มที่รู้ชัดเท่านั้น เช่น ที่เห็นข่าวว่ามีการบุกทลายซ่อง แต่กลุ่มเสี่ยงหรือแรงงานนอกระบบ เช่น งานเรือประมง งานบ้าน ยังไม่มีระบบตรวจสอบเพื่อให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือที่ชัดเจน

"นโยบายการจัดการเรื่องแรงงานนั้นไม่สามารถใช้กรอบแรงงานจัดการได้ทั้งหมด เนื่องจากการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามาในประเทศไทย เช่น จากพม่า มีปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการลี้ภัยจากการสู้รบ การถูกกดขี่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น เมื่อมีการพิสูจน์สัญชาติรัฐบาลก็จะไปพบกับคนบางกลุ่มที่ไม่มีสถานะ ซึ่งจะพบคำตอบในการจัดการมากกว่านี้ และเชื่อว่ารัฐบาลมีศักยภาพที่สามารถจัดการได้และเคยทำมาแล้วในอดีต เพียงแต่ตอนนี้ยังจัดการไม่ตลอด" ผู้จัดการโครงการประเทศไทย โครงการอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงฯ กล่าว

ปิ่นแก้ว อุ่นแก้ว
ประชาไทรายงาน